icon member

นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ฝ่ายทรัพยากรบุคคล

กลุ่มบริษัทในเครือไทยรัฐกรุ๊ป ได้แก่ บริษัท วัชรพล จำกัด, บริษัท เทรนด์ วี จี 3 จำกัด บริษัท ทริปเปิล วี บรอดคาสท์ จำกัด บริษัท เอฟเวอร์พิงค์ จำกัด และบริษัท ไทยรัฐ โลจิสติคส์ จำกัด (รวมเรียกว่า “บริษัท”) ตระหนักถึงความสำคัญของการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทจึงได้จัดทำนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ขึ้นเพื่อใช้บังคับกับเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งเป็นผู้สมัครงานและ/หรือพนักงานของบริษัทในเครือไทยรัฐกรุ๊ป โดยมีหลักเกณฑ์ กลไก มาตรการกำกับดูแล และการบริหารจัดการข้อมูลส่วนบุคคลตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 ดังรายละเอียดต่อไปนี้

ข้อ 1 : คำจำกัดความ

ลำดับ (No.)คำศัพท์ (Term)คำอธิบาย (Descriptions)
1บริษัทบริษัทในเครือไทยรัฐกรุ๊ป ได้แก่ บริษัท วัชรพล จำกัด, บริษัท ทริปเปิล วี บรอดคาสท์​ จำกัด, บริษัท เทรนด์ วี จี 3 จำกัด, บริษัท เอฟเวอร์พิงค์ จำกัด, บริษัท ไทยรัฐ โลจิสติคส์ จำกัด
2ข้อมูลส่วนบุคคล
(Personal Data)
ข้อมูลที่สามารถระบุหรืออาจระบุตัวตนได้ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม เช่น ชื่อ นามสกุล เพศ ภาพถ่าย ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ อีเมล ที่อยู่ วันเดือนปีเกิด สถานที่เกิด เชื้อชาติ สัญชาติ สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน สำเนาหนังสือเดินทาง สำเนาใบอนุญาตขับขี่ ศาสนา ข้อมูลการศึกษา หลักฐานทางการศึกษา สถานะการเกณฑ์ทหาร สถานภาพการสมรส ข้อมูลเกี่ยวกับครอบครัว ข้อมูลทางด้านสุขภาพ กรุ๊ปเลือด ส่วนสูง น้ำหนัก ข้อจำกัดทางกายภาพ ผลการตรวจสุขภาพ ข้อมูลทางการเงิน เลขที่บัญชีธนาคาร ข้อมูลการจ้างงาน เลขบัตรประกันสังคม ประวัติอาชญากรรม
3เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
(Data Subject)
บุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล และ/หรือ บุคคลที่ข้อมูลนั้นระบุไปถึง แต่ไม่รวมถึง “นิติบุคคล” (Juridical Person) ที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมาย เช่น บริษัท สมาคม มูลนิธิ หรือองค์กรใด

ข้อ 2 : การเก็บข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทจะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลเพียงเท่าที่จำเป็นแก่การดำเนินงานภายใต้วัตถุประสงค์ของบริษัทเท่านั้น ทั้งนี้ บริษัทจะดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด

บริษัทอาจสอบถามข้อมูลส่วนบุคคลอื่นเพิ่มเติม เช่น เมื่อเข้าร่วมกิจกรรมหรือบริการที่บริษัทหรือพันธมิตรทางธุรกิจจัดขึ้น โดยอาจต้องระบุข้อมูลเพิ่มเติม การแจ้งข้อมูลส่วนบุคคลเพิ่มเติมจะทําให้สามารถดำเนินกิจกรรมต่างๆ ได้มากขึ้น

ทั้งนี้ บริษัทจะทำการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามระยะเวลาที่จำเป็นเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ที่กำหนดในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลนั้นๆ และเพื่อปฏิบัติตามภาระหน้าที่ทางกฎหมายและข้อบังคับต่างๆ โดยระยะเวลาเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลจะเปลี่ยนแปลงไปโดยขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ที่กำหนดในการเก็บรวบรวมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลนั้นๆ

ข้อ 3 : วัตถุประสงค์ในการจัดเก็บ รวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทจะทำการจัดเก็บ รวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท หรือโดยได้รับความยินยอมจากท่าน หรือเนื่องด้วยเหตุอันชอบด้วยกฎหมายอื่น เท่าที่จำเป็นเพื่อวัตถุประสงค์ในการติดต่อสื่อสารเพื่อการนัดหมาย การสัมภาษณ์งาน และเพื่อพิจารณาตรวจสอบความเหมาะสมของผู้สมัครงานในการจ้างงาน

เมื่อท่านเข้าเป็นพนักงานบริษัทหรือบริษัทในเครือไทยรัฐกรุ๊ป บริษัทจะทำการจัดเก็บ รวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน โดยท่านตกลงและยินยอมให้บริษัทสามารถ ใช้ เปิดเผย ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในการติดต่อหรือส่งข้อมูลส่วนบุคคลของท่านทั้งหมดหรือบางส่วนไปยังบริษัทในเครือ โดยไม่จำเป็นต้องบอกกล่าวล่วงหน้าแก่ท่าน เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทรวมถึงบริษัทในเครือ หรือเนื่องด้วยเหตุอันชอบด้วยกฎหมายอื่น เท่าที่จำเป็นเพื่อวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้

