คนกำลังฮอตอะไรก็ฉุดไม่อยู่ ล่าสุดหนุ่มมาดเข้ม “ปั้นจั่น–ปรมะ อิ่มอโนทัย” ขึ้นแท่นพระเอกหนัง “คนขับรถ” The Driver หนังดราม่าอีโรติกเขย่าขวัญ พร้อมด้วย ภูริ หิรัญพฤกษ์, ปฏิพล นาคะประเสริฐกุล และนางเอกใหม่ “ศิตา ชุติภาวรกานต์” เขียนและกำกับโดยผู้กำกับคนเก่ง “ฐิติพันธ์ รักษาสัตย์” อำนวยการสร้างโดย ปฐมกฤษณ์ สุดสระ แค่ตัวอย่างก็เร้นลับน่าสนใจเรียกกระแสภาพยนตร์ไทยในยุคที่ต้องการแรงผลักดัน งานนี้ ปั้นจั่น เผยว่า

“ครั้งนี้เป็นอีกบทหนึ่งที่มันท้าทายตัวผมเอง ผมเคยร่วมงานกับพี่โอ๋มาเเล้ว เเละก็ผมรู้จักกับพี่ต้น ผู้สร้างตั้งแต่สมัยเรียน เหมือนมาทำงานกับคนรู้ใจ ทุกครั้งที่เล่นภาพยนตร์มีความสุขทุกครั้ง บทนี้ผมรู้สึกว่าเล่นแล้ว มันจะทลายกำแพงบางอย่างเกี่ยวกับแอกติ้งของผม มันเป็นบทที่หลายคนปฏิเสธ แล้วก็มีคนจำนวนหนึ่งที่พร้อมจะเล่น มันก็มีองค์ประกอบหลายอย่าง เช่น สังคม ศาสนา วัฒนธรรม ดาราที่เล่นไปแล้วก็คิดว่าเอ๊ะ! มันจะเสียเรตติ้งมั้ย หรือว่ามันจะสุ่มเสี่ยง เพราะมันมีอิโรติกปนมาด้วย มันก็เป็นเส้นบางๆ ที่คนจะตีความ เพราะว่าสังคมไทยพูดเรื่องเพศขึ้นมากก็จะถูกตีความทางที่ไม่ถูกตีความ หนังเกาหลี หนังฝรั่ง เขามีหนักกว่านี้ แต่คนก็ถือเป็นเรื่องธรรมดา เพราะบ้านเขาเปิดกว้างเสรีไปนานเเล้ว”

ในบทของปั้นจั่นยากตรงไหน? “ผมเป็นตัวเชื่อมเรื่องราวทั้งหมด สามีของศิตา ที่รับบทโดยพี่ภูริ เค้าหายไป ผมเป็นคนขับรถส่วนตัว ผมก็พาภรรยาเค้าไปหาในสิ่งที่เค้าต้องการ โดยที่ผมก็รู้เรื่องในบางเรื่องเเละไปรู้ความจริงกับตัวภรรยาเค้าด้วย” มีฉากกับภูริที่ทุกคนออกจากโรงแล้วร้องเฮ้ย!? “ฉากถูหลังมันหยึมกึ๋ยมาก อันนั้นควรเป็นหน้าที่เมียพี่ (ภูริ) รึเปล่า (หัวเราะ) แต่สุดท้ายมันก็สนุกดีนะ อย่างซีนวับๆ แวมๆ ที่เห็นก็ต้องไปดูดีๆ ว่านั่นคือผมรึเปล่า ฉากนี้ตื่นเต้นมาก ผมเคยร่วมงานกับพี่ภูริใน “บางระจัน” สนิทกันมาก ผมกลับรู้สึกว่าถ้าเล่นกับคนที่เป็นเกย์ มันจะเล่นง่ายกว่า เป็นพี่ภูริมันแบบโอ๊ย! เค้าก็ส่งสายตามา เราก็ดิบจะตาย ผมก็เขินนะ มันหยึมกึ๋ย พอเล่นไปแล้วแบบมันส์ดีนะ ที่บอกว่าผมทลายกำแพงจุดๆนึงได้ ให้ผมเล่นจูบกับผู้ชาย ผมกล้าแล้วนะ แต่ขอเป็นคนที่ไม่สนิท กับพี่ภูริมันเล่นยาก เป็นครั้งแรกที่เล่นผู้ชายกับผู้ชาย อยากให้มองเป็นเรื่องงาน ผมเชื่อมือผู้กำกับ มันไม่ได้ยัดเยียดและเค้าก็ตัดต่อสื่อออกมาดี”

...

