• ดั้นด้นกันมาจนถึงอาทิตย์สุดท้ายของเดือนนี้ ก็ส่งท้ายเดือน ๘ กันที่ พระสมเด็จบางขุนพรหม พิมพ์เส้นด้าย วัดใหม่อมตรส แขวงบางขุนพรหม เขตพระนคร กรุงเทพฯ หนึ่งในพระสมเด็จของ “โป๊ยเสี่ย” นายไชยทัศน์ เตชะไพบูลย์ เจ้าของรังพระใหญ่ มีชื่อเสียงแถวหน้าๆของวงการที่ให้สนามพระวิภาวดีนำมาลงให้ชมดูกันอยู่เรื่อยๆ...ครั้งนี้เป็น พระสมเด็จบางขุนพรหม พิมพ์เส้นด้าย องค์งามสมบูรณ์ ที่รู้จักเรียกกันว่าองค์หลังชมพู เป็นที่รู้กัน เพราะด้านหลังองค์พระมีสีชมพูที่ติดจากแผ่นรองหลังองค์พระในตลับ ซึ่งนิยมใช้แผ่นยางแผ่นผ้ากำมะหยี่ หรือแผ่นกระดาษแข็ง ซึ่งสมัยก่อนนิยมใช้สีแดง...พอเกิดความชื้นจากเหงื่อเข้าถึง ทำให้สีจากวัสดุรองซึมติดเข้าเนื้อพระให้เห็นอยู่อย่างชัดเจน จนเป็นเอกลักษณ์ประจำองค์ ที่บอกปุ๊บรู้เลยว่าเป็นพระองค์ไหน
พระสมเด็จบางขุนพรหม พิมพ์เส้นด้าย วัดใหม่อมตรส ของ
พระสมเด็จบางขุนพรหม พิมพ์เส้นด้าย วัดใหม่อมตรส ของ "โป๊ยเสี่ย" ไชยทัศน์ เตชะไพบูลย์.

...

  • ตามมาด้วย พระสมเด็จเกศไชโย พิมพ์ ๗ ชั้น หูประบ่า วัดไชโยวรวิหาร อ.ไชโย จ.อ่างทอง อีกหนึ่งพระพิมพ์ใหญ่ สกุลพระสมเด็จวัดเกศ ที่สร้างบรรจุไว้โดยท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ครั้งเดินทางไปสร้างองค์พระประธานเป็นที่ระลึก อุทิศส่วนกุศลให้โยมตาโยมแม่ ที่วัดไชโย...พระมาถูกพบตอนองค์เจดีย์เสื่อมสภาพ พังทลายลงมา ทำให้พระพิมพ์นิยมมาตรฐาน ๓ พิมพ์ ไหลออกมาในซากเจดีย์...ซึ่งจัดพิมพ์ที่ได้รับความนิยม ๓ พิมพ์ ซึ่งพระพิมพ์ใหญ่ ฐาน ๗ ชั้น เป็นหนึ่งในนั้น องค์นี้ของ เสี่ยโต้ง บางแค เป็นพระสภาพสมบูรณ์พองาม เพราะองค์พระมีริ้วรอยสัมผัสใช้ทั่วองค์ จัดเป็นพระสภาพซื้อง่ายขายคล่อง เพราะราคาไม่โหด
พระสมเด็จเกศไชโย พิมพ์ ๗ ชั้นหูประบ่า วัดไชโยวรวิหาร ของโต้ง บางแค.
พระสมเด็จเกศไชโย พิมพ์ ๗ ชั้นหูประบ่า วัดไชโยวรวิหาร ของโต้ง บางแค.
  • อีกรายการเป็น พระเลี่ยง กรุวัดดอนแก้ว อ.เมือง จ.ลำพูน ๑ ในพระพิมพ์เนื้อดินยอดนิยมแถวหน้า ในสกุล “พระลำพูน” ที่มีชื่อเสียงเลื่องลือด้านคุ้มครองป้องกันให้แคล้วคลาดภัยสูง เคียงคู่มากับพระรอด วัดมหาวัน...องค์นี้ของ เสี่ยศรัณย์ยักษ์ เวสสุวรรณ ค้นพบจากกรุต้นกำเนิด วัดดอนแก้ว ที่ได้รับความนิยมที่สุด องค์งามสมบูรณ์สภาพเดิมๆ แบบนี้ประมาณแสนต้นๆ
พระเลี่ยง กรุวัดดอนแก้ว ของศรัณย์ยักษ์ เวสสุวรรณ.
พระเลี่ยง กรุวัดดอนแก้ว ของศรัณย์ยักษ์ เวสสุวรรณ.
  • ต่อด้วย พระนางกำแพง เม็ดมะลื่น กรุลานทุ่งเศรษฐี อ.เมือง จ.กำแพงเพชร พระเนื้อดินเผาที่พบเกือบทุกกรุพระในลานทุ่งเศรษฐี...เป็นพิมพ์ที่ได้รับความนิยมสูง เพราะชื่อพิมพ์ดูดีมีมงคล เชื่อว่าใครได้มีไว้ใช้บูชาจะทำให้ประสบความสำเร็จในชีวิต คิดทำสิ่งใดก็ราบรื่น...องค์นี้ของ เสี่ยเบิร์ด ทัพหลวง เป็นพระสภาพงาม สมบูรณ์เดิมๆ ที่พบยากในปัจจุบัน ราคาก็สูงถึงหลักแสนต้น

...

