ประสบความสำเร็จจากการพิมพ์หนังสือชื่อจั๊กจี้หู “คัมภีร์โยนี” ออกมาหลายปีก่อน โดยแปลจาก The Vagina Bible ของ Dr.Jen Gunter, MD. สูตินรีแพทย์ ซึ่งเป็นหนังสือขายดีตลอดกาลของ เดอะ นิวยอร์ก ไทมส์ จึงถือเป็นการเปลี่ยนความคิดเดิมๆ ที่ก่อนนี้นานมาแล้ว ถือเป็นเรื่องลึกลับซับซ้อน กระดากปากที่จะพูดถึงอวัยวะของผู้หญิง เพราะ คัมภีร์โยนี เป็นคู่มือวิชาการแนววิทยาศาสตร์การแพทย์ของจริง ให้ผู้หญิงและผู้ชาย (ที่รักผู้หญิง) เข้าใจกลไกการทำงานของระบบสืบพันธุ์

มาปีนี้สำนักพิมพ์เล็กๆ ชื่อ แม็กพายบุ๊กส์ ของ คุณหมอสุรพงษ์ สืบวงศ์ลี กับ นิธินันท์ ยอแสงรัตน์ อดีตนักข่าวและบรรณาธิการข่าวรุ่นอาวุโส จึงเลือกพิมพ์ เรื่อง “หมดเมนส์แล้วเป็นไง เตรียมตัวไว้ก่อนวัย 30” ซึ่งแปลจาก หมอกันเทอร์ คนเดิม คนแปลคนเดิมคือ คุณนิธินันท์ และบรรณาธิการ ตรวจสอบความถูกต้องทางการแพทย์ก็คนเดิมคือ คุณหมอสุรพงษ์ ซึ่งยอมสละชั่วโมงพักผ่อนที่มีน้อยนิดมาช่วยอ่าน ตอนมีภาษาแพทย์เยอะๆ ว่าใช้คำไทยแบบนี้ถูกไหม ซึ่งใช้เวลาเกือบปีเพราะทุ่มเวลาเกือบทั้งหมดให้งานยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์ งานยกระดับโครงการสามสิบบาทรักษาทุกโรค ให้เป็นสามสิบบาทรักษาทุกที่และยังนั่งประจำการบ้านพิษณุโลก ในฐานะทีมที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีด้วย

...

ถ้าบอกว่า “หมดเมนส์แล้วเป็นไงฯ” คือภาคต่อของ คัมภีร์โยนี ก็น่าจะได้ เพราะขณะที่คัมภีร์โยนีว่าด้วย อวัยวะเพศหญิง 101 เล่มนี้จะให้รู้เรื่องประจำเดือนและวัยหมดประจำเดือน ซึ่งอาจใช้เวลามากกว่าครึ่งหนึ่งของอายุผู้หญิงจะได้เข้าใจถึงอาการผิดปกติจุกจิก ที่เกี่ยวข้องกับการหมดเมนส์ เช่น ร้อนวูบวาบ หลงๆลืมๆ ซึมเศร้า นอนไม่หลับ กระดูกพรุน กระดูกยุบ กระดูกหัก เอวหนา ผิวแห้ง ตัวเหี่ยว เมนส์มาบ้างไม่มาบ้าง มามากเกิน มาน้อยเกิน แถมด้วยโรคร้ายต่างๆ เช่น โรคหัวใจ โรคมะเร็ง--แต่ผู้หญิงไม่รู้อันไหน เป็น อาการวัยหมดเมนส์ อาการไหนส่อโรคร้าย และแต่ละอาการสามารถป้องกันหรือดูแลรักษาอย่างไร รวมถึงผลกระทบจากการผ่าตัดมดลูกรักษาโรค การเลือกใช้วิธีคุมกำเนิด และการใช้ยารักษาโรคต่างๆ

ที่สำคัญคือหนังสือเล่มนี้ มีเรื่องราวเชิงประวัติศาสตร์ ภาษาศาสตร์ สังคมวิทยา และแนวคิดเฟมินิสต์ระดับตัวมารดา ที่มุ่งมั่นเขียนให้สังคมตระหนักถึง คุณค่าของความเป็นผู้หญิง ที่มีศักดิ์ศรีแห่งความเป็นคนเท่าเทียมและเป็นเจ้าของชีวิตตนเอง แทรกอยู่ตลอดเล่ม สมดัง manifesto การประกาศเจตนารมณ์ของผู้เขียน หนังสือเล่มนี้ คนแปลที่ก็เฟมินิสต์ตัวมัมเหมือนกัน ไม่ใช้คำว่า วัยทอง เพราะถือเป็นคำเหยียดผู้หญิงสูงวัยที่แสดงอารมณ์หงุดหงิด

หลังวางแผง “The Menopause Manifesto หมดเมนส์แล้วเป็นไง เตรียมตัวไว้ก่อนวัย 30” และให้ติดตามจากเพจ Magpie Books BKK ในเฟซ คนอ่านบอกว่า ผู้หญิงต้องอ่าน จะได้เข้าใจความเป็นหญิงอย่างทะลุปรุโปร่งและยังช่วยคนที่นอนข้างกัน ให้เข้าใจความเป็นชายได้ด้วย เพราะ หมอกันเทอร์ บอกว่า มีหมอที่ไม่เข้าใจผู้หญิงเสนอข้อมูลผิดๆ รวมถึงการค้าที่เสนอขายยาวิเศษให้ผู้หญิงคงความสาวตลอดกาลตามอุดมคติผู้ชาย ด้วยเรื่อง เอสโตรเจน ซึ่งก็เป็นอันตราย และอย่าได้มาว่าแต่ผู้หญิงแก่หมดเมนส์ อย่าได้นึกว่าผู้ชายจะแข็งขันตลอดกาล ซึ่งไม่จริงเลย มันมีอาการเสื่อมสมรรถภาพตามวัยเหมือนกัน เรียกว่า เป็น “วัยหยุดโด่ อีเร็คโทพอส” และคนแปล ที่ซอกแซกชอบค้นข้อมูลเพิ่มเจออันไหนสนุกก็เขียนแถมในวงเล็บ ซึ่งรับรองว่า อ่านแล้ว ผู้หญิงวัยทำงาน ต้องได้เจอท่อนที่อุทานว่า เอ๊ะ นี่มันอาการเราชัดๆ ส่วนคนแปล ซึ่งวัยเกิน 30 มานาน อ่านไปก็เฮ้ยไป เราเจอมาแล้วอาการนี้ ทำไมตอนนั้นไม่มีหนังสือแบบนี้ให้อ่านเพราะหมอสมัยก่อนมักบอกแก่แล้วแก่เลย ไม่ต้องดูแลรักษาอะไร--บทสุดท้าย จึงเน้นหัวข้อสำคัญ เพื่อสาวรุ่นหลังที่ยังไม่ 30 อ่าน “ชีวิตวัยหมดประจำเดือน จัดการปัญหาแบบสูตินรีแพทย์” ให้รับมือกันแต่เนิ่น ไม่ปล่อยตามมีตามเกิดแบบคนแปล ซึ่งเลย 30 มาอีกเท่าตัว.

โสมชบา

คลิกอ่านคอลัมน์ "ของว่างวันอาทิตย์" เพิ่มเติม