สวัสดีท่านผู้ชม วันนี้เราเริ่มกันที่คำสอนของหลวงปู่ชา พระนักปฏิบัติ ที่มีจุดเด่นด้วยการ เปรียบเทียบที่เข้าใจง่ายและคม ดังคำหนึ่งที่ว่า “เรากลัวอะไร ถ้ากลัวตาย ความตายมันอยู่ที่ไหน ก็อยู่ที่ตัวเราเอง จะหนีพ้นมันได้ไหม ก็ไม่พ้น ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ในที่มืด หรือในที่แจ้ง ก็ตายทั้งนั้น จะกลัวหรือไม่กลัว ก็ไม่มีทางพ้น เมื่อรู้อย่างนี้ ความกลัวไม่รู้หายไปไหน เลยหยุดกลัว เหมือนกับที่เราออกจากที่มืดสู่ที่สว่าง”
ต่อเข้าสนามพระ ก็พบองค์แรกตามคำขอว่าอยากดู พระสมเด็จ พิมพ์ใหญ่ องค์ดังๆ ก็เลยจัด องค์ “เสี่ยดม” ซึ่งเป็น องค์แชมป์ ตลอดกาล
ชื่อเรียก “องค์เสี่ยดม” ก็ได้มาตามชื่อเจ้าของผู้มีชื่อเสียงแถวหน้าในวงการพระ ซึ่งล่วงลับลาไปแล้ว คือ เสี่ยอุดม กวัสสราภรณ์ ซึ่งนำพระองค์นี้เข้าเผยโฉม เป็นที่ตื่นเต้นฮือฮา
เพราะสภาพพระสมบูรณ์งดงาม ทั้งฟอร์มทรง พิมพ์พระ เนื้อมวลสาร เทียบได้กับ พระสมเด็จ วัดระฆัง ทุกองค์ ที่เป็น องค์แชมป์ ในขณะนั้น ทั้ง องค์ครูเอื้อ องค์ลุงพุฒ องค์กวนอู องค์ขุนศรี องค์ลายงา ฯลฯ
...
เมื่อเปรียบเทียบความสมบูรณ์งดงาม โดยรวมแล้ว ผู้ชำนาญการ ยกให้พระสมเด็จองค์นี้ เป็น ๑ ใน ๕ พระสมเด็จ วัดระฆัง ที่มีความสมบูรณ์ งดงามเป็นที่สุด ซึ่งยังไม่มี พระสมเด็จ วัดระฆัง องค์ใดงามพร้อม เบียดให้พ้นตำแหน่งนี้ได้
วันก่อน นักนิยมพระชั้นอ๋อง ตั้งวงพูดคุยถึงเรื่องราคาพระสมเด็จองค์ดังๆว่า ปัจจุบันมีการกำหนดราคากันที่หลัก ๑๐๐ ล้านแล้ว จริงหรือ ก็ขอยืนยันว่า จริง เพราะฟังจากเจ้าของพระสมเด็จฯองค์ดัง ท็อปเทน หลายท่าน ทุกคนก็บอกเบาๆว่าเป็นราคาที่มีคนมาเสนอ แต่ยังไม่อยากสนอง
ตามมาด้วย พระนางพญา พิมพ์เทวดา เนื้อแดง กรุวัดนางพญา อ.เมือง จ.พิษณุโลก พระแท้ดูง่าย สภาพสมบูรณ์ ของ เสี่ยเกื้อกูล มานะสัมพันธ์กุล
พิมพ์ทรงองค์พระดูใหญ่ ล่ำ ลึก ฟอร์มทรง สมส่วน จากการกดพิมพ์ แบบพิถีพิถัน ตัดขอบข้างอย่างบรรจงเด่นสุดอยู่ที่สีเนื้อแดงเข้ม ซึ่งเป็นสีที่ดูเข้มขลัง มีพลังความศักดิ์สิทธิ์สูง ถึงพลานุภาพของ “พระนางพญา” ทั้งด้านแคล้วคลาด คงกระพันชาตรี เมตตา มหานิยม เสริมสง่า บารมี ผู้ใช้บูชา
ในอดีตเชื่อกันว่า เป็นพระผู้หญิงใช้ เพราะผู้สร้างคือ พระวิสุทธิกษัตรี พระมเหสีพระมหาธรรมราชา (ลิไท) แต่ปัจจุบันถูกผู้ชายแย่งใช้ ด้วยความเชื่อใหม่ว่า สตรีใช้ได้ ผู้ชายใช้ดี ได้เป็นเจ้าคนนายคน
ตามมาด้วย พระพุทธชินราช ใบเสมา เนื้อชินเงิน กรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ อ.เมือง พิษณุโลก เห็นปั๊บ จำได้ว่าเป็นองค์แชมป์ ที่หมุนเวียนเปลี่ยนมืออยู่กับนักนิยมพระมือฉมังแบบสมบัติผลัดกันชม
ตอนนี้ อยู่ในครอบครอง ของ เสี่ยพรรค คูวิบูลย์ศิลป์ ซึ่งเป็นเซียนพระที่ยอมรับกันว่า เป็นคนหนึ่งที่มีจุดยืนในการเล่นหา นำเสนอที่จริงใจ
...
