หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ.....ยอดจำหน่ายมากที่สุดของประเทศ.....ฉบับประจำวันอังคารที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2567
...
การเมืองไทย ยังว้าวุ่นกับ การชิงพื้นที่เลือกตั้ง....ใกล้วันชิงดำ นายก อบจ.ทั่วประเทศ บรรดาแกนนำการเมืองแข่งกันลงพื้นที่หาเสียง ชนิดดับเครื่องชน.....จาก อุดรธานีโมเดล ถึง การเลือกนายก อบจ.อุบลราชธานี....มีภาพของอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ปะทะ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ผู้นำจิตวิญญาณพรรคประชาชน ในฐานะผู้ช่วยหาเสียง ปาดกันไปปาดกันมา...ขั้วใหญ่กับขั้วใหม่ บ้านใหญ่กับบ้านใหม่.....กลมกลืนเป็นการเมืองแบบไทยๆ....ที่ พิธา เองก็ยอมรับ...ทรัพยากรไม่ได้เป็นแบบทรัพยากรบ้านใหญ่ ซึ่งจะทำให้ อบจ.โปร่งใสได้ก็ต้องใช้ทุนเยอะ......เมื่อถึงเวลา บ้านใหญ่ จับมือไล่ทุบ บ้านใหม่.....ปราสาททรายก็กลายเป็นฝุ่น
ที่ตกเป็นเป้าสายตา....กระทรวงยุติธรรม โดย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม....ต่อกรณี ระเบียบกรมราชทัณฑ์ ว่าด้วยการสำหรับการคุมขังในสถานที่คุมขัง พ.ศ.2566...หรือ การคุมขังนอกคุก...ที่จะประกาศใช้ภายในสิ้นปีนี้.....เผอิญไปตรงกับความเคลื่อนไหว ที่จะให้มีการนำคดีรับจำนำข้าว กลับมาพิจารณาใหม่...โดยเฉพาะการตีความ ระบบการรับจำนำข้าวแบบจีทูจี...ประกอบด้วยกฎกระทรวง การส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษาตัวนอกเรือนจำ...กฎกระทรวง กำหนดประโยชน์ของนักโทษเด็ดขาดและเงื่อนไขการได้รับการลดวันต้องโทษ หรือการพักการลงโทษ.... ทำให้สังคมโฟกัสไปที่ อดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เต็มตัว.....อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด
...
ส่วน การปล่อยตัวลูกเรือไทย ที่ถูกเมียนมา จับตัวไปไว้ที่ เกาะสอง ....กลายเป็นการเล่นชักเย่อ ระหว่าง รัฐบาลไทย กับ เมียนมา ไปฉิบ....เมียนมาอ้างการปล่อยตัวคนไทยทั้ง 4 คน ที่มีอายุระหว่าง 61-69 ปี พร้อมลูกเรือรวมแล้ว 31 คน.....จะต้องได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลกลาง และผลการประชุม ทีบีซี ของทั้ง 2 ประเทศ ที่อยู่ระหว่างการสอบสวนคดี....ที่ผ่านมาเคยเกิดเหตุลักษณะนี้มาแล้ว...โดยเมียนมากักตัวลูกเรือคนไทยไว้ประมาณ 1 เดือนและต้องจ่ายค่าปรับเป็นจำนวนเงินคนละ 5,000 บาท....มีความเห็นของนักวิชาการ รศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร ผู้เชี่ยวชาญด้านการต่างประเทศและความมั่นคง ระบุ....เป็นการจับกุมที่อยู่บนข้อพิพาทเรื่องเขตแดนทางทะเล...ทำให้เรื่องนี้มีความทับซ้อน โดยเฉพาะ ลูกเรือเมียนมา ที่ไปเกี่ยวข้องกับปัญหาภายในประเทศเมียนมา....ดังนั้น ควรเป็นการ เจรจาทำความเข้าใจระหว่าง ผู้นำของทั้งสองประเทศ....สร้างความเข้าใจที่ถูกต้องจะเป็นการแก้ปัญหาที่ตรงจุดที่สุด.....ใช่ไม่ใช่
...
ประเด็น การขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มจาก 7% เป็น 15% ของรัฐบาลชุดนี้ เป็นอันว่า ต้องพับฐานไปโดยอัตโนมัติ แค่โยนหินถามทางจาก พิชัย ชุณหวชิร รมว.คลัง..... ทัวร์ยังไปลงที่ นายกฯแพทองธาร ชินวัตร ชนิดไม่มีที่จอด.....ล่าสุด กุลยา ตันติเตมิท อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผย กรมสรรพสามิต เตรียมเสนอแนวทาง การจัดเก็บภาษีคาร์บอนในสินค้าน้ำมัน และ ผลิตภัณฑ์น้ำมัน เข้าที่ประชุม ครม.ในวันที่ 11 ธ.ค.นี้.....มีอัตราจัดเก็บที่ 200 บาทต่อตันคาร์บอน....โดยรับปากว่า จะไม่มีผลกระทบต่อราคาขายปลีกน้ำมันแน่นอน และ ไม่เป็นภาระของผู้ประกอบการและผู้บริโภค......เอาให้แน่นะวิ
...
