เมื่อนึกถึงหลวงพี่อุเทน (พระญาณวิกรม) แห่งวัดท่าไม้ หลายคนนึกถึงการดูดวง การแก้กรรม และการบูชาเทพมูเตลูต่างๆ แต่เมื่อรายการ Thairath Talk ได้มีโอกาสสัมภาษณ์พูดคุยกับหลวงพี่อุเทน เรากลับได้พบเรื่องราวแสนประทับใจ ที่สร้างกำลังใจให้กับผู้ฟัง และการเสียสละที่น่านับถือ
"การที่เราได้ปัจจัยมา เราก็ต้องคืนนะโยม อาตมาไม่เก็บปัจจัย คนเขามีศรัทธามา ก็ต้องไปคืนแก่คนที่ยากลำบาก เราเป็นเหมือนไปรษณีย์ เรารับมาก็ส่งต่อให้ถึงจุดหมายปลายทาง"
เริ่มต้นเราถามถึงสถานการณ์โควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตของคนทั่วโลก รวมถึงวัดวาอารามด้วย หลวงพี่อุเทนกล่าวเห็นด้วยว่า กระทบตั้งแต่พระบิณฑบาต การฝึกวิปัสสนากรรมฐาน อาหาร ศูนย์ที่ดูแล โรงเรียน และการช่วยเหลือโรงพยาบาล ชุมชน โดยเฉพาะชาวบ้าน
"เราเห็นความทุกข์ยากชัดเจนเลยนะ เขาถูกทอดทิ้ง ทิ้งไว้ตามบ้าน วัคซีนไม่มี ติดทั้งบ้าน ข้าวไม่มีกิน เหมือนถูกลอยแพไปเลย ซึ่งอาตมาก็พยายามช่วยนะ เพราะอาตมาเป็นลูกคนจน เราอยู่ได้ด้วยน้ำด้วยข้าว ด้วยอาหารของโยม ยามที่โยมลำบาก อาตมาก็ทอดทิ้งโยมไม่ได้ ถึงแม้ว่าจะมีคนมาห้ามเรา เพราะมันอันตราย แต่อาตมาก็พร้อมจะเสี่ยง เพราะมันคือชีวิตของคนที่รอด อาตมาไปเองตลอดนะ
...
วันหนึ่งไปเจอโยมแม่และลูกเดินอยู่บนทางด่วน เขาติดโควิดแล้วโดนทิ้งอยู่กลางทาง อาตมาก็ไม่กลัว จะปล่อยให้เด็กกับผู้หญิงเดินอยู่บนมอเตอร์เวย์ได้อย่างไร อาตมาทิ้งไม่ได้ ก็เลยไปรับกลับมา แล้วไปส่งที่บ้าน ชีวิตเขายากลำบากนะ งานไม่มีทำ อะไรที่พอช่วยได้ก็ต้องช่วย"
จะมรณภาพอายุ 49 ปี
"พร้อมตายทุกวัน"
อาจจะพอจำได้ว่าหลวงพี่อุเทนเคยให้สัมภาษณ์กับสื่อแห่งหนึ่งว่า ตัวเองจะอายุสั้น จะสิ้นอายุขัยในวัย 49 ปีเท่านั้น เมื่อมีโอกาสได้ถามถึงสุขภาพ เราก็ต้องตกใจกับคำตอบ
"จากการอุโมงค์อัลตราซาวนด์พบก้อนเนื้องอก คุณหมอแนะนำให้เอาชิ้นเนื้อมาตรวจ เพื่อดูว่าเป็นเนื้อร้ายหรือไม่ แต่อาตมาตั้งใจว่าจะไม่ผ่าตัด เพราะอาตมาทำกรรมฐานมานาน ถ้ามากลัวแต่แค่นี้ก็ไม่ใช่อาตมา เราเดินธุดงค์มาหลายรอบ เรื่องแค่นี้ไม่ทำให้อาตมากลัวได้ เราพร้อมตายทุกวันอยู่แล้ว"
พระอาจารย์กล่าวเสริมว่า ได้ทำพินัยกรรมไว้แล้ว หากสิ้นใจไปจะบริจาคอวัยวะมอบให้ประชาชนที่ต้องการ
