หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ.....ยอดจำหน่ายมากที่สุดของประเทศ.....ฉบับประจำวันอังคารที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2568
...
เศรษฐกิจปี 2568 เป็นปัญหาใหญ่ของรัฐบาลทุกประเทศ ผลกระทบจาก การแพร่ระบาดของโควิด–19 กลายเป็นสารตกค้างของระบบเศรษฐกิจทั่วโลก.....เรื่องใหญ่คือภาระหนี้....ธนาคารแห่งประเทศไทย รายงานสัดส่วนหนี้ครัวเรือน ต่อ GDP ยังอยู่ในระดับสูงที่ร้อยละ 89.6 เป็นอันดับต้นๆ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคนี้....กำลังซื้อซบเซา เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ เศรษฐกิจชะลอตัว....สินเชื่อภาคครัวเรือนชะลอตัวเกือบทุกประเภท......หนักที่สุดคือสินเชื่อ เช่าซื้อรถยนต์ และ บัตรเครดิต
โครงการเยียวยาภาครัฐ อาทิ คุณสู้ เราช่วย ขยายเวลาการชำระหนี้ ลดดอกเบี้ยตามเงื่อนไข แค่พอประคับประคอง ไม่ให้ภาระหนี้หนักหนาสาหัส และ ทะลุเพดานร้อยละ 90 ของ GDP.....ยังไม่มีความชัดเจนใน นโยบายแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน และหนี้สาธารณะ ที่เพิ่มขึ้นอย่างจริงจัง......ประกอบกับ ความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้ ลดลง เนื่องจาก ผลกระทบจากธุรกิจที่ซบเซา......รายได้ฟื้นตัวช้า ไม่ทันกับค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจากการอุปโภคบริโภค......เท่ากับประเทศไทยมีโอกาสที่จะรับความเสี่ยงทางเศรษฐกิจมากขึ้น
...
SMEs มีฐานะทางการเงินที่อ่อนแอ......ประเมินจาก สัดส่วนบริษัทที่มีอัตราส่วนกำไรก่อนหักดอกเบี้ยและภาษีดอกเบี้ยจ่าย ต่ำกว่า 1 เท่า อยู่ที่ร้อยละ 28 ใน SMEs ขนาดเล็ก และ ร้อยละ 74 ใน SMEs ขนาดย่อม.....ในขณะเดียวกัน แบงก์ชาติ กำลังจับตา บริษัทขนาดใหญ่บางราย เนื่องจากมีหนี้สูง สะสมความเสี่ยง ที่ต้องเฝ้าระวัง......ความสามารถในการชำระหนี้ของกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ แม้ยังอยู่ในเกณฑ์ดี....แต่บางส่วน มีผลการดำเนินการที่ลดลง ทำให้ความสามารถในการชำระหนี้ลดลงไปด้วย
...
สัดส่วนของสินเชื่อที่ด้อยคุณภาพและสินเชื่อที่มีความเสี่ยงด้านเครดิตเพิ่มขึ้น.....ความเห็นของ อดีต รมว.คลัง ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช ระบุรัฐบาลควร กำหนดกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อ ที่ร้อยละ 2-4 เพราะจะทำให้ เศรษฐกิจฟื้นตัว ได้ที่ร้อยละ 4-5.......เชื่อว่าการกำหนดเป้าหมายเงินเฟ้อจะมีส่วนให้เศรษฐกิจเจริญเติบโตตามเป้าหมาย.......ถ้าแบงก์ชาติ ยังกำหนดกรอบเงินเฟ้อเท่าเดิม การเจริญเติบโตก็ยังเท่าเดิม ไม่ได้ไปไหน
...