ไหนๆก็ไหนๆ พรชัย ฐีระเวช ผอ.สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง แถลง ผลการจัดเก็บภาษีรายได้สุทธิเดือน ต.ค. ที่ผ่านมา....ยอมรับ เป็นเดือนแรกที่จัดเก็บรายได้ จำนวน 205,340 ล้านบาท...ใกล้เคียงกับที่ประมาณการไว้....ส่วนใหญ่มาจาก การนำส่งรายได้ของรัฐวิสาหกิจ ที่สูงกว่าประมาณการ....เมื่อประเมิน สถานะทางการคลัง กระแสเงินสดในเดือน ต.ค. มีรายได้นำส่งคลัง 205,098 ล้านบาท....มีการเบิกจ่าย 586,922 ล้านบาท.....บานตะไทไปตามระเบียบ
“อินทรีเหล็ก” แนะให้ดูตัวอย่าง ธุรกิจอุตสาหกรรมที่กำลังหนีตาย....ได้แก่ อุตสาหกรรม ยานยนต์ ที่เปิดศึกระหว่าง รถยนต์ไฟฟ้าจากจีน กับ รถยนต์ค่ายใหญ่ทั่วไป .....หั่นราคากันคันละ 4-5 แสนบาท ....ถูกกว่าราคารถมือสอง....ทำให้ รถค่ายใหญ่ ต้องแข่งลดราคาลงมาหลักแสนบาท....ผลกระทบไปตกกับ ผู้บริโภคใหม่-เก่า....ไฟแนนซ์รถยนต์ และค่ายรถยนต์รายใหญ่ที่ต้องลดจำนวนการผลิตและพนักงาน.....ตลาดรถยนต์ปี 2567 ต่ำกว่า 6 แสนคัน ต่ำที่สุดในรอบ 14 ปี.....ส่งสัญญาณไปถึงความซบเซาของเศรษฐกิจ...จากยอดจำหน่ายรถปิกอัพ ที่ใช้ประกอบธุรกิจ ที่ต่ำสุดในรอบ 23 ปี.....ถ้ารัฐบาลยังไม่แก้ปัญหาที่ต้นเหตุ โดยเฉพาะการตัดราคาขายและการทุ่มตลาดยานยนต์.....ความฝันที่จะเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์.... จะเงียบเป็นป่าช้า
การเมืองในเกาหลีใต้ ชี้ให้เห็นธรรมชาติของ การเมืองก็เป็นเช่นนี้เอง....ความพยายามในการเสนอญัตติถอดถอน ประธานาธิบดียุน ซอกยอล ของเกาหลีใต้ ภายหลังยุติการประกาศกฎอัยการศึก....และออกมากล่าวขอโทษประชาชน โดยรับปากรัฐบาลจะไม่มีการประกาศกฎอัยการศึกอีกแล้ว ....ปรากฏว่า น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ...ฝ่ายค้านที่นำโดย อี แจมยอง มี สส.เพียง 192 คน...ในขณะที่การถอดถอนให้สำเร็จ ต้องใช้เสียงจาก สส.จำนวน 200 เสียง จากจำนวน 300 เสียง....สส.ฝ่ายรัฐบาล รวมหัวกัน วอล์กเอาต์ ไม่เข้าร่วมประชุมเสียอย่าง.....ปิดจ๊อบชนิดค้านสายตาประชาชนที่อยากให้ ประธานาธิบดียุนลาออก เพื่อแสดงความรับผิดชอบ
ปตท. ชี้แจงกรณีที่มีการเผยแพร่ข่าวผ่านสื่อออนไลน์พาดพิง ผู้บริหารกลุ่ม ปตท. นั้น เป็นการนำข้อมูลที่ ปตท.แจ้งสารสนเทศต่อ ตลาดหลักทรัพย์ ไปเผยแพร่คลาดเคลื่อนจากความจริง ส่งผลกระทบชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือของ ปตท. รวมทั้งผลกระทบเชิงลบต่อราคาหุ้นของกลุ่ม ปตท....ดังนั้น ปตท.จึงได้มีการแจ้งความร้องทุกข์ต่อ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ เพื่อให้มีการตรวจสอบและดำเนินการตามกฎหมายโดย ปตท.ย้ำถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจด้วยหลักธรรมาภิบาลอย่างเคร่งครัด
"อินทรีเหล็ก"
คลิกอ่านคอลัมน์ “บุคคลในข่าว” เพิ่มเติม