ต่อด้วย พระปิลันทน์ พิมพ์โมคคัลลาน์ สารีบุตร สมเด็จพระพุฒาจารย์ (ม.จ.ทัต เสนีย์วงศ์) วัดระฆังฯ กทม. ของ ดร.หมอ
จำได้ว่า เป็นองค์ที่ ๒ หรือ ๓ ของพระสกุลนี้ พิมพ์นี้ ที่ส่งมาให้ชม ทุกองค์เป็น พระแท้ดูง่าย สภาพงามเยี่ยม บอกให้รู้ถึงความเป็นนักนิยมพระ ผู้มีวิสัยทัศน์ ศึกษาก่อนสะสม มองการณ์ไกล และให้คุณค่ากับพิมพ์พระที่มีอัตลักษณ์ หายาก เป็นพระดีมีอนาคต
แบบนี้ ยิ่งมีเก็บมากเท่าไร มองในมุมนักสะสมยิ่งมีความภาคภูมิ ถ้ามองในมุมนักลงทุน ก็มีกำไรเกินคุ้มแน่
อีกรายการเป็น พระชัยวัฒน์ ก้นอุดชันนะโรง หลวงปู่เอี่ยม วัดหนังฯ เขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯ
...
รุ่นนี้มีบันทึกการสร้าง ๓ วาระ คือ ครั้งที่ ๑ ตอนอยู่วัดโคนอน ครั้งที่ ๒ เมื่อกลับมาอยู่วัดหนังฯใหม่ๆ ประกอบพิธีที่โคนต้นจัน ทั้ง ๒ ครั้ง เป็นการสร้างแบบภายใน
ครั้งที่ ๓ สร้างออกอย่างเป็นทางการ เพื่อหารายได้สร้างเขื่อนกันน้ำท่วม เมื่อปี พ.ศ.๒๔๖๓ มีองค์ใหญ่สำหรับผู้ชาย องค์เล็กสำหรับผู้หญิง-เด็ก อย่างละประมาณ ๑,๐๐๐ องค์
ลักษณะเป็นองค์พระพุทธ นั่งปางสมาธิเพชร ลอยองค์เหนือฐานบัว มีสายประคำรอบพระศอ เหมือนพระกริ่งตั๊กแตนเขมร ที่ท่านมีใช้บูชาติดย่าม
ใต้ฐานบรรจุกระดาษสา ลงอักขระเลขยันต์ อุดปิดด้วยชันนะโรง เนื้อเป็นนวโลหะกลับดำ นิยมเรียก พระชัย เขื่อนใหญ่-เขื่อนเล็ก องค์นี้ของ เสี่ยเพชร-อิทธิ ชวลิตธำรง เป็น พระชัยสร้างเขื่อนใหญ่ สภาพสมบูรณ์ สวยเดิม ราคาหลักแสนปลาย
...
อีกรายการเป็นเหรียญรุ่นแรก พ.ศ.๒๔๖๑ พระครูวิริยกิจจารี หรือหลวงพ่อโม ธัมมสโร วัดไตรมิตรฯ (สามจีน) เขตสัมพันธวงศ์ กทม.
