พ่อแม่ "ปอน โอรีโอ้" ขอโทษสังคม ยันไม่มีส่วนรู้เห็นหรือเกี่ยวข้อง เพราะลูกชายออกจากบ้านไป 6 ปี และบรรลุนิติภาวะแล้ว ย้ำพร้อมให้อภัยหากจะกลับตัวเป็นคนดี
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 30 ม.ค. 68 นายฤษดา โลหิตดี หรือ "ทนาย โนบิ ช่วยด้วย" พร้อมกับ นายภานุมาศ จิตรงศินกุล หรือ "เฮียเปี๊ยกช่วยด้วย" และทีมงานเดินทางเข้าพบ นายชัชวาลย์ เบญจสิริวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด ที่ห้องประชุมเล็กชั้น 2 ศาลากลางจังหวัดร้อยเอ็ด โดยมีปลัดจังหวัดและป้องกันจังหวัด เข้าร่วมรับฟังความต้องการของคณะที่ต้องการให้ผู้ว่าราชการจังหวัด สั่งการไปยังนายอำเภอเกษตรวิสัย นำตัวพ่อ-แม่ ของนายปอน โอริโอ้ หรือ จุติภัทร์ กำลังเกื้อ อายุ 23 ปี ชาว อ.เกษตรวิสัย จ.ร้อยเอ็ด มาพบ และรับผิดชอบในพฤติกรรมลูกชาย ที่ก่อเหตุรุนแรง และยังประพฤติตัวไม่เหมาะสม ก้าวร้าวล่วงเกินข่มขู่ให้ร้ายพาดพิงกดดัน กัน จอมพลัง ให้ได้รับความเสียหายทางสังคมออนไลน์

โดยต้องการให้พ่อ-แม่ออกมาแสดงความรับผิดชอบ ขอโทษกันจอมพลัง และคนในสังคม ซึ่งทางผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด กล่าวถึงผลจากการเจรจาว่า จากข้อมูลที่ได้รับถึงผู้ก่อเหตุ ยกแยกประเด็นได้ว่า
...
1. ผู้ก่อเหตุไม่ใช่เด็กชาย เนื่องจากอายุ 23 ปี ซึ่งบรรลุนิติภาวะแล้ว และไม่ใช่เยาวชน ที่ผู้ปกครองต้องมารับผิดชอบ เนื่องจากเป็นผู้ใหญ่แล้วจึงไม่อยู่ในข่ายที่ผู้ปกครองจะต้องรับผิดชอบในพฤติกรรมการกระทำของลูกชายที่โตแล้ว
2. ต่อข้อเรียกร้องดังกล่าว ฝ่ายปกครองเองก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะไปบังคับให้ผู้ปกครองเด็กมาพบได้ เพราะคงไม่มีส่วนร่วมในการก่อคดี หรือร่วมกระทำความผิดกับลูก
3. ฝ่ายปกครองสามารถทำได้เพียงร้องขอความร่วมมือให้ผู้ปกครองมาพบ แต่หากเขาไม่ยินยอมมาพบก็เป็นสิทธิ์ส่วนบุคคลที่เขาสามารถปฏิเสธได้
4. ตอนนี้ผู้ก่อเหตุก็ถูกจับกุมดำเนินคดีแล้ว และก็ไม่อยู่ในพื้นที่นานแล้ว ดังนั้นปกครองไม่น่าที่จะต้องเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับพฤติกรรมและทำตามข้อเรียกร้องได้ เพราะจะกลายเป็นเหตุดราม่าให้ส่วนราชการเสียหายได้
นอกจากจะเชิญตัวมาเพื่อสอบถามข้อเท็จ ก็จะให้ทางนายอำเภอประสานให้ เพื่อเล่าข้อเท็จจริงทั้งหมดเท่านั้นจึงจะทำได้ จึงจะได้ข้อสรุปว่าเป็นอย่างไร โดยจะประสานให้ไปพบกันที่ห้องประชุมเมืองเกษ อ.เกษตรวิสัย เพื่อสอบถามข้อเท็จจริง