พระนางกำแพง เม็ดมะลื่น กรุลานทุ่งเศรษฐี ของเบิร์ด ทัพหลวง.
พระนางกำแพง เม็ดมะลื่น กรุลานทุ่งเศรษฐี ของเบิร์ด ทัพหลวง.
  • ต่อด้วยพระพิมพ์นิยมแถวหน้าในตระกูล วัดกลางบางแก้ว ที่พระพุทธวิถีนายก (หลวงปู่บุญ ขันธโชติ) สร้างไว้ คือ พระชัยวัฒน์ ร.ศ.๑๑๘ (พ.ศ. ๒๔๔๓) เนื้อเหลือง...เป็นพระหายากในสกุลพระชัยวัฒน์ ที่หลวงปู่บุญสร้างตามตำรับวิชาสมเด็จพระสังฆราช (แพ) วัดสุทัศน์ ซึ่งเป็นสหมิกธรรมที่ใกล้ชิด แลกเปลี่ยนเรียนวิชากัน ....หลวงปู่เพิ่ม เจ้า อาวาสองค์ต่อมาเคยเล่าถึงสมัยยังเป็นเณรว่า เวลาหลวงปู่บุญประกอบพิธีสร้างพระชัยวัฒน์ ที่มีหลายแบบพิมพ์ อาทิ พิมพ์ต้อ พิมพ์คอหนอก พิมพ์ป้อมใหญ่ พิมพ์ป้อมเล็ก เกศแหลม และพิมพ์ชะลูด สมเด็จจะมาอยู่วัดกลางบางแก้วเป็นเดือน เพื่อร่วมสร้างพระชัยวัฒน์ ...พระพิมพ์ชะลูดเป็นองค์พระนั่งปางสมาธิเพชร ทรงชะลูด อยู่เหนือฐานบัวทรงสูง พระเกศบัวตูม พระพักตร์ติดชัดงดงาม ชายผ้าสังฆาฏิสั้น แบบพุทธศิลป์สมัยเชียงแสน เนื้อพระเป็นโลหะมีเนื้อเงิน เนื้อทองคำผสมวรรณะเนื้อเหลือง ด้านหน้าองค์พระมีเลขไทยบอกปีสร้าง ร.ศ. ๑๑๘ (พ.ศ.๒๔๔๓) ...เชื่อได้ว่าเป็นพิมพ์เดียว ฝีมือช่างเดียวกันกับพระชัยวัฒน์ พระพุฒาจารย์ (มา) วัดสามปลื้ม ที่สร้างตามตำรับพระกริ่ง-พระชัยวัฒน์ ที่ได้รับสืบทอดมาจากสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรสด้วย เนื้อโลหะผสมที่ได้มาจากพระพุทธรูปที่หลอมละลายจากเหตุไฟไหม้มณฑป ที่ประดิษฐานรอยพระพุทธบาทสระบุรี วรรณะเนื้อแดง ที่สร้างออกในช่วงเวลาเดียวกัน...ในอดีตได้รับความนิยมสูงกว่า แต่ตอนนี้หลักแสนปลายขึ้นถึงหลักล้านเหมือนกัน ถ้าพระแท้ดูง่าย สมบูรณ์เดิมๆอย่างองค์นี้ ของ เสี่ยเพชร-อิทธิชวลิตธำรง

...

