เด็กๆมักทายปัญหากันว่า “จังหวัดอะไรเอ่ย เกินร้อย” คำตอบก็คือ จังหวัดร้อยเอ็ด ทำไมมีตั้ง 101 หากถามนักประวัติศาสตร์ก็จะต้องว่ากันยาว เราไปหาอาหารชิมกันดีกว่า
ร้านอาหารที่ไม่มีใครเหมือนและไม่เหมือนใครคือ ตำกระเทย ส้มตำทุกครกกะเทยตำจริงๆ ตำให้เห็นกันจะจะที่หน้าร้าน ลีลาการตำต้องยอมรับว่าไม่ธรรมดา รสชาติส้มตำเป็นอย่างไร “คุณชาย 2” ตักส้มตำชื่อ “ตำกระเทยลงทุ่ง” เบื้องหน้าเป็นเบื้องต้น เคี้ยวเบาๆ เผ็ดนำมานิดๆ เปรี้ยวตามมาติดๆ ความเปรี้ยวต้องบอกว่าเปรี้ยวอย่างนุ่มนวล เหมือนคนสวยมองแล้วเย็นตาพาสบายใจ
ในจานมีสารพัดผัก อาทิ เม็ดกระถินรสชาติมันอย่าบอกใคร ผักกระเฉดสดๆ แถมผักดองและหอยโข่งสดๆจากนาข้าว ไม่รู้เหมือนกันว่า ระหว่างจับหอยโข่งแต่ละตัว เลือกเอาตัวที่กำลังกัดกินข้าวอยู่หรือไม่อย่างไร จับมาลวกสุกเป็นอย่างดี แม้จะเหนียวอยู่บ้าง แต่ก็นุ่มนวลชวนรับประทานจริงๆ เพราะมันเหนียวพอเหมาะ เคี้ยวดังกรุบๆ ไม่จำเป็นต้องหาน้ำจิ้มใดๆ เพราะน้ำปรุงรสจากส้มตำได้แทรกซึมเข้าไป ประกอบกับความสุกและสดใหม่ของเนื้อหอย ทำให้รสชาติท้าทายการลิ้มลอง
...
น้ำปรุงรสส้มตำกระเทยลงทุ่ง แทรกเข้าไปในเส้นขนมจีนทำให้แป้งฉ่ำน้ำ เส้นอมน้ำปรุงรสจากส้มตำเข้าไปพองาม ยามส่งเข้าปากแต่ละคำ อยากจะบอกว่าแซ่บๆ ออกมาดังๆเสียจริงๆ ถ้าไม่เกรงใจบรรดากะเทยที่ง่วนอยู่กับครกหน้าร้าน ก็อาจต้องเผลอใจ
อีก 1 ตำ เรียกว่าตำปูม้า ปูม้าสดๆ เนื้อหวานเพราะความสดใหม่ เปรี้ยวประสานมากับหวาน รสกลมกล่อมพอเหมาะ แต่ละคำแนมผักสดๆตามเข้าไปด้วย ช่วยให้รสเผ็ดลดลง เกิดความกลมกลืนกลมกล่อม หากใครสนใจรับประทานเปล่าๆ แนะนำให้ตามด้วยผักมากๆ เพราะผักช่วยให้ระบบการขับถ่ายดี และมีคุณค่าทางอาหารมากมาย เรียกว่าดีต่อกายนั่นเอง
ตำลาวกุ้งสดของคุณกะเทยก็ไม่ธรรมดา เห็นลีลาร่อนเสือกะบากสากกะเบือแล้ว อย่านึกว่าเก่งแต่ลีลาเชียว รสชาติของคุณเทยไม่ธรรมดาจริงๆ กุ้งสุดๆตัวโตๆ ใส่มาให้เห็นกันจะจะ ไม่ใช่เอากุ้งฝอยลอยน้ำตื้นๆมาโปรยลงพอเป็นพิธีอย่างเด็ดขาด เด็ดกว่านั้นคือรสส้มตำที่ชำแรกแทรกซึมเข้ามาในเส้นขนมจีน คำก็แล้ว สองคำก็แล้ว เหมือนสะกดคำว่าพอไม่เป็นทั้งๆที่ออกจะเรียนจบมาสูงกว่ายอดตาล
มองไปที่อาหารรายการอื่นบ้าง ตับหวาน สมัยเด็กๆ “คุณชาย 2” เคยได้ยินคนใกล้ๆบ้านด่าประดาสาวๆว่า นางตับหวานไม่รู้ความนัยจริงๆ ว่าทำไมต้องด่าอย่างนั้น ความหมายน่าจะดีกว่าร้าย ครั้นโตขึ้นมาค่อยถึงบางอ้อว่า ตับหวานนั้นรสชาติอร่อย อร่อยแค่ไหนไม่ต้องไปถาม “ตุ๊กแก” ที่คอยแต่จะกินตับงูเขียว แต่มาพิสูจน์ได้ที่ร้านตำกระเทย อ่ะ...วางเบื้องหน้าร้อนๆ ควันลอยออกจางๆ หอมกลิ่นข้าวคั่วยั่วน้ำลาย ตวัดช้อนป้อนปากเข้าถี่ๆ อยากกระซิบข้างหูกะเทยเบาๆว่า “แซ่บ” ดีจัง
ลองลาบปลาคังบ้าง อ่ะ...ดูเหมือนจะเปรี้ยวๆไปนิด ไม่รู้ว่าคนปรุงเผลอใส่น้ำมะนาวหนักมือไปหน่อย หรือประสงค์ให้เปรี้ยวนำเพื่อให้รับประทานกับข้าวแล้วรสจะพอดี ลองเนื้อปลาคังล้วนๆ เครื่องปรุงชำแรกแทรกซึมเข้าเนื้อบางๆ ก็พบว่าของเขาใช้ได้ ทั้งใช้รับประทานกับข้าว และเป็นกับแกล้มยามแดดร่มลมตก ไม่อยากบอกว่า ยามเย็นนั่งละเลียดลาบปลาคังพลาง มองกะเทยอวดลีลาตำส้มตำไปพลางจะดีแค่ไหน
...