"ถามว่ากลัวไหม ไม่กลัวเลยโยม เพราะร่างกายเป็นของไม่มีประโยชน์ ต้องทิ้ง ต้องเน่า ต้องสลาย แต่ถ้าร่างกายสามารถต่อชีวิตคนได้อีก เราก็เต็มใจจะทำบุญอยู่แล้ว"
หลังจากนี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคล ต้องใช้วิจารณญาณในการรับชม เราจึงขอถอดคำต่อคำ คำถามและคำตอบระหว่างพิธีกรและหลวงพี่อุเทน
Thairath Talk : หลวงพี่เคยให้สัมภาษณ์ว่าหลวงพี่เป็นคนอายุสั้น เมื่ออายุ 49 ปีก็จะมรณภาพแล้ว
มันมาจากตำราที่อาตมาเคยเรียน ซึ่งอาตมาได้ลองคำนวณกับคนหนึ่งมาแล้ว คนนั้นอายุ 49 ก็เสียชีวิตพอดี ซึ่งอาตมาก็มาคำนวณกับตัวเองเช่นกัน ไม่ใช่อุตรินะโยม แต่เราเรียนตำราเพื่อพิสูจน์ว่ามันต้องพิสูจน์ได้ จับต้องได้
Thairath Talk : ตกใจไหมครับ
ทีแรกก็นอยด์ ทีแรกก็ตกใจ เพราะว่าเราใช้ตำรากับคนคนหนึ่งแล้วเขาเสียชีวิตในวัย 49 ปีพอดี แม่นเลย แต่พอเราคิดได้ เข้ากรรมฐาน ก็เข้าใจ เรายิ่งต้องเพียรไปให้พ้น ถ้าขืนเราไม่รีบปฏิบัติ ถึงเวลาบั้นปลายเราจะทรมานมาก หากวันหนึ่งเราจะต้องเจอเจาะคอ ใส่สายยางจมูก เจาะกระเพาะปัสสาวะ ซึ่งเราจะไม่เป็นเช่นนั้น เลยเป็นที่มาก็การเป็นอะไรขึ้นมา ก็จะไม่รักษา
Thairath Talk : เพราะฉะนั้นหลังจากนี้ก็หมือนกับการนับถอยหลังช่วงเวลาชีวิตของพระอาจารย์เรื่อยๆ
ใช่โยม อีกประมาณ 3 ปีครึ่ง เมื่อถึงเวลานั้น อาตมาจะพยายามไม่ร้อง นอนตะแคงหลับให้ได้ ถ้าชาตินี้ไม่ได้ ก็ต้องชาติหน้า ชาติไหนก็ต้องให้ได้
ดาราดัง
ต้องมาวัดท่าไม้
Thairath Talk : มีดาราดังๆ อย่างอั้ม พัชราภา, ณเดชน์ คูกิมิยะ, ญาญ่า อุรัสยา และอื่นๆ อีกมาก มาที่วัดแห่งนี้เพื่อมาดูดวง แก้กรรม นี่เป็นสิ่งที่คนเขาลือกัน แท้จริงแล้วดาราเหล่านี้มาทำอะไรที่วัดนี้ครับหลวงพี่
ไม่ได้ดูดวงนะโยม คือเราไม่เรียกว่าดูดวง คืออาตมาและคนดังทั้งหลายที่มา อายุไล่เลี่ยกัน อายุไม่ต่างกันมาก เวลาคุยมันจะเข้าใจกัน ภาษาเดียวกัน เราเข้าใจสิ่งที่เขาเป็น และเข้าใจปัญหาที่เขามี เราเลยรู้วิธีแก้ แล้วก็ทุกคนมาปรึกษาเรา อาตมาเองก็เรียนมาเยอะ เพื่อนำความรู้ไปช่วยคน คือเรามองทุกศาสตร์เป็นความรู้หมด ไม่ปิดกั้นตัวเองว่ามันเป็นไสยศาสตร์ ล้าหลัง ทุกคนต้องลองผิดลองถูก เราใช้ความรู้ความจริงใจ และธรรมะเข้าไปแก้ปัญหา
...