พระชัยวัฒน์ ร.ศ.๑๑๘ เนื้อเหลือง หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว ของอิทธิ ชวลิตธำรง.
พระชัยวัฒน์ ร.ศ.๑๑๘ เนื้อเหลือง หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว ของอิทธิ ชวลิตธำรง.
  • อีกสำนักเป็น รูปเหมือนปั๊ม ก้นระฆัง กะไหล่ทอง พ.ศ.๒๕๑๒ หลวงพ่อพรหม วัดช่องแค อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ พระเกจิฯ ผู้มีพุทธาคมเข้มขลัง ได้รับการยกย่องเคารพศรัทธาเป็นพระเกจิอาจารย์ของชาวเมืองปากน้ำโพ เทียบได้กับหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ...เพราะวัตถุมงคลที่ท่านสร้างให้ศิษย์ใช้ทั้งพระเครื่องของขลัง มีอานุภาพความศักดิ์สิทธิ์ทั้งด้านคุ้มครองป้องกันภัย คงกระพันชาตรี มหา อุด มหาโชค มหาลาภ ทุกรุ่นมีราคาถึงหลักหมื่น หลักแสน ....โดยเฉพาะยุคแรกๆอย่าง รูปเหมือนปั๊ม ก้นระฆัง ของ เสี่ยเฉิน รังเทพ ที่เป็นรูปเหมือนพระเกจิอาจารย์ ๑ ใน ๕ ที่มีราคาสูงถึงหลักแสนกลาง...เป็นรูปจำลององค์ท่านนั่งสมาธิลอยองค์ เนื้อโลหะปั๊ม แบบพิมพ์ประกบด้วยเนื้อโลหะผสม ทองเหลือง ทองแดง และโลหะกะไหล่ทอง ใต้ฐานมีตอกโค้ดรูประฆังกำกับ เป็นจุดพิจารณาสำคัญก่อนจ่ายตังค์ ก่อนจะพลั้งพลาด

...

รูปเหมือนปั๊ม ก้นระฆัง กะไหล่ทอง พ.ศ.๒๕๑๒ หลวงพ่อพรหม วัดช่องแค ของเฉิน รังเทพ.
รูปเหมือนปั๊ม ก้นระฆัง กะไหล่ทอง พ.ศ.๒๕๑๒ หลวงพ่อพรหม วัดช่องแค ของเฉิน รังเทพ.
  • ไปดูตลาดเหรียญรายการแรกคือ เหรียญหลังพัดยศ พ.ศ.๒๕๑๘ พระราชสังวราภิมณฑ์ (หลวงปู่โต๊ะ) วัดประดู่ฉิมพลี เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพฯ สร้างออกเป็นเหรียญที่ระลึกตอนได้รับพระราชทานฐานาสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะในฐานาพระราชสังวราภิมณฑ์ เมื่อปี พ.ศ.๒๕๑๘...เป็นเหรียญปั๊มทรงกลม รูปไข่ ด้านหน้ากลางเหรียญเป็นรูปจำลององค์ท่านนั่งสมาธิเต็มองค์บนโต๊ะ ล้อมด้วยช่อดอกไม้ลายไทย ด้านล่างมีแถบริบบิ้น บอกนามพระสังวรวิมลเถร ด้านหลังกลางเหรียญเป็นรูปพัดยศ ...อันนี้เป็นเหรียญเนื้อทองคำของร้าน DM หลวงปู่โต๊ะ ที่บอกมาว่าราคาถึง ๒ ล้านแล้ว เจ้าข้าเอ๊ย
เหรียญพัดยศ รูปไข่ พ.ศ.๒๕๑๘ เนื้อทองคำ หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี ของร้าน DM หลวงปู่โต๊ะ.
เหรียญพัดยศ รูปไข่ พ.ศ.๒๕๑๘ เนื้อทองคำ หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี ของร้าน DM หลวงปู่โต๊ะ.
  • รายการสุดท้ายเป็นตะกรุดหนังหน้าผากเสือ พระพิมลธรรม (นาค สุมนนาโค) วัดอรุณราชวราราม เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพฯ ....ท่านเป็นชาวบ้านบางพูน จ.ปทุม ธานี เกิดใน พ.ศ.๒๔๑๕ พออายุ ๑๒ ปี บรรพชาเป็นสามเณรอยู่กับพระอธิการหว่าง วัดสารพัดช่าง (พระครูธรรมานุสารี วัดเทียนถวาย) และเข้าสอบเปรียญธรรมได้ประโยค ๔ เมื่อปี พ.ศ.๒๔๓๓....พ.ศ.๒๔๓๕ อุปสมบท และจำพรรษาอยู่ที่วัดสุทัศน์ โดย สมเด็จพระวันรัต (แดง) เป็นพระอุปัชฌาย์ อยู่เรียนพระปริยัติธรรม และสอบได้อีก ๒ ประโยค เป็นพระเปรียญธรรม ๖ ประโยค ปี พ.ศ.๒๔๔๑ สอบครั้งสุดท้ายได้อีก ๑ ประโยค เป็นพระเปรียญธรรม ๗ ประโยค...ท่านได้รับเลื่อนสมณศักดิ์เรื่อยๆ จนเป็นพระราชาคณะที่ พระพิมลธรรม ครองตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดอรุณฯ ลำดับที่ ๑๐ มาจนถึงมรณภาพ เมื่อ ๑๔ กรกฎาคม พ.ศ.๒๔๘๘...ตลอดอายุได้สร้างวัตถุมงคลมีชื่อเสียง ๒ ชนิด คือ รูปถ่ายองค์ท่านติดกระจก ทรงข้าวหลามตัด กับตะกรุดหนังหน้าผากเสือ ปิดทอง ม้วนมัดเชือก ๓ ปล้อง แบบอันนี้ของ เสี่ยป๊อป ธีระ...เป็นเครื่องรางฯที่ได้รับความนิยมแถวหน้า ราคาหลักแสน และหายากสุดๆ เพราะเป็นตะกรุดที่ท่านสร้างเองจากหนังหน้าเสือ ส่วนหน้าผากเท่านั้น...
ตะกรุดหนังหน้าผากเสือ หลวงปู่นาค วัดอรุณ ของป๊อป ธีระ.
ตะกรุดหนังหน้าผากเสือ หลวงปู่นาค วัดอรุณ ของป๊อป ธีระ.