มาถึงรายการเด็ดของร้านนั่นคือ ไก่ย่างสามสายพันธุ์ เนื้อไก่แน่น นุ่ม ผ่านการหมักมาอย่างดี ย่างสดๆให้เห็นกันจะจะ ข้างกะเทยอวดลีลาตำอยู่หน้าร้าน ประสบการณ์รับประทานไก่ของ “คุณชาย 2” ที่ผ่านมา บางร้านย่างเนื้อไก่ชุ่มฉ่ำเกินไป บางร้านก็ย่างแห้งเสียจนหาเนื้อไม่ค่อยจะเจอ
เสน่ห์ไก่ย่างของร้านตำกระเทยคือ ย่างไก่สุก ไม่แห้งจนเกินไป พอมีเนื้อให้แทะกินอย่างสบายอารมณ์ และมีกลิ่นหอมยั่วยวนชวนรับประทาน
แรกๆเข้าไปในร้านออกอาการตกใจเล็กๆ ที่เห็นเก้าอี้รายเรียงอยู่ข้างๆเตาย่างไก่ แต่พอเข้าไปนั่งสักประเดี๋ยวก็ถึงบ้างอ้อ เพราะสังเกตพบว่าเป็นเก้าอี้สำหรับลูกค้าที่มารอซื้อเฉพาะไก่ย่างเอาไปรับประทานที่บ้าน เหตุการณ์นี้การันตีความอร่อยได้ระดับหนึ่งเท่านั้น
...
รสชาติแท้จริงต้องชิมเอง “คุณชาย 2” บรรจงฉีกเนื้อไก่เบาๆ สัมผัสได้ถึงความแน่นและนุ่มของเนื้อไก่ และหอมกลิ่นสมุนไพรที่หมักมาอย่างบรรจง ไม่รู้เหมือนกันว่า ส่วนผสมอะไรบ้าง สำหรับคนที่ลิ้นมาตรฐานเกินร้อย ต้องลองไปชิมแล้วแยกแยะรสเพื่อหาส่วนผสมเอาเอง “คุณชาย 2” บอกได้แต่เพียงว่าแม้นไม่ได้นั่งกินที่ร้าน ขอเพียงมีไก่ย่างร้านตำกระเทยติดมาสัก 1 ตัว ข้าวเหนียว 1 กระติ๊บ ไม่ว่าจะไปแวะปั๊มไหน ชายทุ่งใด ก็อิ่มอร่อยได้อย่างมีรสชาติ
มาดูชื่อร้านกันเล็กน้อย สาเหตุที่ชื่อ ตำกระเทย ไม่ได้ซับซ้อนอะไรเลย เพราะส้มตำทุกครกกะเทยเป็นคนควงสากตำโป๊กๆอยู่หน้าร้าน ไม่รู้เหมือนกันว่าเจ้าของร้านไปสรรหาที่ไหนมา แต่ละคนสามารถควงสากตำแทนกันได้ชนิดรสชาติไม่ผิดเพี้ยน
...
ร้านตำกระเทย ร้อยเอ็ด อยู่ริมถนน สถานที่จอดรถริมถนนยาวตลอดแนว หากไม่ต้องการเดินไกลก็อย่าไปเวลาใกล้เที่ยงวัน หากไปเวลาเที่ยงวันตรงๆ ก็อย่าหวังว่าจะได้จอดหน้าร้านแล้วเดินเข้าไปชิมรสชาติอาหารได้เลย เพราะโอกาสนั้นเป็นของคนที่มาก่อนไปแล้ว
บริเวณร้านกว้างขวาง ตกแต่งดี บรรยากาศร่มรื่น มีทั้งห้องแอร์และเปิดรับลมสบายๆ รองรับคนได้พร้อมๆกันไม่น่าจะต่ำกว่า 80 คนร้านอยู่ที่ 492 หมู่ 6 ตำบลเหนือเมือง อำเภอเมืองร้อยเอ็ด เปิดเวลา 10.30-21.00 น. สนใจจองโต๊ะหรือถามทางได้ที่เบอร์ 0-4303-1398 คุณเอก-ศุภฤกษ์ โบราณบุบผา ผู้จัดการร้านได้ หนุ่มอัธยาศัยดี และพร้อมให้บริการทุกๆคน
เมืองร้อยเอ็ดนอกจากชื่อเกินร้อยแล้ว รสชาติอาหารจะแซ่บเกินร้อยหรือไม่ ลองไปพิสูจน์ด้วยลิ้นคุณเอง.
“คุณชาย 2”