หนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ ยักษ์ใหญ่สารพัดสีขายดีที่สุด สวัสดีปีใหม่ 2568 ฉบับนี้ประจำวันพุธที่ 1 มกราคม 2568
...
“ไต้ฝุ่น” ขอสวัสดีปีใหม่ 2568 กับท่านผู้อ่านไทยรัฐทุกท่านที่ยังติดตามไทยรัฐอย่างเหนียวแน่น ทั้งไทยรัฐฉบับพิมพ์ ไทยรัฐออนไลน์ และ ไทยรัฐทีวี ในวันปีใหม่อันเป็นมงคลนี้ “ไต้ฝุ่น” ขออนุญาตอำนวยพร ขอให้ท่านผู้อ่านทุกท่านโชคดีมีสุขภาพแข็งแรง และมีความสุขตลอดปีใหม่นี้เทอญ
วันนี้โลกได้เข้าสู่ วันแรกของปี 2568 ปีที่เกจิฯ นักวิเคราะห์ทั่วโลกเห็นตรงกันว่า เป็นปีแห่งความไม่แน่นอนสูง เป็นยุคของ Uncertain World ที่ไม่มีใครสามารถคาดการณ์ล่วงหน้าได้อย่างถูกต้อง โดยเฉพาะ นโยบาย MAGA (Make America Great Again) อันแข็งกร้าวของ ว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งจะเข้ารับตำแหน่งเป็น ผู้นำสหรัฐฯ ในวันที่ 20 มกราคมนี้
สงครามการค้าระดับโลก จะเกิดขึ้นทันทีที่ ว่าที่ประธานาธิบดีทรัมป์ สาบานตนเข้ารับตำแหน่ง โดยทรัมป์ จะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากประเทศคู่ค้าที่ได้เปรียบดุลการค้าสหรัฐฯ 10–20% และ ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากประเทศจีนสูงถึง 60% ส่งผลให้การค้าระสํ่าไปทั่วโลก สินค้าจีนจะเหลือเป็นภูเขาเลากา จะถูกเทขายกระหน่ำไปทั่วโลกในราคาถูกเกินจริง โดยเฉพาะ ไทยแลนด์แดนสวรรค์ จีนเทา
...
ประเทศไทย ตาม ดัชนีความเสี่ยงทรัมป์ Trump Risk Index ล่าสุด ไทยอยู่อันดับ 2 ของโลก รองจาก เม็กซิโก และ อันดับ 1 ในอาเซียน ที่จะถูกประธานาธิบดีทรัมป์ ขึ้นภาษี 10–20% ในข้อหา ได้เปรียบดุลการค้าสหรัฐฯจำนวนมาก แถมยังเปิดประเทศอ้าซ่า เป็นที่ตั้งโรงงานจากจีน เพื่อผลิตส่งออกไปยังสหรัฐฯ ทำให้ เศรษฐกิจไทยต้องเจอ 2 เด้ง ถือเป็น ความท้าทายสำคัญ ของ นายกฯแพทองธาร ชินวัตร ที่จะต้องแก้ปัญหาการค้าของไทยกับสหรัฐฯให้ได้
...
ประเด็นที่ “ไต้ฝุ่น” เป็นห่วงอย่างยิ่งก็คือ ผู้ส่งออกไทย ที่มีสัดส่วนถึง 70% ของจีดีพีไทย ต่างออกมาแสดงความเป็นห่วงประเด็นนี้ แต่ นายกฯแพทองธารกลับไม่พูดถึงเลยสักนิด รวมทั้งเจ้าของดีเอ็นเอ ทักษิณ ชินวัตร ผู้นำจิตวิญญาณของรัฐบาลแพทองธาร ถ้าการส่งออกไทยได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากสหรัฐฯ โอกาสที่จีดีพีไทยจะเติบโตถึง 3% คงเป็นไปได้ยาก น่าเป็นห่วงครับน่าเป็นห่วง “ไต้ฝุ่น” เขียนเตือนล่วงหน้าแล้วนะครับ
...
