โจ๊ก โซคูล เป็นอีกหนึ่งนักร้องสายฮา กับฉายา "บร๊ะเจ้าโจ๊ก" ที่ทุกวันนี้เค้าได้ผันตัวเองมาเป็นนักแสดงกับบทบาทที่เน้นความเป็นคอมเมดี้ และสาเหตุที่ต้องผันตัวเองมาเป็นนักแสดงก็เพราะเป็นผู้ชายที่รักครอบครัวมากๆ
มากถึงขนาดประกาศยุบวงดนตรี อาชีพที่เค้ารักเพื่อให้เวลากับครอบครัว โดยโจ๊กก็ได้เปิดเผยว่า ชีวิตตนเองหลังแต่งงานกับภรรยา ฝน ก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ พอภรรยาตั้งท้อง ก็มีแต่ปัญหาประเดประดังเข้ามา แต่สุดท้ายตนเองก็คิดได้ ต่างคนต่างคิดได้ ก็ปรับตัวกันใหม่ โดยโจ๊กได้มาเปิดเผยเรื่องราวของชีวิตให้ฟังในรายการ คลับ ฟรายเดย์ โชว์ based on celeb story ทางช่อง GMM25 (กดเลข 25) ว่า
ถามว่ากลัวเมียมั้ย ผมกลัวครับ กลัวมีปัญหา เกรงใจ ช่วงที่กลัวหนักๆ สามารถสะดุ้งได้เวลามีโทรศัพท์เข้า ช่วงนั้นบรรยากาศมันยังไม่ดีด้วย อาจจะยังเป็นพ่อที่ไม่ดีมากพอ เลยกลัวว่าเราจะทำผิด กลับบ้านไม่ตรงเวลา หรือไม่ใส่ใจครอบครัวได้ดีเท่าที่ควร เมียเป็นคนประเภทที่ถ้าทะเลาะกันต้องเคลียร์เลย แต่ตัวผมมองว่าเป็นเรื่องเล็กๆ พอผมไม่เคลียร์เค้าก็จะเงียบไปเลย บรรยากาศมันอึมครึม เราก็คิดว่าไม่คุยกันแล้ว ฉันจะยอมง่ายๆ เหรอ สุดท้ายเราก็ต้องไปขอโทษเค้า
...
ผมเชื่อว่าความรักมันจะมีความรักมากพอ เป็นคนที่บูชาความรักมาก ฝังใจมาก คือมันมีช่วงเวลาที่ผมเจ้าชู้ แต่ตอนบูชาความรัก ไม่เคยเจ้าชู้ครับ ที่ผ่านมาผมไม่เคยมีแฟนเลย จนเป็นศิลปิน ส่วนใหญ่ที่ผ่านมาจะถูกหักอกมาตลอด เราไม่หล่อ ไม่รวย ไม่มีความสามารถ เรียนไม่เก่ง พูดจาไม่เหมือนคนทั่วไป ไม่ค่อยมีเพื่อนคบตั้งแต่ ม.4 เลยทำให้เป็นคนประหลาด คนเลยมองว่าเราเป็นคนแปลกแยก ชอบการอยู่คนเดียว มีความสุขกับการอยู่คนเดียว
เพื่อนวัยรุ่นเค้าคุยกันไป แต่เรายังอยู่ในโลกของเรา โดยที่เราไม่รู้ว่า เค้าคุยกันเรื่องอะไร ช่วงที่อยู่คนเดียว เราก็ชอบนั่นชอบนี่ พอได้เล่นดนตรี ก็มีตัวตนขึ้นมา เวลาพูดจีบสาวก็ไม่เวิร์ก แต่เวลาร้องเพลงจะมีคนมาชอบ
แฟนคนแรก เป็นรุ่นพี่ เค้าเป่าฟลุต เดินเป็นวงกลมอยู่รอบผม ซึ่งผมก็ไม่ได้คิดอะไร แล้วอยู่ดีๆ เค้าก็เดิมมาก้มตัวแล้วหอมแก้มผม เราก็หลงดิ ตอนนั้น ม.ปลาย แล้วครับ ตอนนั้นก็สตั๊นท์ไป คล้ายๆ ว่าจะเป็นแฟนกัน คบกันปีเดียวครับ เค้าทิ้ง มันจะเป็นอย่างนี้ เพราะว่าผมเป็นผู้หญิงผมก็ทิ้ง เราเด็กเกินไป นิสัยน่ารำคาญมาก แต่เราไม่รู้ตัว ก็ไม่รู้ว่าความรักต้องประกอบด้วยการวางตัว
