หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ.....ยอดจำหน่ายมากที่สุดของประเทศ.....ฉบับประจำวันจันทร์ที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2568

...
บทบาท วิสัยทัศน์ ในการนำไปสู่ การเปลี่ยนแปลงในอนาคตของประเทศ......จากทิศทางที่อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ไปแสดงวิสัยทัศน์เอาไว้.....เน้นถึงการเปลี่ยนแปลงด้านเอไอ ที่จะเป็นสิ่งจำเป็นในการดำรงชีวิตของคนในโลกยุคปัจจุบันและอนาคต ไม่ว่าจะเป็นดิจิทัลวอลเล็ต ที่จะนำไปสู่ความฝัน การเป็นศูนย์กลางของบล็อกเชน และคริปโตเคอร์เรนซี โดยจะทดลองใช้เงินสกุลดิจิทัลคริปโต เป็นสกุลแลกเปลี่ยน ตามแผน แซนด์บ็อกซ์ภูเก็ต เป็นแห่งแรก....รวมถึงการนำ สเตเบิลคอยน์ จากการรองรับของพันธบัตรรัฐบาลมาใช้ ย้ำชัดจะเริ่มเห็นผลภายใน 3 เดือนนี้....จากการนำ ดิจิทัลวอลเล็ต มาใช้ในการแจกเงินหมื่นเฟสที่ 3 จะเป็นการปูทางไปสู่ความสำเร็จของ การใช้เงินดิจิทัลในประเทศไทย ในอนาคต

ทั้งหมดนี้จะเห็นรูปร่าง ฝันที่เป็นจริง ภายในปีนี้......นอกจากนี้ยังระบุชัดเจน.....การลดต้นทุนทางพลังงาน สร้างการแข่งขันพลังงานสีเขียว ในราคาถูก....ที่ตั้งใจจะ ทุบราคาค่าไฟฟ้า ให้เหลือหน่วยละ 2.50 บาทให้ได้
บรรทัดนี้ “อินทรีเหล็ก” ว่า ฝันจะเป็นจริงได้หรือไม่ ก็ต้องขึ้นอยู่กับผู้ปฏิบัติด้วย.....รองนายกฯและ รมว.พลังงาน พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่กำกับดูแลด้านพลังงานของประเทศ จะมีวิสัยทัศน์ในเรื่องนี้อย่างไร.......ที่ผ่านมาอ้างจะ ลดค่าไฟ หลายระลอก...อ้างจะแก้ กฎหมายโซลาร์เซลล์ สำหรับคนไทยเข้าถึงง่ายราคาถูก....แต่กลับชะลอการรับซื้อไฟจากพลังงานหมุนเวียนและการผลิตไฟฟ้าจากภาคเอกชน......เหตุเหล่านี้นับเป็นกรณีศึกษา ที่ นโยบายหลักของประเทศ จะต้อง มาก่อนนโยบายการเมือง.....ฝันจึงจะเป็นจริงได้ ใช่ไม่ใช่

...
อีกวิสัยทัศน์ สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับ หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ จัดงาน Asia Forward Series เชิญ ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย นายกสภาจุฬาลงกรณ์ฯ และ พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผบ.ทสส. ไปบรรยาย ว่าด้วยเรื่อง ระเบียงเศรษฐกิจ สู่การเชื่อมต่อ แนวทางของประเทศไทย ต่อพลวัตความมั่นคงใหม่.....ที่เน้นเรื่องของ วิสัยทัศน์จากข้อเท็จจริง ซึ่งเป็น ความท้าทายและเป็นทางออกของประเทศ.....ที่ไม่ใช่เฉพาะ ความมั่นคงภายในประเทศ เท่านั้น .....แต่เป็นมิติต่างๆ ที่สัมพันธ์กับอนาคตของภูมิภาคในเอเชีย.....ซึ่งจะได้รับผลกระทบจาก การเปลี่ยนแปลง อนาคตของโลก.....ไม่ว่าจะเป็น สหรัฐฯ ยุโรป จีน หรือ รัสเซีย......ไหนๆก็ไหนๆ การที่ สภายุโรป ลงมติประเด็นเกี่ยวกับ หลักการประชาธิปไตย และ สิทธิมนุษยชนในประเทศไทย