การกำหนดกรอบเงินเฟ้อต่ำเกินไปเป็นเรื่องใหญ่มาก ทำให้ประเทศไทยไม่เจริญพัฒนา......เป็นต้นเหตุที่ ทำไมเศรษฐกิจไทยจึงเติบโตต่ำ.....การลดดอกเบี้ยและการปรับค่าเงินบาท ให้เหมาะสมในการแข่งขัน จะมีผลต่ออัตราความเจริญเติบโตของประเทศ มากกว่าการที่รัฐบาลไปกู้ หรือ เก็บภาษีเพิ่ม มาใช้จ่าย......เป็นคำถามไปถึงผู้ว่าการแบงก์ชาติ ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ และ รมว.คลัง พิชัย ชุณหวชิร......เศรษฐกิจปี 2568 จะออกหัวออกก้อย.....ยิ่งมีข่าวจะเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีเศรษฐกิจอยู่ด้วย พับผ่า
ปัญหาทางภูมิรัฐศาสตร์ เป็นมรสุมลูกใหญ่ที่ ประเทศไทย ต้องเตรียมยุทธศาสตร์ รับแรงกระแทกโดยตรง.....เมื่อวันที่ 1 ม.ค.ที่ผ่านมา รัสเซีย ในฐานะประธานกลุ่ม BRICS แจ้งให้ทราบว่า ไทยเป็นประเทศหุ้นส่วนของกลุ่ม BRICS อย่างเป็นทางการ....ปัจจุบันกลุ่ม BRICS ประกอบด้วยสมาชิก 9 ประเทศ......บราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน แอฟริกาใต้ เอธิโอเปีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อียิปต์ และ อิหร่าน.....ล้วนแต่เป็นประเทศเป้าหมายของ สหรัฐฯ ทั้งสิ้น.....มีประชากรรวมกัน เป็นสัดส่วนร้อยละ 39 ของประชากรโลก มีมูลค่าทางเศรษฐกิจ ร้อยละ 28.4 ของโลก หรือ 28.5 ล้านล้านดอลลาร์
ล่าสุด กลุ่ม BRICS ได้เพิ่มประเทศสมาชิกอีก 9 ประเทศ รวมทั้ง ไทย ด้วย....มีอีก 4 ประเทศที่ยังรอการตอบรับคือ เวียดนาม แอลจีเรีย ไนจีเรีย และ ตุรกี.....จับตาหลังจากที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ เข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการในวันที่ 20 ม.ค.ที่จะถึงนี้.....สงครามเย็นจะก่อตัวรุนแรงแค่ไหน...จบข่าว
ไหนๆ ก็ไหนๆ ครบรอบวันชาติเมียนมา วันที่ 4 ม.ค.ที่ผ่านมา.....พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจ ในฐานะ ผอ.ศูนย์ป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สตช. เดินทางไปรับตัว คนไทยจำนวน 151 คน ที่ เมียนมาปล่อยตัวหลังจากได้รับอภัยโทษ ข้อหาเข้าเมืองผิดกฎหมาย....แต่ในจำนวนนี้ยังไม่ปรากฏว่ามี ลูกเรือประมงไทย 4 คน ที่ถูกทางการเมียนมาจับกุมรวมอยู่ด้วย .....ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ รมว.กลาโหม ยืนยันเอง....ดราม่าเลยไปลงที่ รมว.กลาโหม อีกกระทอก
ส่วนดราม่าการเมืองยังไม่แผ่ว.....มีข่าวการปรับ ครม.ประมาณเดือน เม.ย. ออกมาถี่ๆ.....โฟกัสไปที่รองนายกฯ และ รมว.พลังงาน พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เนื่องจากทำตัวไม่กลมกลืนกับรัฐบาล เป็น ฮีโร่ อยู่คนเดียว......โดยเฉพาะ นโยบายด้านพลังงานบางเรื่อง ที่สวนทางกับนโยบายหลักของรัฐบาล.....แม้เจ้าตัว และเลขาธิการพรรค เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รมว.อุตสาหกรรม จะออกมาโต้ อย่าพยายามเสี้ยมให้แตกคอกับ นายกฯแพทองธาร เสียให้ยาก
แต่โบราณว่า ถ้าไม่มีไฟย่อมไม่มีควัน ....พลังประชารัฐ เคยเจ็บมาแล้วอย่าทำเป็นเล่นไป.......ส่วน พิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และ รมว.คลัง หรือ ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม จะโดนหางเลขตามข่าวด้วยหรือไม่......เป็นเรื่องของอนาคต
วันที่ 23 ม.ค.เป็นต้นไป สำนักทะเบียนทั่วประเทศ พร้อมให้บริการจดทะเบียน สมรสเท่าเทียม เป็นผลพวงสืบเนื่องมาจากรัฐบาล เศรษฐา ทวีสิน
วันนี้ เวลา 08.30 น. รศ.ดร.เอมพร รตินธร คณบดีคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดการประชุมวิชาการนานาชาติ TRIPLE BURDENS OF DISEASES : NURSE ที่ห้องแกรนด์ เอบี โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น
"อินทรีเหล็ก"
คลิกอ่านคอลัมน์ “บุคคลในข่าว” เพิ่มเติม