เห็นตลกๆ อย่างนี้ ใครจะรู้ว่า หนูเล็ก ภัทรวดี ปิ่นทอง หรือ หนูเล็ก ก่าก๊า จะเคยผ่านชีวิตที่สุดลำบาก มีเงินใช้วันละ 100 บาทเท่านั้น กินน้ำ และส้มประทังชีวิต!!
ล่าสุดมาร่วมรายการ ยิ่งศักดิ์ยิ่งแซ่บ ทางช่อง 9 MCOT HD ตำเนินรายการโดย อาจารย์ยิ่งศักดิ์ จงเลิศเจษฎาวงศ์ เจ้าตัวก็ได้เปิดใจแบบหมดเปลือก ทั้งเรื่องชีวิตครอบครัวในวัยเด็ก เหตุผลที่ต้องแต่งงานแบบเงียบๆ และทำไมรักพ่อแม่มาก ชนิดที่ว่าใครด่าตนด่ากลับทันที
เมื่อไม่นานมานี้ได้ไปเป็นพิธีกรประกาศรางวัล ไนน์เอ็นเตอร์เทน? “ก่อนอื่นต้องกราบขอบพระคุณที่พี่ทีมงานได้ติดต่อไป ไม่เคยรับงานใหญ่อย่างนี้ เราไปประกาศรางวัล ไม่ได้เด่นอะไร แต่ทีนี้ได้พี่ต้นหอม พี่เป๊กกี้ ส่งอารมณ์แล้วจังหวะมันได้กัน ขอบคุณมากค่ะ ที่คลิปนี้ทำให้คนไทยได้ชมได้หัวเราะ ได้ขำ ก็ขอบคุณตรงนี้ค่ะ ต้องกราบขอบพระคุณค่ะ ที่มองเห็นความสามารถของหนูตรงนั้น หนูก็จะทำให้ดีที่สุด”
ทำไมจู่ๆ รีบแต่งงาน? “เพราะว่าพ่อขอค่ะ พ่อหนูป่วยค่ะ ไม่สบายแล้วบอกว่า เค้ารู้อาการของเค้าเองว่ามันขนาดไหน แต่งงานสักทีเถอะ ส่วนเรื่องสินสอดก็มีนิดหน่อยค่ะ ไม่ได้เยอะ(หัวเราะ) สินสอด 1 ล้านกับแหวนเพชรแค่วงเดียวเองค่ะ ไม่ได้เยอะมาก คือเก็บมาทั้งชีวิตนะคะ ไม่ได้ท้องค่ะ แล้วก็ไม่ได้บอกใครเลย ต้องขอโทษจริงๆ”
...
ที่พ่ออยากให้แต่งงานเร็วๆ เพราะอยากอุ้มหลานเร็วๆ? “เรื่องอุ้มหลาน พ่อเคยพูดอยู่ค่ะ แต่ว่าที่หลักๆ คือพ่ออยากเห็นหนู ที่อยากแต่งคือพ่อเค้าอยากถ่ายรูป แต่ก็ไม่ได้ถ่ายค่ะ เพราะพ่อเค้าเดินไม่ไหว ก็เลยได้ถ่ายแค่ช่วงพิธีหมั้น แต่ที่ตรงหน้ารดน้ำสังข์ไม่ได้ถ่ายค่ะ เพราะพ่อเค้าถือไม่ไหว”
คิดว่าจะมีหลานให้เค้าอุ้มไหม เพราะพ่อเค้าจะได้เป็นคุณตา อุ้มหลานเร็วๆ? “จริงๆแล้วหลานพ่อเยอะแล้ว ตอนนี้หนูคิดอย่างเดียวว่าอยากให้พ่ออยู่ได้นานที่สุด จนถึงอายุไขของพ่อ ก็คือหนูต้องทำงานแล้วเก็บเงินเอาไว้สำรองเวลาเค้าไม่สบาย ตอนนี้หนูขอทำงานเอาเงินให้พ่อก่อน”
พ่อใช้เงินรักษาตัวเยอะเหรอ? “คือตอนแรกใช้เงินเยอะนะคะ ตอนแรกหมอบอกเลยว่าต้องใช้เงินเดือนละแสน เพราะว่ายาที่ต้องเอามาให้พ่อทานเนี่ย มันเป็นยาที่ต้องส่งมาจากเมืองนอก แล้วก็ต้องผ่านการวิจัยอะไรหลายๆ อย่างเยอะมาก หมอก็เลยบอกว่ามันค่อนข้างจะแพง พ่อเค้าป่วยเส้นเลือดด้วย แล้วก็โรคอะไรหลายอย่างรุมเร้า”