...
กรณีการส่งกลับอุยกูร์ไปจีน.....สภายุโรป ประณามการกระทำดังกล่าว และเสนอให้ไทยระงับการส่งกลับผู้คนไปยังประเทศที่เขาเหล่านี้มีความเสี่ยง.....ด้วยเสียงอันท่วมท้น เห็นชอบ 482 เสียง ไม่เห็นชอบ 57 เสียง และงดออกเสียง 68 เสียง.....ไฮไลต์สำคัญคือ สมาชิกยุโรป แนะนำ ให้ใช้การเจรจาการค้าเสรี เพื่อกดดันไทย....ปฏิรูปกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ปล่อยตัวนักโทษการเมือง....และ ระงับการเนรเทศชาวอุยกูร์ที่เหลือ
นอกจากนี้ยังขอให้ไทยอนุญาตให้ สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ เข้าถึง ผู้ขอสถานะผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์ โดยไม่จำกัด และให้แจ้งข้อมูลสถานะอย่างโปร่งใสด้วย.....รวมถึงต้องการให้ ประเทศไทย เสริมสร้าง สถาบันต่างๆ ตามมาตรฐานสิทธิมนุษยชน....ให้การนิรโทษกรรมแก่ สส.และนักเคลื่อนไหว ที่ถูกข่มเหงหรือจำคุกภายใต้กฎหมายที่กดขี่.......สหรัฐฯกดดันใช้มาตรการทางวีซ่ากับข้าราชการไทยอีกระลอก งานนี้ถ้าไม่เรียกว่า ชักศึกใหญ่เข้าบ้าน ก็ไม่มีคำจำกัดความอย่างอื่นแล้ว....ใช่ไม่ใช่

...
ส่วนการเมืองไทยก็ยังเป็นการละครวันยังค่ำ.....หลังการเจรจาหารือ ระหว่างวิป 3 ฝ่าย ประกอบด้วย พิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาฯ ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้านในสภา หัวหน้าพรรคประชาชน มนพร เจริญศรี วิป ครม. วิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธานวิปรัฐบาล....ใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมงครึ่ง ถกประเด็น ญัตติและเวลาในการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ ตาม ม.151

ผลสรุปคือ ฝ่ายค้าน ขอเวลาในการอภิปราย 30 ชั่วโมง โดยยินดีที่จะตัดชื่อ ทักษิณ ชินวัตร ออกจากญัตติ.....ส่วน วิปรัฐบาล อ้างใช้เวลา 20 ชั่วโมงก็เพียงพอแล้ว....ยังหักเหลี่ยมเฉือนคมกันไม่ลง นัดหารือกันอีกรอบ 19 มี.ค.นี้ .......ดังนั้น การเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ จะสำเร็จหรือล่มปากอ่าว ....ต้องรอดูผลการประชุมของวิป 3 ฝ่ายอีกกระทอก.....“จึงขอสื่อสารตรงๆว่า หากไม่สามารถอภิปรายไม่ไว้วางใจได้ในสมัยประชุมนี้ อาจจะเกิดจากที่พรรคร่วมรัฐบาลไม่ยอมให้เวลาที่เพียงพอกับฝ่ายค้าน” ณัฐพงษ์ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาและหัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวเอาไว้

กรณี ฮั้วเลือก สว. ข่าวล่ามาเร็ว...ป.ป.ช. มีมติรับคำร้อง กลุ่ม สว. ขอให้ตรวจสอบ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม และ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีดีเอสไอ ข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตาม ม.157 เรียบร้อยแล้ว....จบข่าวสั้น

พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผบ.ทอ. และ ดร.บุรณิน รัตนสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจใหม่และความยั่งยืน ปตท. เปิดโครงการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ แบบติดตั้งบนทุ่นลอยน้ำ ที่สวนสุขภาพกองทัพอากาศ โดย ปตท.ได้ออกแบบและติดตั้งระบบโซลาร์บนทุ่นลอยน้ำ ขนาดกำลังผลิต 999.44 กิโลวัตต์ สามารถลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ตลอดโครงการได้ประมาณ 19,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า สามารถประหยัดพลังงานไฟฟ้าได้ 1.08 ล้านบาทต่อปี หรือประมาณ 25.7 ล้านบาทตลอดอายุสัญญา 25 ปี
สังคมวันนี้
เวลา 09.00 น. อำพน กิตติอำพน องคมนตรี เป็นประธานเปิดงานเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้เมืองสิ่งแวดล้อมยั่งยืน ที่ห้องแกรนด์ เอบี โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น.
"อินทรีเหล็ก"
คลิกอ่านคอลัมน์ “บุคคลในข่าว” เพิ่มเติม