Thairath Talk : ส่วนมากดาราพวกนี้มาทำอะไรครับ ยกตัวอย่างคุณอั้ม พัชราภา เห็นมาทำบุญที่นี่บ่อยมาก
พี่อั้มเนี่ย เขาเป็นคนทำบุญ ตั้งใจทำบุญ และคุยกับคนอื่นไม่รู้เรื่อง เขาจะมาปรึกษาเรื่องคุณพ่อคุณแม่ ช่วยสัตว์ ทำบุญ หล่อพระ ส่วนดวงชะตาจะเป็นเรื่องสุดท้ายที่เขาจะต้องถามว่า ปีนี้เป็นอย่างไร คือทุกคนมีความอยากรู้
อาตมาขออธิบายอย่างนี้แล้วกัน คือดาราศาสตร์มันไขข้อข้องใจที่เราไม่สามารถรู้ได้ในบางเรื่อง ใจเรายังไม่เหมือนกับที่พระพุทธเจ้าสอน เรายังมีรัก โลภ โกรธ หลง ทุกคนมีความหวัง ถ้าเราไม่รู้ความหวังเลย ชีวิตเราจะอยู่ยังไง
...
Thairath Talk : ณเดชน์ ญาญ่า ล่ะครับ
พี่เอ (ศุภชัย ศรีวิจิตร ผู้จัดการดาราชื่อดัง) พามา มาตั้งแต่ยังเป็นเด็กๆ เลยนะ พี่เอเขาถามว่า เอาน้องๆ ไปทำอะไรดี อนาคตจะเป็นอย่างไร ซึ่งอาตมาบอกว่าดวงเป็นดาราดัง ไม่ต้องกลัวเลยพี่เอ
คือทุกคนเดินไปเจออุปสรรคปัญหา อาตมาคือ Consult ทางชีวิต โดยใช้จิตวิทยาบวกกับโหราศาสตร์ เอาธรรมะเป็นยาใจ เอาตำราโหราศาสตร์และดาราศาสตร์
เอามาช่วยคลี่คลายในตอนที่เขากำลังทุกข์
Thairath Talk : นอกจากคนดัง ดาราแล้ว ยังมีบุคคลทางการเมืองด้วย
ก็มีทั้งนักการเมืองมานะ เอาจริงๆ อาตมาเจอทุกแบบ ตั้งแต่ขอทาน ไปถึงมหาเศรษฐีในเมืองไทย เราได้แลกเปลี่ยนทางความคิด ได้แลกเปลี่ยนข้อดีข้อเสียที่จะไปแก้ปัญหาให้เขา เพราะปัญหาแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนไม่ได้อยากรวยก็มี อยากรวยก็มี เฉยๆ ก็มี คนที่อาตมาพบก็มีหลากหลายมาก ไม่จำเป็นต้องเป็นคนดัง คนรวย คนมีชื่อเสียงนะ ใครก็สามารถมาพบและพูดคุยกับอาตมาได้
Thairath Talk : ส่วนมากนักการเมืองมา จะมาถามเรื่องอะไรครับ
เรื่องส่วนตัวด้วย อนาคตด้วย และการเมือง ประเทศด้วย
...
Thairath Talk : มีนักการเมืองคนไหนที่พระอาจารย์ทายดวงให้แม่นเป๊ะๆ และยังมีชื่อเสียงอยู่ในปัจจุบัน
ขอไม่เอ่ยชื่อนะโยม แต่ยังเห็นออกทีวีทุกวัน เราใช้ตำราที่เราเรียนมาเพื่อช่วยเขา แต่เมื่อเขาได้ดีแล้ว ก็ต้องกลับมาช่วยคน ช่วยประเทศ ช่วยคนที่ลำบาก และไม่คดโกงประเทศ เพราะประชาชนยังลำบากอีกเยอะ เมื่อได้เป็นผู้นำแล้วก็ต้องช่วยเหลือคน อาตมามีเจตนาเรา ความฝันลึกๆ อยากให้ประเทศพัฒนา และประชาชนอยู่ดีมีสุข
กรรม แก้ได้จริงหรือ?