มีคนเม้าท์ว่า เกาหลีจะเอาหนูเล็กไปทุบหน้าใหม่ ให้เป็นนางเอกเลยเหรอ? “(หัวเราะ)คือให้เป็นนางเอกหนังนี่ไม่แน่ใจ แต่เค้าจะให้เราไปทำที่เกาหลีฟรีทั้งหน้า ทุบหน้าใหม่หมดทั้งหมด แล้วไปเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้เค้า”
แล้วทำไมถึงปฏิเสธไม่เอาล่ะ? “จริงๆ แล้วหนูเป็นคนกลัวหมอ กลัวการเจ็บ กลัวอะไรที่มาจิ้มตัว งบที่เค้าบอกว่า หลายล้านเลยนะคะ ที่มาจิ้มหน้าหนูเนี่ย เค้าบอกว่าต้องทำใหม่หมดเลย”
กลัวศัลยกรรมเหรอ? “คือหนูใจไม่กล้าพอที่จะนอนหลับแล้วให้คนทำอะไรไม่รู้ คือมันขาดความมั่นใจ ถ้าตอนนั้นมีคนยุหนูสักนิด หนูก็ทำแล้วล่ะ”
แต่ก็คิดใช่มั้ยว่าอยากทำตรงนั้นหน่อย ตรงนี้หน่อย? “คิดค่ะ ว่าจะทำยังให้หน้าอวบ เพราะหน้าตอบมากค่ะ”
...
ตอนเด็กๆ ลำบากมาก? “ตอนเล็กๆไม่ได้ลำบากเลย แต่ยากจน ไม่ค่อยจะมีเงินมาจุนเจือครอบครัวเหมือนคนอื่น แต่ไม่ได้ลำบากนะคะ”
ได้เรียนหนังสือบ้างไหม? “ได้เรียนค่ะ เรียนจนจบ ม.6 ที่บ้าน แล้วต่อ ปวช.ที่วัดพระครก แล้วก็มาต่อปริญญาที่จันทรเกษมค่ะ แล้วก็มาส่งตัวเองเรียน”
อาชีพที่ผ่านมาก่อนที่จะเป็นหนูเล็ก ก่าก๊า ทำอะไรมาบ้าง? “ทำทุกอย่างตั้งแต่ตอนเล็กๆ นะคะ คือช่วยแม่นวดข้าว แล้วก็ตัดข้าว หว่านข้าวแล้วก็รับจ้างไถนาในบ่อ ทำทุกอย่างค่ะ แล้วพอโตขึ้นมานิดนึง ตอนนั้นอยู่ ม.1 ม.2 ม.3 ก็ไปรับจ้างเข็นอิฐ เข็นประมาณรถหนึ่ง 5-6 บาท กลับมาบ้างบางวันก็หน้าแข้งเขียวหมดเลย แม่น้ำตาซึมค่ะ สงสารลูก แต่หนูทำได้”
ช่วงที่ต้องส่งตัวเองเรียน เอาเงินเอาทองมาจากไหน? “เป็นจุดต่ำที่สุดในชีวิตเหมือนกัน เพราะว่าไม่มีเงินเลย คือติดตัวแค่วันละ 100 บาท เราก็อดข้าว กินน้ำ กินข้าวมื้อดีที่สุดคือข้าวไข่เจียว มื้อละ 10 บาท แล้วก็กินส้มประทังชีวิตเอา คือส้มตอนนั้นมันจะถูกมาก ที่เค้าเอาไว้คั้นเป็นน้ำ แต่หนูชอบกินส้มอยู่แล้ว เลยรู้สึกพอกินมันจะเปรี้ยวๆ และอิ่มท้อง กินเยอะ”
น้อยใจไหมที่เราลำบากอย่างนี้? “ตอนที่เรียนอยู่ จุดต่ำสุดที่ไม่มีเงินเนี่ย ตอนนั้นน้อยใจมากค่ะ ว่าทำไมชีวิตเราถึงได้ลำบากขนาดนี้ ทำไมพ่อแม่เราถึงได้จน ทำไมเราถึงไม่มีรองเท้าสวยๆ ใส่ ไม่มีเสื้อผ้าแพงๆ เหมือนเพื่อน ไม่ได้ไปเที่ยวเหมือนเพื่อน น้อยใจมาก”
“เราทำงานทุกวันหลังเลิกเรียน แล้วก็มีช่วงหนึ่งที่ได้เงินน้อย ไปทำงานทุกวัน ได้ชั่วโมงละ 20-25 บาท มันไม่พอก็เลยต้องไปขายเสื้อผ้ามือสองบ้าง”
...