จะได้แฟนคลับกลุ่มใหม่แนวนี้อีกมั้ย? “ผมไม่มีกลุ่มใหม่ เพราะผมเจาะตลาดกลุ่มนี้มานานแล้ว เป็นที่โปรดปรานของพวกเค้าและผมก็ยินดี” อยู่วงการมานานแต่เหมือนวันนี้จะเป็นวันของเราแล้ว? “ผมเพิ่งรู้จักคำว่า กำลังใจจากแฟนๆเป็นยังไง เห็นรอยยิ้มที่เขามาชื่นชมเรามารอ มันทำให้หายเหนื่อยนะ มันต่อยอดให้เราทำงานที่ดีขึ้นในวันพรุ่งนี้ มันดีใจมาก ผมทำงานมานานแล้ว ก็รอโอกาสรอจังหวะที่บทมันจะใช่กับเรา ต้องยอมรับว่าพอมาถึงจุดนี้แล้ว มันก็จะมีเรื่องใหม่ คนใหม่ขึ้นมาเสมอ สิ่งที่เราต้องทำก็คือพัฒนาตั้งใจทำผลงาน เพื่อเค้าจะได้กลับมาชื่นชอบรักเราอีกครั้ง”

รู้สึกยังไงกับคำว่าสามีเเห่งชาติ? “เป็นวาระมากกว่า มันเป็นชื่อนำหน้าที่ ทำให้เรามีความสุข ในช่วงเวลานึง เหมือนคำชมมากกว่า” ต้องดูแลตัวเองมากขึ้นมั้ย? “มันเป็นสิ่งที่กระตุ้นผมเหมือน กันนะ แต่หลักๆ แล้วมันเป็นสิ่งที่นักเเสดงต้องทำมานานแล้ว เราไม่รู้จะตอบแทนเค้ายังไง สิ่งที่ทำคือให้เขามีความสุขทุกครั้งที่เห็นเราดีกว่า” ลุคเปลี่ยนมี กงยู โอปป้าเกาหลีเป็นไอดอล? “ที่จริง เฮียกงยู เนี่ยมันมาจากผู้จัดการผมเนี่ยเป็นแฟนซีรีส์เกาหลี ผมก็ดู ผมว่าเฮียกงแต่งตัวค่อนข้างมินิมอลอะ เรามาปรับเข้าหาสไตล์ที่มันเเมตช์เเละเป็นสไตล์เรา สุดท้ายชอบแฟชั่นมากขึ้น” แฟนๆรักเราเยอะแล้ว บทที่เล่นมันแรงเค้าจะโอเคมั้ย? “ด้วยแฟนๆผมเค้าจะรู้ว่าปั้นจั่นไม่ใช่พระเอก จะบ้าๆ เลอะๆ มีความเป็นตัวเองค่อนข้างสูง เปิดในกูเกิลก็เจอแล้วว่าผมเคยถ่ายเซ็กซี่ เป็นนักร้องมานะ ดังนั้นต้องเเยกให้ออกระหว่างตัวตนกับงาน”

เรื่องหัวใจกันบ้าง? “อย่างทุกครั้งที่พูดมันไม่ได้อยู่ในช่วงของการอัพเดต ในรุ่นๆปั้นจั่นหลายคนอาจเเต่งงานไปแล้วบ้าง เเต่สำหรับผมยังเป็นเพื่อนดูเเลกันเหมือนเดิม ด้วยความที่เรางานเยอะขึ้น เค้าก็มีงาน เค้ากลับเป็นคนที่มีความสุขมากขึ้นด้วยซ้ำ เพราะปั้นจั่นประสบความสำเร็จในเรื่องงานมากขึ้น เราเป็นคนทำงานด้วยกันทั้งคู่ มันก็เข้าใจไม่ได้มีปัญหากัน เวลาเจอกันน้อยเเต่มันก็ไม่ได้เป็นปัญหาในโลกปัจจุบันที่จะเทกแคร์เอาใจใส่กัน ถามว่าเปิดตัวมั้ย ไม่ได้เปิดแต่ก็ไม่ได้ปิด เพราะว่าเราก็เข้าตามตรอกออกตามประตู ไม่ได้หลบๆซ่อนๆ”

วางระยะความรักแบบนี้? “ที่จริงมันเป็นกระบวนการทั้งหมดที่ว่าปั้นอยากจะทำสิ่งเล็กให้มันเกิดขึ้นในวงการบ้านเรา ผมอยากให้แฟนๆโฟกัสที่งานละครของศิลปินดารามากกว่าความรัก อย่างความรักทุกคนรู้มันเปลี่ยนได้ตลอดเวลา มันไม่ใช่จะต้องสำคัญสนใจ แต่การที่รู้ว่าเขาทำงานอะไร กำลังมีไอเดีย มีความฝันอะไรอยู่ สิ่งที่เขาจะทำต่อไป เป้าหมายสิ่งที่เขาจะทำ มันให้สาระความรู้กับน้องๆมากกว่า”.