ต่อมาทีมงานดังกล่าว ได้เดินทางไปยังที่ว่าการอำเภอเกษตรวิสัย จ.ร้อยเอ็ด เข้าพบนายอำเภอ และพ่อ-แม่ของนายปอน ซึ่งนายอำเภอได้เชิญตัวมา และได้ให้ข้อเท็จจริงว่า เหตุที่เกิดขึ้นทั้งหมดตนเองไม่ทราบมาก่อน และมารู้ตอนที่เป็นข่าวปรากฏขึ้นทางโทรทัศน์ และสื่อโซเชียลเท่านั้น และก็เพิ่งทราบรายละเอียดทั้งหมดจากคณะที่เดินทางมา จึงทราบเรื่องอย่างชัดเจนถึงกรณีที่ลูกชายไปก่อเหตุต่างๆ ขึ้น ยืนยันว่า พวกตนไม่มีส่วนรู้เห็นกับพฤติกรรม ด้วยการกระทำของลูกชายที่เกิดขึ้นทั้งหมดแต่อย่างใด เนื่องจากลูกชายได้เดินทางออกจากครอบครัวไปเป็นเวลากว่า 6 ปีแล้ว
ซึ่งการเดินทางไป ก็ไปหางานทำหลายอย่าง โดยการตัดสินใจของลูกชายเพียงคนเดียว โดยไม่ได้มีการปรึกษากันกับครอบครัว และก็เคยกลับบ้านมาครั้งเดียว ในช่วงแรกๆ เพื่อมาเลือกตั้งผู้นำท้องถิ่นเท่านั้น จากนั้นก็เงียบหายไป ติดต่อกันไม่ได้ โทรศัพท์ไปก็ไม่ติด และก็ไม่เคยติดต่อมา ดังนั้นเหตุที่เกิดขึ้น พวกตนไม่น่าจะต้องมีส่วนรับผิดชอบกับพฤติกรรมดังกล่าว
เนื่องจากบรรลุนิติภาวะแล้ว และก็ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กันอีกเป็นเวลานานแล้ว ซึ่งตนได้ข่าวก็รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำได้เพียงขอโทษสังคม และผู้เกี่ยวข้องด้วยที่ลูกชายไปก่อเหตุ ทำให้ได้รับผลกระทบ และได้รับความเสียหาย ตนทำได้แค่เพียงขอโทษ และเสียใจกับเหตุที่เกิดขึ้นเท่านั้น
ส่วนการที่จะให้เข้าไปรับผิดชอบ ตนเองคิดว่า น่าจะไม่ใช่เรื่องที่พ่อแม่จะต้องเข้าไปรับผิดชอบ เนื่องจากลูกโตแล้ว และพฤติกรรมดังกล่าวก็ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับครอบครัวมาเป็นเวลานาน จึงเป็นเรื่องของฝ่ายกฎหมาย และกระบวนการยุติธรรม ให้ดำเนินการไปตามกฎหมาย ซึ่งก็ได้แต่เสียใจกับเหตุที่เกิดขึ้น
นอกจากจะฝากขอโทษผู้ที่ถูกกระทำแล้ว ทางพ่อแม่ยังฝากข้อความไปถึงลูกชายที่ก่อเหตุว่า พ่อพร้อมที่จะอภัยให้ โดยหลังจากพ้นโทษแล้ว ก็อยากให้กลับมาบ้าน แล้วกลับเนื้อกลับตัวเป็นคนดีในสังคม ซึ่งพ่อแม่ก็พร้อมที่จะยอมรับ แล้วเปิดโอกาสให้กลับตัวเป็นคนดี กลับมาอยู่ในพื้นที่ ซึ่งพ่อแม่พร้อมเครือญาติก็พร้อมที่จะอภัยให้ และคิดว่าแม้แต่สังคม ก็คงจะให้อภัย หากจะกลับบ้านแล้วมากลับเนื้อกลับตัวเป็นคนดี หลังจากพ้นโทษแล้ว
และอยากจะบอกให้ลูกรู้ว่า ยังไงเสียพ่อแม่ก็ยังรักลูก และพร้อมจะอภัยให้เสมอ และยินดีต้อนรับลูกกลับบ้าน ด้วยความอบอุ่น และความรักที่พ่อแม่ยังคงมีให้อย่างไม่เปลี่ยนแปลง.