โดยตัดหนังเป็นแผ่นสี่เหลี่ยม ขนาดราว ๔×๔ ซม.ลงอักขระพระคาถาไตรสรณาคมน์ ก่อนม้วนปิดทอง มัดเชือกถัก ๓ ปล้อง และปลุกเสกก่อนมอบศิษย์ที่คู่ควร...ปัจจุบันเป็นวัตถุมงคลหนังหน้าผากเสือที่ได้รับความนิยมสูงสุด แต่น้อยคนจะได้ จุดพิจารณาอยู่ที่อายุความแห้งเก่าของหนังเสือ เนื้อทอง และเชือกถัก ที่มีเคล็ดลับว่าทุกจุด นับแต่รอยตัดขอบหนังเสือ การปิดทอง การม้วนต้องแน่น ขอบเสมอกัน การถักเชือกต้องมัดตึง มีความประณีตเรียบร้อยบรรจงอย่างมากสุดๆ...ลาเดือนสิงหากันฮาเฮด้วยเรื่องปิดท้ายที่วัดดังในเมืองราชบุรี ซึ่งมีงานประจำปี มีดนตรี ออกร้านการละเล่น อาหาร บันเทิง มีคนเที่ยวชมเยอะ เพราะอั้นมานาน ....ภาคกลางวันมีแข่งขันกีฬาท้องถิ่น เช่น ตะกร้อ เปตอง แต่ที่ได้รับความสนใจมากเป็นการแข่งกินจุซึ่งมีทั้งผู้สมัคร กอง เชียร์ ล้นหลาม เพราะเป็นการแข่งกินอาหารมีชื่อเสียงประจำถิ่น ...ในบรรดาผู้เข้าแข่งขัน ครอบครัว นายชาติชาย เจ้าของร้านอาหารดังของเมืองนี้ ส่ง ด.ช.ป๊อป ลูกชายวัย ๑๒ ปี ตัวอ้วนกลม คนกินจุประจำบ้านเข้าแข่งด้วย ก็ผ่านรอบแรก ๑๕ คน...จนมาถึงรอบสุดท้าย เหลือผู้แข่งขัน ๓ คน ซึ่ง ด.ช.ป๊อป เป็นเด็กสุด ก่อนแข่งรอบสุดท้าย ผู้จัดการแข่งขันก็สัมภาษณ์ทั้ง ๓ คน...คนที่ ๑ เป็นผู้หญิงวัยกลางคน ร่างใหญ่ บอกว่า เคยแข่งชนะมาหลายงานแล้ว ครั้งนี้ก็มั่นใจ เพราะฝึกซ้อมเตรียมตัวมาดี...คนที่ ๒ เป็นชายวัยอาวุโสตัวใหญ่เบิ้ม บอกก็มั่นใจเพราะเพิ่งแข่งชนะมาเมื่อไม่นาน ด้วยเทคนิคการกินจุเป็นเคล็ดลับของตัวเอง...

มาถึง ด.ช.ป๊อป ที่ถูกมองว่าเป็นรองทุกคน ให้สัมภาษณ์ว่า ผมเพิ่งเข้าแข่งขันเป็นครั้งแรก แต่ขอสู้เต็มที่ เชื่อว่าจะชนะได้เหมือนกัน...โฆษกถามว่า แล้วซ้อมกินมานานหรือยัง มีเคล็ดลับอะไร แต่ หนูป๊อป ตอบฉะฉาน ผมไม่ได้ซ้อมกินเลย แต่มั่นใจเพราะคุณพ่อเพิ่งให้ พระสังกัจจายน์ องค์อ้วนมาคล้องคอ--ผลการแข่งขันไม่ได้แจ้งมา แต่ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะ หลวงพ่อสังกัจจายน์ก็คงอิ่มจุกจากการกินกระหน่ำของ น้องป๊อป จนไม่ต้องฉันไปหลายมื้อเจ้าค่ะ อามิตตพุทธ.

สีกาอ่าง