โง่ถึงขนาดที่ว่าพาผู้หญิงไปตลาดริมน้ำ ไปร้านเสื้อแล้วชี้ถามผู้หญิงว่าเสื้อตัวนี้สวยมั้ย เค้าบอกสวย เราก็ซื้อเลย แล้วพากลับบ้าน เรื่องพวกนี้เราก็ค่อยๆ รู้ไปเองด้วย และเพื่อนก็บอกด้วย เพราะที่ผ่านมาไม่เคยรู้ตัวเลย
พอมาเป็นศิลปิน เราจะเป็นหวัดศิลปิน มีอีโก้เยอะ จากคนที่จีบใครไม่ติด ก็จีบติดหมดเลย ออกเพลงชุดแรก ก็มีสาวมาชอบ จนกลายเป็นว่าเราจะเลือกผู้หญิงคนไหนก็ได้ เลยเหมือนเราใช้โควตาพวกนี้ จากนั้นมาก็เริ่มมีแฟนครับ เพราะว่าผู้หญิงเริ่มจีบง่ายละ มีแฟนสวยๆ กับเค้าบ้าง มันก็ไปต่ออีกสเต็ปหนึ่ง เหมือนกับว่าพอมีแฟนแล้ว ก็มีคนมาชอบเราอีกทีหนึ่ง
ก็เริ่มมีการเป็นคนไม่ดีเกิดขึ้นละ ก็บอกเลิกผู้หญิง เพื่อที่จะได้ไปต่อในความไม่อิ่มของเรา ทำให้ผู้หญิงร้องไห้ เลยเลือกเส้นทางเป็นผู้หญิงไร้รัก ถ้าคุยกันแชตกัน อยากจะคบหา หรือถ้าเค้าแสดงเป็นคนดีให้เราได้เห็น เราก็บอกว่า ไม่เหมาะกับพี่แล้ว
ถึงขั้นแบ่งกรุ๊ปที่เราคุยในเอ็มเอสเอ็น เราทำเป็นกรุ๊ปเกิร์ล ผู้หญิงทั่วไป 40-50 คน คิวท์เกิร์ล 10 กว่าคน และแองเจิ้ลมี 5 คน แบ่งความสนใจเป็นพิเศษ ตอนที่มีแฟนคนแรก พวกกรุ๊ปพวกนี้มีมาแต่แรกแล้ว แต่เราไม่ได้สนใจมาก
...
ตอนที่มีแฟนคนแรก ก็โทรไปบอกผู้หญิงที่เราคุยอยู่ว่าเลิกคุยกันนะ เรามีแฟนแล้ว เค้าก็ร้องไห้ พอมีแฟนแล้วเราเลิกกัน ก็หดหู่มาก เลยเลือกที่จะไม่มีความรักกับใคร
มีครั้งที่มีแฟนอยู่แล้ว แล้วก็ไปจีบเพื่อนแฟน อันนั้นเป็นความเลวมาก ตอนนั้นภาพของตัวเอง คือดื่มเหล้าในร้านอาหารที่เป็นไพรเวท มีลูกน้องข้างๆ เหมือนเราเป็นมาเฟีย ชีวิตตอนนั้นเป็นหวัดศิลปินหนักมาก เหมือนเราไม่ใช่มนุษย์แล้ว เคยคิดว่าผู้หญิงนี่สามารถอยู่ด้วยกันสองคนได้รึเปล่า ตอนนั้นแฟนเค้าพาเพื่อนเค้ามา เราก็รู้สึกชอบ เราก็ลองหยอดเพื่อนแฟน มันก็พัง สุดท้ายก็เสียทั้งคู่ เราก็ยังรู้สึกมึน ไม่ได้ผิดเท่าไหร่ ก็เลิกไปสิ
ตอนนั้นไม่รู้ตัวเลยว่าเป็นโรคหวัดศิลปิน รู้แค่ว่ามีความสุข เหมือนเป็นร็อกสตาร์ เดินขึ้นเวทีเหมือนไปรบ งานแน่น คนเอาใจ มีคนกันไม่ให้ถึงตัว เราสัมผัสสิ่งนี้ทุกวัน ตอนนั้นก็มีคนเสนอตัวมาให้นะ คนที่วิ่งตามนักร้อง ถึงขั้นเสนอตัว มันก็มีหลากหลายแบบ
พอผ่านไป 2 ปี ก็เริ่มรู้สึกว่ามันไม่ใช่ชีวิตที่ดีเลย นึกถึงแฟนเก่าๆ ที่เค้ามาดูแลเรา มาห่วงใย พอไม่มีสิ่งนี้ก็รู้สึกไร้ค่า อยากจะไปตามแฟนเก่ากลับมาคืน ก็คิดมีง้อบ้าง แต่ก็ไม่มีแล้ว สุดท้ายมันก็เริ่มอยากมีความรักแล้ว ทีนี้เริ่มอยากจีบผู้หญิงดีๆ สักคน แต่เริ่มจีบไม่ติด ชื่อเสียงเริ่มลดลง ไม่ได้รับความนิยม เหมือนที่เคยอยู่เป็น ชีวิตมันเลวร้ายมากนะ
...