ท่านเป็นพระเกจิ เชื้อสายจีน นาม โม แซ่ฉั่ว บ้านอยู่ใกล้ตลาดน้อย ที่นักบู๊เลือดมังกร ในถนนสายเยาวราช หัวลำโพง ยุคนักเลงครองเมือง ให้ความเคารพศรัทธาอย่างสูง
ท่านเรียนหนังสือไทย-จีน ที่วัดไตรมิตรฯ และสนใจวิชาอาคม เมื่อบวชที่วัดไตรมิตรฯ โดยมีพระปรากรมุนี (เปลี่ยน) เจ้าอาวาสวัดปทุมคงคา เป็นพระอุปัชฌายาจารย์ ก็ไปอยู่ปฏิบัติพระอาจารย์
จึงได้รับถ่ายทอดวิชาทั้งปริยัติปริธรรมและวิชาพุทธาคม เมื่อ พระปรากรมุนีได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าคณะปกครองคณะสงฆ์มณฑลภาคเหนือ เป็นเจ้าอาวาส วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ พิษณุโลก ท่านก็ตามไปปรนนิบัติ ทำให้ได้รู้ถึงอานุภาพ องค์หลวงพ่อพระพุทธชินราช เกิดศรัทธา ตลอดมา
พอกลับมาจำพรรษาที่วัดไตรมิตรฯ ในปี พ.ศ.๒๔๖๐ ท่านจึงสร้างพระหลวงพ่อพุทธชินราช เนื้อตะกั่ว หลังจารอักขระลายมือ ออกเผยแพร่ มีอานุภาพความศักดิ์สิทธิ์ ด้านคุ้มครองป้องกันภัย แคล้วคลาด คงกระพันชาตรี ร่ำลือในยุคสงครามอินโดจีน
ปี พ.ศ.๒๔๖๑ ท่านได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดไตรมิตรฯ ก็สร้างเหรียญปั๊มเนื้อเงิน รูปไข่ ด้านหน้าเป็นรูปจำลองครึ่งองค์ ด้านหลังเป็นยันต์ครู ออกเป็นเหรียญที่ระลึก จำนวนหลักร้อย
ได้รับความนิยมมาตั้งแต่ยุคอันธพาลครองเมือง ถึงปัจจุบัน เป็นเหรียญพระเกจิอาจารย์ยอดนิยม ราคาหลักแสน-หลักล้าน ที่หาพบเห็นยากสุดๆ ยิ่งสวยแชมป์ สภาพเดิมๆอย่างนี้ของ เสี่ยเชาว์ เพชรเกษม มีเงินก็ใช่จะหาได้
ต่อด้วย เหรียญ รุ่น ๒ พ.ศ.๒๔๙๘ หลวงพ่อทองศุข วัดโตนดหลวง อ.ชะอำ เพชรบุรี อมตะพระเกจิฯแถวหน้าของเมืองเพชรฯ ที่มีชื่อเสียงด้านวิชาอาคม
โดยเฉพาะวิชาลงกระหม่อม ที่มีประชาชนทั่วสารทิศเดินทางไปให้ท่านลงกระหม่อม คิวยาวชนิดต้องพักค้างแรมรอกันด้วยความศรัทธา
ดังมีคำกล่าวกันว่า ลงหัว เป่าทะลุกระดาน เพราะมีผู้ทดลองเอาใบตองรองนั่งให้ท่านลงกระหม่อม บอกว่าเมื่อท่านใช้เทียน เขียนอักขระลายมือ ลงเลขยันต์กลางกระหม่อมเสร็จ ตั้งจิตภาวนาเป็นสมาธิ เป่าพรวด มีความรู้สึกเหมือนมีพลังวิ่งผ่านร่างกาย จากบนลงล่าง เมื่อลุกดู เห็นชัดเป็นอักขระเลขยันต์ ครบสูตร ติดอยู่กับใบตอง ต่อหน้าผู้อยู่ในเหตุการณ์ กล่าวกันว่าผู้ได้รับการลงกระหม่อมจากท่าน จะติดไปถึงลูกคนหัวปี ไม่มีวันตายโหง
นอกจากการลงกระหม่อมท่านได้สร้างพระเครื่องของขลัง ตะกรุดโทน พอกครั่งพุทรา ภาพถ่าย สายสิญจน์ และเหรียญรุ่นแรกกับเหรียญรุ่น ๒ พ.ศ.๒๔๙๘ ที่ได้รับความนิยมสูงกว่าเหรียญรุ่นแรก อย่างเหรียญในภาพนี้ ของ เสี่ยพายุ บ้านวัชรสาร
เป็นเหรียญสภาพสมบูรณ์เดิมๆ เห็นได้จากพรายโลหะสีรุ้ง ด้านหน้าเหรียญรอบองค์ท่าน ที่เกิดจากแรงอัดของเครื่องจักร และอายุความเก่า สวยแชมป์สุดเท่าที่เคยเห็นมา