"ถ้ากรรมที่ไม่ใช่กรรมหนัก ไม่ใช่ฆ่าพ่อแม่ ฆ่าอรหันต์ กรรมที่เหลือ เป็นกรรมเบาบาง แก้ได้ อาตมาเปรียบกรรมเสมือนเกลือ ถ้าเราเอาเกลือใส่แก้วน้ำ มันเค็มเพราะน้ำมันน้อย แต่ถ้าเราเอาเกลือใส่ในแม่น้ำ ถามว่าตรวจแล้วเจอเกลือละลายอยู่ไหม เจอแน่นอน แต่น้ำนั้นกินได้ เพราะมันไม่เค็มมาก
กรรมจึงเป็นเหมือนเกลือ ถ้ากรรมไม่ส่งผล ก็ไม่มีผลอะไร เพราะฉะนั้นการแก้กรรมคือ สู้ด้วยบุญ สู้ด้วยความดี อดีตมันแก้ไม่ได้ก็แค่ลืมมันไป ทิ้งมันไป เราไม่ไปจับอยู่กับมัน แต่คนมียึดมั่นถือมั่นไม่เท่ากัน บางคนตกอยู่ในความสุข บางคนติดอยู่ในความทุกข์ การที่เราจะออกจากโลกธรรม 8 (1.มีลาภ 2.เสื่อมลาภ 3.มียศ 4.เสื่อมยศ 5.สรรเสริญ 6.นินทา 7.สุข 8.ทุกข์) วิธีเดียวคือ วิปัสสนากรรมฐาน
คำว่า วิ คือ ความรู้ยิ่ง ปัสสะ คือ ทำให้แจ้ง แจ้งด้วยปัญญาและสติสัมปชัญญะ"
ของขลัง
สติกเกอร์วัดท่าไม้
สติกเกอร์วัดท่าไม้ที่เราเห็นตามท้ายรถแทบจะทั่วประเทศไทย หลายคนสงสัยมันคือของขลังจากวัดท่าไม้ ปลุกเสกเพื่อให้ขับขี่ปลอดภัย สร้างอภินิหารจริงหรือไม่ พระอาจารย์ยิ้มก่อนตอบว่า
"ตอนนี้น่าจะมีประมาณ 15 ล้านคันนะโยม เราไม่เคยจ้างให้คนไปแปะ เรามีสติกเกอร์ 2 สี คือ สีเหลืองกับสีขาว ความหมายของสีเหลืองคือ คนที่มาถือศีลปฏิบัติ สีขาวคือคนมาเยี่ยมที่วัด มาไหว้พระขอพร แนวคิดแรกที่ตั้งใจจะตั้งสติกเกอร์ เพราะเราเอาต้นแบบมาจากสติกเกอร์หลังรถของหลวงพ่อโสธร คนที่ติดท้ายรถแปลว่าเขาไปกราบหลวงพ่อโสธรมา
ส่วนแนวคิดที่สอง อาตมาเห็นคนวิ่งรถกลับมา เห็นคนตีกันต่อยกัน เราก็หันไปเจอ อ่าวเป็นลูกศิษย์ของเรานี่นา เราเลยลงไปห้ามเขามีเรื่องกัน เลยได้ความคิดว่า ถ้าเรามีสติกเกอร์วัดท่าไม้ติดที่ท้ายรถ จะได้รู้ว่าเป็นลูกศิษย์ของเรา อาจารย์เดียวกันจะได้ไม่ตีกัน ช่วยเหลือกัน มีเรื่องอะไรก็ช่วยเหลือกันและกัน"
สุดท้ายหลวงพี่อุเทนยืนยัน สติกเกอร์ทั้ง 15 ล้านแผ่น ไม่ได้จ้างใครไปแปะ ไม่ได้ขายและไม่ได้ลงอักขระเสกคาถาแต่อย่างใด ส่วนอีกจุดประสงค์ที่มีการทำสติกเกอร์นี้ เพราะเมื่อก่อนวัดท่าไม้ไม่ได้โด่งดังอะไร เวลาโยมที่จะมา บางทีหลงทาง หลงไปในสวนของชาวบ้าน เลี้ยวผิดย้อนศร ซึ่งถ้าเจอญาติโยมติดสติกเกอร์วัดท่าไม้จะได้ช่วยอำนวยความสะดวกบอกทางให้
ภาพประกอบข่าว : facebook.com/wattamai45
ผู้เขียน : Bouquet Talk