ยังไม่ค่อยเศร้านะตอนนั้น แค่รู้สึกว่าแย่จัง จีบไม่ติด แต่สิ่งที่เศร้าคือเหมือนจะไม่ได้ทำอัลบั้มต่อ รายได้ของบริษัทเริ่มลดลง ผมก็โทรไปร้องไห้กับแม่ ความพลิกผันพวกนี้เกิดขึ้นในช่วง 4-5 ปีที่ทำงาน คือเราเคยลิ้มรสแล้ว แต่พอมาไม่มีเรารับไม่ได้ สิ่งที่เคยมีกลับไม่มี เราก็รับไม่ได้ เหมือนมันขึ้นแล้วมันลงไม่เป็นครับ วงการร็อกตอนนั้นแข่งขันกันสูง พอเป็นแบบนี้เราก็กลับบ้านกินเหล้า ปล่อยตัว เพราะไม่มีงานจ้างขึ้นมา
พอเป็นแบบนี้ก็โทรไปปรึกษาคนที่เกี่ยวกับธรรมะ ก็เริ่มซื้อหนังสือพระ จากคนที่ไม่เคยอ่าน ก็ว๊าวเลย ไปเลย เข้าป่า นั่งสมาธิ หนักเลยช่วงนั้น 3 เดือน ออกพรรษา พอมาออกรายการกับแกรมมี่ ไม่ตลกเลย คนมาว่าเราบ้า เราก็โกรธ จนตอนหลังพอเริ่มมีกิเลสของมนุษย์กลับเข้ามาเกาะกินใจบ้าง ก็กลับมามองตัวเอง ปล่อยวาง จากคนที่แบบว่า พอไม่ให้ออกอัลบั้ม เราก็ร้องไห้ไม่ยอมเลย มาตอนหลังบอกว่า ถ้ามันขายไม่ได้ ก็ไม่ออกก็ได้ครับ ทุกคนงงเลย เราเปลี่ยนไป
เราก็ทิ้งกฎเกณฑ์ไปก่อน ถึงกลับมาอยู่บนความจริงได้เหมือนเดิม ความรักในตอนนั้นไม่มีครับ จนมาเจอภรรยา เรามาเจอในร่างของสายกลางแล้ว เป็นร่างที่แบบว่ากลางๆ เราเป็นคนปกติ
...
เจอกันผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์ก ผ่านไฮไฟ แล้วขอเอ็มเอสเอ็น เค้าเป็นกรุ๊ปแองเจิ้ลนะ เราก็พัฒนา คุยพิมพ์ โทรศัพท์ ร้องเพลงให้ฟัง เปิดกล้อง จนนัดเจอกันที่พารากอน เราเอาน้องไปด้วย เพราะกลัวเค้าไม่เหมือนในรูป แต่เค้าไปคนเดียว พอเจอกันนี่ เค้าตรงสเป็คเราเลย ว้าวมาก เดินเกมจีบหนักมาก แล้วก็เป็นแฟนกัน เค้าก็นั่งรถทัวร์มาหาเราที่บ้านที่พิษณุโลก ตอนนั้นผมไม่มีเงินซื้อตั๋วเครื่องบิน ขับรถยนต์ไม่เป็น ผมขับมอเตอร์ไซค์ไปรับ ก็ใช้ชีวิตอย่างนี้แหละ
จนวันหนึ่ง ผมไปหาเค้าที่กรุงเทพฯ สรุปเค้าเป็นลูกเถ้าแก่ ก็ไปนั่งคุยกับพ่อตา กินข้าว กินเสร็จก็ถามเก็บจนตรงไหน เพราะเมื่อก่อนเค้ามาบ้านผม กินข้าวเสร็จเค้าก็ล้างจานเก็บจานให้ มาบ้านเค้า มีแม่บ้าน เราก็คิดว่า มีด้วยเหรอผู้หญิงแบบนี้
เค้าก็ชอบพูดเรื่องแต่งงาน วันที่ไปบ้านเค้า เค้าให้เขียนกำแพงบ้านว่า อีก 2 ปีเราจะแต่งงานกัน จากนั้นมาความเป็นผู้ใหญ่มันก็เกิดขึ้น แล้วนำมาสู่การแต่งงาน ความวุ่นวายเกิดขึ้น
จากที่เจอภรรยาคนนี้ ผมก็ทำลายกรุ๊ปในเอ็มเอสเอ็น เลิกหมดเลย ดีลีทแอคเคาท์ ผมทำเองนะ หลงแฟนคนนี้มาก กลับมาเป็นโจ๊กเด็กๆ บูชาความรัก เวลาผู้ชายบางประเภทอย่างผมรักและหลงใคร เราจะต้องรู้ทุกอย่าง รู้ในข้อเสียด้วย ก็เลยไปเล่าให้เค้าฟังทุกอย่าง จากนั้นก็กลายเป็นทะเลาะกัน เค้าก็ไม่ไว้ใจผม
พอแต่งงานปุ๊บ เราก็มีลูกด้วยกัน แล้วชื่อเสียงมันก็กลับเข้ามา สิ่งที่เคยคิดไว้ มันก็ไม่ได้ทำเลย ตั้งท้อง ยี่หวา เราก็กลับมาดังเหมือนเดิม จับอะไรก็ดัง มันเหมือนกับว่ายิ่งดังยิ่งทุกข์ เราไม่ได้อยู่บ้านเลย สิ่งที่เราคิดว่า พอมีลูกเราจะอยู่บ้านทำธุรกิจ มาตอนนี้ มันดังมาก จับอะไรก็ดัง เป็นเงินเป็นทอง เล่นหนังก็ดัง มีเพลงก็ดัง ไปคอนเสิร์ตนี้แบบหายไป 10 วัน ก็ไม่ได้อยู่กับลูก ทะเลาะกับภรรยาหนักมาก ตั้งแต่มีลูกทะเลาะกันทุกวัน
เราคิดแต่มุมตัวเอง ว่าบ้ารึเปล่า มีงานจะให้อยู่บ้าน จะให้ดูแลลูกทำไม มันก็เละเทะ ตอนนั้นทุกข์มาก ยังไงเนี่ย ถ้าลูกเกิดมา ขอให้เป็นเด็กที่ประชาชนรักแล้วกัน ปรากฏว่า ยี่หวาเกิดมา เค้าเกิดมาพร้อมปานแดงตรงกลางหว่างคิ้ว อันนี้เป็นกิมมิก ที่จะแดงก็ได้ ไม่แดงก็ได้ แล้วแต่วัน เลยมองว่าเค้าเป็นคนพิเศษ ที่ทำให้ชีวิตเราดีรึเปล่า
ลูกคนแรกเกิดมา ชีวิตวุ่นวายขึ้นเรื่อยๆ พอลูกโตขึ้นมา เมียก็ยิ่งเหนื่อย เค้าเป็นเด็กน้อย มันก็น่าเศร้ากับการที่เค้าเลี้ยงลูกคนเดียว เราอยู่บ้านไม่ติด ต้องออกไปทำงาน กลับมาแปบเดียวก็ต้องออกไปทำงาน เราไม่เคยซัพพอร์ตเค้าเลย ด่าเค้าด้วยซ้ำ มองว่าเค้าผิดปกติ กลายเป็นว่าเค้าก็โรคจิต แกล้งเรา ให้เราไปทำงานไม่ได้ มีช่วงหนึ่ง เราไปทำงานเป็นอาทิตย์ ให้เค้าอยู่เลี้ยงลูกคนเดียว เห็นเค้าเหม่อลอย หน้าผากนี่เส้นเลือดปูด