ตามมาด้วย เบี้ยแก้ หลวงปู่รอด วัดนายโรง เขตตลิ่งชัน กทม. ของ เพชร อิทธิ ที่เล่าด้วยว่า ก่อนจะได้มา เจ้าของเดิมบอกเป็นเบี้ยแก้ หลวงพ่อพักตร์ วัดโบสถ์ ก็โอเคแล้ว เพราะถือเป็นเบี้ยแก้ เข้าขั้น มีชื่อชั้นเป็น ๑ ในเบี้ยแก้ยอดนิยม
ก็อยากได้ จึงขอดูของ พอเห็นรูปทรงองค์เบี้ย รูปแบบการถักเชือก แบบเปิดเห็นหลัง รักเคลือบเก่าเข้าเนื้อ มีอายุถึงยุค ก็ดีใจ จ่ายเงิน ได้เบี้ยกลับมานั่งส่องนอนส่อง พอเห็นตะเข็บลายถัก เป็นสไตล์หลวงปู่รอด ก็ตื่นเต้น ยิ่งส่องเจอตะเข็บรอยต่อ ซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์ การพิจารณา ลายถักเบี้ยหลวงปู่รอด
สรุปโดยรวม ทั้งรูปทรงองค์เบี้ย เอกลักษณ์ลายถัก อายุรักเก่าเข้าเชือกถึงยุคแล้วเจ้าตัวมั่นใจว่า น่าจะเป็น เบี้ยหลวงปู่รอด ถึงจะมีใครค้านว่า เป็นเบี้ยหลวงพ่อพักตร์ ก็เอาที่สบายใจ--แต่ใครอยากขอซื้อ ขอตั้งราคาไว้ในเรตเบี้ยหลวงปู่รอด เจ้าข้า
บอกลาฮาเฮกับเรื่องปิดท้ายของ เสี่ยปิติ เจ้าของอู่ต่อเรือ ใน จ.สุพรรณฯ มีลูกชายชื่อ ชัยวัฒน์ เป็นนักเรียน ม.ปลาย ร.ร.ชื่อดัง
ลูกชายเป็นเด็กนิสัยดี ว่านอน สอนง่าย สุภาพเรียบร้อย และมีความสามารถพิเศษ เป็นนักโต้วาที โรงเรียนจึงส่งไปแข่งขันระดับจังหวัด ก็ผ่านมาถึงรอบสุดท้าย ชิงชนะเลิศ
ก่อนถึงวันแข่งขัน นายชัยวัฒน์ ก็กระวนกระวายกลัวจะแพ้คู่แข่งขัน ที่เคยเป็นอดีตแชมป์ พ่อ-แม่ เห็นเครียดนั่งเงียบผิดปกติ ก็สอบถาม
พอรู้ว่าลูกชายขาดความมั่นใจ เสี่ยปิติ ก็ถอดสร้อยคล้องพระเครื่องเดี่ยวองค์เดียวในคอออก คล้องคอให้ลูกชาย บอก นี่เป็น พระมเหศวร พิมพ์ใหญ่ กรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จ.สุพรรณฯ บ้านเกิดเรา ที่พ่อใช้คล้องคอ อาราธนาบูชา ติดตัวมาองค์เดียวเดี่ยวๆ ช่วยให้พ่อผ่านเหตุการณ์ร้ายๆ เอาชนะคู่แข่งทั้งหลาย ตั้งตัวมาได้ เชื่อว่าพระมีส่วนช่วยเยอะ ให้ลูกคล้องคอไป เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการแข่งขัน--นายชัยวัฒน์ จับพระในคอ ยกพนมมือเหนือหัว สายตามีพลังมั่นใจขึ้นมาทันที
ถึงวันแข่งขัน พ่อ-แม่ตามไปเชียร์ แต่เกิดเหตุการณ์ผิดคาด เพราะลูกชายที่กำลังแข่งขัน เกิดบันดาลโทสะเดินเข้าหาคู่แข่งขันด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว ครูอาจารย์ต้องเข้าห้ามเป็นพัลวัน งานนี้ พ่อ-แม่ต้องไปนั่งฟังครูอบรมลูกชาย ซึ่งถูกคาดโทษ และฝากให้พ่อ-แม่ช่วยอบรม
พอกลับถึงบ้าน ทุกคนอารมณ์เย็น เสี่ยปิติ ก็ถามลูกว่าเกิดอะไรขึ้น ถึงอารมณ์ร้อน ผิดวิสัย ลูกชายตอบว่าไม่รู้เป็นอะไร มันโมโห เมื่อพูดตอบโต้เขาไม่ได้ เหมือนของขึ้น
เสี่ยปิติ ขยับจะพูดต่อ แต่ เจ๊พา ผู้เป็นแม่ รีบพูดออกตัวแทนลูกว่า คงเป็นเพราะ พระมเหศวร ที่ให้ลูกคล้องคอไปรึเปล่า พ่อว่าท่าน แรงส์ ไม่ใช่หรือ
เสี่ยปิติ ซึ่งศรัทธาพระมาก รีบส่ายหน้าดิก บอกไม่ใช่แน่ๆ เพราะ พระมเหศวร แปลว่า ผู้พลังมหาศาล ดั่งพระอิศวร ที่ใช้พลังเพื่อความสงบสุข แต่อาการของลูกเรา เป็นแบบ “โมโหสวน” ชัดๆ เจ้าค่ะ อามิตตพุทธ.
สีกาอ่าง