1. เพื่อจัดทำระบบทะเบียนประวัติพนักงาน ระบบการประเมินผลปฏิบัติงาน วิิเคราะห์ข้อมูลในการพัฒนาระบบบริหารทรัพยากรบุคคล การดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับการทำงาน หรือธุรกรรมต่างๆ ที่บริษัทยื่นต่อหน่วยงานราชการ รวมถึงพิจารณาการบรรจุ แต่งตั้ง โยกย้าย การดำเนินการและให้บริการต่างๆ ที่เกี่ยวกับการประกันภัยและหนี้สินอื่นๆ (ถ้ามี) การตรวจสอบ วิเคราะห์ ประมวลผล การจ่ายเงินรวมถึงการเปลี่ยนแปลงแก้ไข การเลิกจ้าง และการเป็นพนักงานของบริษัท

2. เพื่อดำเนินการสอบทาน ตรวจสอบ ข้อมูลส่วนบุคคลของพนักงานที่ได้รับจากหน่วยงานหรือองค์กรต่างๆ เช่น สำนักงานประกันสังคม กรมสรรพากร กรมบังคับคดี โรงพยาบาล และหน่วยงานทางราชการอื่นๆ

3. เพื่อดำเนินการบริหารจัดการในกิจการของบริษัท รวมถึงช่วยให้บริษัทสามารถปฏิบัติตามภาระผูกพันที่บริษัทมีต่อคู่ค้า และส่งมอบบริการที่เกี่ยวข้องตามที่ได้ตกลงไว้กับคู่ค้าที่จะซื้อผลิตภัณฑ์หรือบริการ

4. เพื่อการจัดสวัสดิการและสิทธิประโยชน์ด้านต่างๆ รวมถึงเพื่อการพัฒนาและฝึกอบรมบุคคล จัดกิจกรรมนันทนาการ

5. เพื่อการติดต่อ สื่อสาร ส่งไปรษณีย์พัสดุ

6. เพื่อปฏิบัติตามหรือใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย

ข้อ 4 : ข้อจำกัดในการจัดเก็บ รวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

1. บริษัทจะจัดเก็บ รวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามความยินยอมของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล โดยจะต้องเป็นการใช้ตามวัตถุประสงค์ของการเก็บรวบรวมข้อมูลของบริษัทเท่านั้น บริษัทจะกำกับดูแลพนักงานหรือผู้ปฏิบัติงานของบริษัทมิให้ใช้และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลนอกเหนือไปจากวัตถุประสงค์ของการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล หรือเปิดเผยต่อบุคคลภายนอก เว้นแต่

1.1) เป็นการปฏิบัติตามกฎหมาย เช่น พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ร.บ.ว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ประมวลกฎหมายแพ่งและอาญา ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งและวิธีพิจารณาความอาญา ฯลฯ

1.2) เป็นไปเพื่อประโยชน์แก่การสอบสวนของพนักงานสอบสวน หรือการพิจารณาพิพากษาคดีของศาล

1.3) เพื่อประโยชน์ของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล และการขอความยินยอมไม่อาจกระทำได้ในเวลานั้น

1.4) เป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์​โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท หรือของบุคคลหรือนิิติบุคคลอื่นที่ไม่ใช่บริษัท

1.5) เป็นการจำเป็นเพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล

1.6) เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญาซึ่งเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นคู่สัญญาหรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเข้าทำสัญญานั้น

1.7) เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวกับการจัดทำเอกสารประวัติศาสตร์หรือจดหมายเหตุ เพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือเพื่อการศึกษา วิจัย การจัดทำสถิติ ซึ่งได้จัดให้มีมาตรการป้องกันที่เหมาะสม

2. บริษัทอาจใช้บริการสารสนเทศของผู้ให้บริการซึ่งเป็นบุคคลภายนอก เพื่อให้ดำเนินการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งผู้ให้บริการนั้นจะต้องมีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัย โดยห้ามดำเนินการเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลนอกเหนือจากที่บริษัทกำหนด

ข้อ 5 : การโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังต่างประเทศ

บริษัทอาจเปิดเผยหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไปยังบุคคลภายนอกหรือเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ในต่างประเทศซึ่งเป็นประเทศปลายทาง ที่อาจมีหรือไม่มีระดับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เท่าเทียมกัน ทั้งนี้ บริษัทจะดำเนินการตามขั้นตอนและมาตรการต่างๆ เพื่อทำให้มั่นใจได้ว่าการโอนข้อมูลส่วนบุคคลจะดำเนินการอย่างปลอดภัยและบุคคลที่รับโอนข้อมูลนั้นมีระดับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เหมาะสม และในบางกรณี บริษัทอาจขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อการโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังต่างประเทศ หากจำเป็นต้องปฏิบัติตามที่กฎหมายกำหนด