ความคิดยุบวงมันก็เกิด ว่านานเท่าไหร่แล้ว เรามีครอบครัวแต่ไม่เคยดูแล ให้โอกาสเพื่อน 2 ปี ถึงจะยุบ ตอนนั้นเพื่อนๆ ก็ไม่มีใครเห็นด้วย มาตอนนี้เพื่อนๆ เค้าก็รวยนะ
เราก็กลับมาเริ่มต้นใหม่ กลับมาบอกภรรยา ผมเคยบอกเค้านานแล้วนะ ตั้งแต่ยังไม่ยุบ เค้าก็ไม่อยากให้ยุบ เค้าก็คอยดูเรื่อยๆ ให้เค้าเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการวง เห็นเม็ดเงินเข้ามา แล้วเค้าก็เริ่มเป็นผู้ใหญ่มากกว่าเดิม ทุกวันนี้ก็ค่อนข้างที่จะเพอร์เฟกต์ในคิวงาน สมบูรณ์ทุกอย่าง มีความสุขแล้ว
เรากลัวภรรยาเวลาเค้าทะเลาะกับเรามาก เช่น วันนี้บอกไว้ว่าเลิก 6 โมงเย็น แล้วเค้าเลี้ยงลูกคนเดียว เหนื่อยๆ มา เวลาเห็นมิสคอลในโทรศัพท์ เราก็จะเริ่มเหงื่อแตกละ คือไม่ได้เป็นบ่อยนะ จะเริ่มเป็นช่วงที่เริ่มขี้หึงเรา เริ่มไม่ไว้ใจเรา พอเค้ามาเช็ก มาตรวจสอบ มันก็ไม่เจออะไร ก็ผ่านไป ฝากไว้สำหรับผู้ชายที่ดูอยู่ ถ้ามีภรรยาที่ขี้หึง คุณก็แค่ซื่อสัตย์
เรื่องที่เสียสละได้ ควรจะเสียสละ เพราะว่าความรักตอนที่เดินไปด้วยกัน ต่างฝ่ายอยากให้อีกฝ่ายมีความสุข แต่ที่มันเดินไปไม่ได้ เริ่มอยากให้ตัวเองมีความสุข โดยที่ไม่คิดถึงอีกคน พอเราลองทำให้เค้ามีความสุข เค้าก็จะเห็นใจแล้ว แล้วจะให้เรากลับคืน แฮปปี้ไวฟ์ แฮปปี้ไลฟ์ เมียยิ้มได้ เราก็ยิ้มได้ครับ
สิ่งที่เราไม่แฮปปี้ แต่เราต้องยอมคือพวกบังคับดูรายการทีวี เค้าจะชอบดูรายการผู้หญิงตีกัน หรือชอบดูดราม่า หรือชอบดูรายการทรอปิคหรือคอนเทนต์ที่ฉาวโฉ่หรือกำลังดัง แต่ผมเป็นพวกแอนตี้ดราม่า เค้าก็บอกว่า งั้นดูคนเดียวก็ได้ เริ่มดราม่าใส่เรา
ณ ตอนนี้ถือว่าชีวิตตอนนี้นิ่งที่สุดของการเป็นมนุษย์ มองเห็นความดีในตัวภรรยา เค้าดูแลเรา พาไปตรวจสุขภาพ เค้ารู้จักเรามากกว่าตัวเรา แล้วมันก็เป็นอย่างที่เค้าพูดทุกอย่าง เค้ารู้กว่าแม่เราในบางเรื่อง ผมเลยคิดว่าผู้ชายบางประเภทควรจะมีเมียจริงๆ
ถ้าภรรยาดูอยู่ อยากจะบอกอะไร? “ผมก็แค่ไม่ชอบเค้าในหลายๆ เรื่องที่ผ่านมา ก็อยากจะขออโหสิกรรมตรงนี้ เพราะว่าเราก็ร้ายกับเค้ามาก เคยดูถูกเค้า เพราะค้าเป็นผู้หญิงที่ไม่โอเค ขัดนั่นขัดนี่เรา ทุกวันนี้เค้าทำให้ผมเชื่อแล้วว่า ถ้าขาดเค้าคงทำให้ผมอยู่ไม่ได้จริงๆ คงเป็นบุญที่ทำให้เรามาเจอผู้หญิงคนนี้ครับ”
จริงๆ แล้วเรื่องนี้ง่ายมากเลย เพราะผมทำกับตัวเอง แฟนผมขี้หึงมาก ผู้หญิงทุกคนก็ขี้หึงอยู่แล้ว คือผมประวัติไม่ดีด้วย อยากจะบอกว่า ถ้าทำไม่ดี ก็ไม่ควรมีแฟนเลยจะดีกว่า แต่ถ้ามีแล้ว ก็ต้องทำให้ดี.