กลับมาดูเรื่องดีๆของไทยกันบ้าง สำนักจัดอันดับยักษ์ใหญ่สหรัฐฯ S&P Global Ratings เพิ่งจัดอันดับเครดิตประเทศไทยไปเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา คงอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทย (Credit Rating) ปี 2568 อยู่ที่ BBB+ และ คงมุมมองความน่าเชื่อถือของประเทศไทยในระดับมีเสถียรภาพ (Stable Outlook) โดยคาดว่า จีดีพีปี 2567 เติบโต 2.8% และ จีดีพีปี 2568 จะเติบโตได้ถึง 3.1% รวมทั้ง อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่แท้จริง (Real GDP Growth) ช่วงปี 2567-2570 เฉลี่ยเติบโตร้อยละ 3.0 ก็ถือเป็น ข่าวดีของประเทศไทย ในภาพรวม
เริ่มตั้งแต่ 1 มกราคม 2568 เป็นต้นไป ประเทศไทยถูกบังคับทางอ้อมโดย OECD ให้คิดแบบประเทศที่เจริญแล้ว โดยการตรา พระราชกำหนดภาษีส่วนเพิ่ม พ.ศ.2567 เพื่อ เก็บภาษีบริษัทข้ามชาติ (Multinational Enterprises) ที่เข้ามาเอนจอยกับ ภาษี 0% หรือ ไม่ต้องเสียภาษีเงินได้ จาก การส่งเสริมการลงทุน ในประเทศไทยมาหลายสิบปี แต่นับจากวันนี้ไป บริษัทข้ามชาติที่มีขนาดรายได้ไม่น้อยกว่า 750 ล้านยูโร (รวมกับบริษัทแม่) ต้องเสียภาษีให้กับประเทศไทยในอัตราขั้นตํ่า 15% แม้จะได้รับการส่งเสริมการลงทุนก็ตาม ซึ่งเป็นอัตราขั้นตํ่าที่ OECD กำหนดเป็น ภาษีขั้นตํ่าทั่วโลก (Global Minimum Tax)
ภาษีขั้นตํ่าทั่วโลก 15% ถ้าหากประเทศไทยไม่เก็บ ประเทศแม่ที่บริษัทข้ามชาติจดทะเบียนไว้ก็จะเก็บภาษี 15% ไปแทนรัฐบาลไทย เพราะเป็นมาตรฐานโลก บริษัทข้ามชาติไปทำมาหากินที่ประเทศไหน ก็ต้องเสียภาษีขั้นตํ่า 15% ให้ประเทศนั้น อันนี้ “ไต้ฝุ่น” ขอชื่นชม OECD นอกจาก จะช่วยให้บริษัทคนตัวเล็กในเมืองไทยไม่ถูกเอาเปรียบแล้ว ยังช่วยให้ประเทศไทยได้ภาษีเพิ่มอีกด้วย
อา แม้จะได้เจ้าของดีเอ็นเออย่าง ทักษิณ ชินวัตร มาช่วยเต็มตัว แต่ผลสำรวจของ นิด้าโพล ครั้งที่ 4/2567 เรื่องความนิยมทางการเมือง นายกฯ แพทองธาร ชินวัตร กลับมีคะแนนนิยมลดลงจากเดิม พ่ายแพ้ให้กับ ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน โดย ณัฐพงษ์มาอันดับ 1 ได้คะแนนนิยม 29.85% เพิ่มขึ้นจาก 22.90% ในการสำรวจครั้งที่ 3 นายกฯแพทองธารหล่นจากอันดับ 1 ลงมาอยู่อันดับ 2 ได้คะแนนนิยม 28.80% ลดลงจากเดิมที่ได้ 31.35%
เมื่อถามว่า วันนี้ท่าน สนับสนุนพรรคการเมืองใด คำตอบยังเหมือนเดิม พรรคสีส้ม (พรรคประชาชน) อันดับ 1 ด้วยคะแนนนิยม 37.30% เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ได้ 34.25% พรรคสีแดง (พรรคเพื่อไทย) อันดับ 2 ได้คะแนนนิยม 27.70% เพิ่มขึ้นมา 0.55% จากเดิม 27.15% จึงไม่แปลกที่ทุกสนามเลือกตั้งในวันนี้ไปจนถึง วันเลือกตั้ง อบจ. จะได้เห็น อดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร ไปช่วยลูกพรรคเพื่อไทยหาเสียงตลอดเดือนมกราคมนี้
แม้จะโตช้าแต่เศรษฐกิจไทยก็ยังโต ภาคนี วิริยะรังสฤษฎ์ ประธานจัดงานร่วม มหกรรมการเงิน Money Expo ส่งท้ายปี 2567 ระหว่าง 19-22 ธันวาคม เปิดเผยถึง ยอดธุรกรรมการเงินการลงทุนในงาน 4 วัน มียอดรวมกว่า 7,000 ล้านบาท สูงกว่าปี 2566 โดยมี เงินฝากและสลากออมทรัพย์เป็นอันดับ 1 มูลค่ากว่า 2,110 ล้านบาท อันดับ 2 สินเชื่อบ้านและรีไฟแนนซ์บ้าน วงเกินกว่า 2,100 ล้านบาท และ อันดับ 3 ประกันชีวิต/ประกันภัย/ประกันสุขภาพ/แบงก์แอสชัวรันส์ วงเงินกว่า 1,690 ล้านบาท แตกต่างจาก Money Expo ต่างจังหวัดอย่างเห็นได้ชัด
ส่งท้ายวันปีใหม่ 2568 วันนี้ “ไต้ฝุ่น” ขอนำรายชื่อ Top 5 เศรษฐินีหุ้นไทย จาก วารสารการเงินธนาคาร มาให้รู้จักกันว่ารวยแค่ไหน อันดับ 1 ดาวนภา เพ็ชรอำไพ จาก MTC รวย 35,600 ล้านบาท อันดับ 2 ปรมาภรณ์ ปราสาททองโอสถ จาก BDMS รวย 30,943 ล้านบาท อันดับ 3 จรีพร จารุกรสกุล จาก WHA รวย 19,679 ล้านบาท อันดับ 4 ณัฐชไม ถนอมบูรณ์เจริญ จาก คาราบาวแดง รวย 16,590 ล้านบาท อันดับ 5 ปณิชา ดาว จาก PSG รวย 15,858 ล้านบาท สวัสดีปีใหม่ 2568 ครับ
"ไต้ฝุ่น"
คลิกอ่านคอลัมน์ “บุคคลในข่าว” เพิ่มเติม