ข้อ 6 : ความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทตระหนักถึงความสำคัญของการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทจึงกำหนดให้มีมาตรการในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเหมาะสม และสอดคล้องกับการรักษาความลับของข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อป้องกันการสูญหาย การเข้าถึง ทำลาย ใช้ เปลี่ยนแปลง แก้ไขหรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่มีสิทธิหรือโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ตลอดจนการป้องกันมิให้มีการนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้โดยมิได้รับอนุญาต และดำเนินมาตรการที่เหมาะสมเพื่อคุ้มครองสิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล โดยข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทได้รับมาจะถูกนำไปใช้ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์การดำเนินงานของบริษัทเท่านั้น

ข้อ 7 : สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิในการดำเนินการ ดังนี้

1. การเพิกถอนความยินยอม : ท่านมีสิทธิที่จะเพิกถอนความยินยอมของท่านในการจัดเก็บ ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตลอดระยะเวลาที่ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอยู่กับบริษัท

2. การขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล : ท่านสามารถขอเข้าถึง ขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือขอให้เปิดเผยการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้ บริษัทอาจปฏิเสธคำขอของท่านได้ตามที่กฎหมายกำหนด หรือตามคำสั่งศาล

3. การได้รับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์และถ่ายโอนข้อมูล : ท่านมีสิทธิที่จะได้รับข้อมูลที่ได้ให้ไว้กับบริษัทในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ และมีสิทธิในการถ่ายโอนข้อมูลของท่านสำหรับการใช้งานในบริการของบุคคลอื่น และในการใช้สิทธิดังกล่าวนี้ ท่านมีสิทธิที่จะให้บริษัทถ่ายโอนข้อมูลไปยังบุคคลอื่นๆ โดยตรง หากสามารถกระทำได้โดยทางเทคนิค

4. การคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล : ท่านมีสิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับท่าน ในกรณีดังนี้

4.1) กรณีที่เป็นการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการตลาดแบบตรง

4.2) กรณีที่เป็นการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ หรือสถิติ เว้นแต่กรณีจำเป็นเพื่อการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะของบริษัท

4.3) กรณีที่เป็นข้อมูลที่เก็บรวบรวมไว้ด้วยเหตุจำเป็น เพื่อการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะของบริษัท หรือเหตุจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท เว้นแต่บริษัทแสดงให้เห็นถึงเหตุอันชอบด้วยกฎหมายที่สำคัญยิ่งกว่า หรือเป็นไปเพื่อก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตาม หรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย

5. การขอลบ หรือเปลี่ยนแปลงสถานะข้อมูลส่วนบุคคล : ท่านสามารถขอให้ลบหรือทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านกลายเป็นข้อมูลที่ไม่ระบุตัวบุคคล เว้นแต่เป็นกรณีที่บริษัทต้องปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องในการเก็บรักษาข้อมูลดังกล่าว

6. การขอให้ระงับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล : ท่านสามารถขอให้บริษัทระงับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านทั้งหมด หรือบางส่วน เป็นการชั่วคราวหรือถาวร

7. การแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง : ท่านสามารถขอแก้ไข หรือเปลี่ยนแปลงข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ในกรณีที่ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไม่ถูกต้องตามความเป็นจริง และทำให้ข้อมูลของท่านเป็นปัจจุบัน

8. การร้องเรียน : ท่านมีสิทธิร้องเรียนต่อหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ในกรณีที่ท่านเชื่อว่าการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทนั้นฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามพ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562

ข้อ 8 : การเปลี่ยนแปลงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทอาจจะแก้ไขเพิ่มเติมนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้เป็นครั้งคราว เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลหรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง โดยบริษัทจะเผยแพร่ประกาศการแก้ไขเพิ่มเติมบนเว็บไซต์และช่องทางอื่นของบริษัท และถือเป็นการยอมรับข้อกำหนดของนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้

ข้อ 9 : เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทได้ดำเนินการตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 โดยแต่งตั้งเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection Officer: DPO) เพื่อตรวจสอบการดำเนินการของบริษัทที่เกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 รวมถึงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล นอกจากนี้ บริษัทได้จัดทำระเบียบ คำสั่ง ให้ผู้ที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามที่กำหนดไว้ เพื่อให้การดำเนินงานตามแนวนโยบายที่เกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเป็นไปด้วยความเรียบร้อย อีกทั้งยังเป็นไปตามนโยบายของคณะกรรมการกำกับการบริหารข้อมูลส่วนบุคคลและความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ที่กำหนด

ข้อ 10 : ช่องทางการติดต่อ

หากท่านต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัท ตลอดจนมีข้อสงสัย หรือมีความประสงค์ขอใช้สิทธิเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน สามารถติดต่อบริษัทผ่านช่องทางดังนี้

ฝ่ายทรัพยากรบุคคล ไทยรัฐกรุ๊ป
เลขที่ 1 ถนนวิภาวดีรังสิต แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900
โทร : 02-272-1030 ต่อ 1069
อีเมล recruit@thairath.co.th