แต่ความอดทนก็ไม่สูญเปล่านะ ซื้อบ้านหลังละ 10 ล้านให้พ่อแม่อยู่? “ค่ะ ในรูปอาจจะดูใหญ่ แต่ของจริงอาจจะไม่ได้ใหญ่ขนาดนี้ค่ะ”
ภูมิใจไหม? “ภูมิใจมากๆ ค่ะ ภูมิใจที่สุดในชีวิต ที่เราสามารถมาได้ขนาดนี้ค่ะ”
ชีวิตเปลี่ยนไปเยอะไหม? “เปลี่ยนไปค่ะ เหมือนถูกรางวัลที่ 1 ทุกๆ ปีเลยค่ะ ทุกๆ วันเหมือนถูกรางวัลที่ 1 หนูไม่ต้องการดังแบบสูงปรี๊ด ขอแบบนี้มาเรื่อยๆ ตั้งแต่ปีแรกจนวันนี้ 8 ปีแล้ว”
แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้เราประสบความสำเร็จ มีอะไรเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย คือความกตัญญูต่อบุพการี? “ก็อาจจะเป็นได้นะคะ เวลาสอนน้องๆ หรือหลานๆ ก็จะบอกว่า พ่อแม่ให้รักมากที่สุด ให้รักมากกว่าชีวิตตัวเองจะดีมาก”
ทำไมเราถึงรักพ่อรักแม่มากอย่างนี้? “จริงๆ หนูว่าทุกคนน่าจะรักพ่อแม่มากอยู่แล้ว แต่สำหรับหนู ใครแตะไม่ได้เลย ใครด่าพ่อแม่นิดเดียว หนูจะด่ากลับ ด่าพ่อด่าแม่เค้าแทนเลย เพราะว่าหนูเห็นพ่อแม่หนูลำบาก แล้วรู้สึกลำบากมากจริงๆ”
...
วันที่เห็นพ่อแม่ลำบาก วันนั้นเป็นวันอะไร? “วันนั้นเป็นวันที่แม่มาขายของที่งานวัดค่ะ แต่ว่าเดินจากบ้านมาวัดใช้เวลา 1-2 ชม. หนูก็เดินตามหลังแม่มา แม่เค้าก็เอากะละมังใส่ของยกขึ้นทูนหัว พอไปถึงงานก็ไม่มีที่นั่ง เพราะว่าเค้าจับจองหมดแล้ว คนอื่นเค้ามีรถ เค้าก็ไปถึงก่อน แม่ก็ไปขอที่นั่งเค้าไปเรื่อยๆ ก็ไม่ได้
จนไปนั่งที่หน้าบันไดเดินขึ้นวัด ก็ไปขอเค้านั่งขายของ ไปขายต้ม ก็ถามว่าเอามั้ยๆ ก็ไม่มีใครซื้อ ไม่มีใครเอาเลยค่ะ แล้วแดดก็ส่องมาหาแม่ ร้อนเต็มๆ ทั้งแม่ทั้งหนู ไม่มีร่มเลยค่ะ คนอื่นเค้ามี แล้วรู้สึกว่าแม่เป็นขอทาน สงสารแม่ เราต้องทำอะไรสักอย่าง เหมือนโตขึ้นพูดเลยว่าจะไม่ให้แม่เป็นอย่างนี้แน่นอน แล้วตอนที่ยังเล็กอยู่ เราก็ทำงานทุกอย่างช่วยแม่”
“นอกจากการที่แม่ไปขายของเหมือนขอทานแล้ว แม่ก็ไปทำงานที่มันหนักมากสำหรับผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างแม่ ไปถอนหญ้าบ่อกุ้ง ประมาณ 2-3 ไร่ ได้มา 50 บาท กลับบ้านมาเลือดไหลเต็มมือ”
ตอนนี้อาการพ่อเป็นยังไง? “ตอนนี้หลังจากที่ป่วยอีกรอบ เดินไม่ได้ ปวดสมอง ตอนนี้ก็ดีขึ้น เดินได้ค่ะ ก็ยังต้องกินยาประคองในโรคนั้นอยู่ค่ะ”
มันก็เหมือนปาฏิหาริย์เนอะ? “ค่ะ”
มีอุปสรรคในการทำงานวงการบันเทิงไหม? “ตอนแรกๆ มีอุปสรรคเยอะมาก เพราะว่าหนูเป็นคนขี้น้อยใจอยู่แล้ว ใครพูดอะไรนิดหน่อย หนูก็จะร้องไห้ แต่มาเดี๋ยวนี้หนูไม่สนใจ เฉยๆ กลายเป็นว่าหนูไม่ได้รับรู้เรื่องนั้น”
เคยโดนด่าไหม? “ก็มีค่ะ เวลาเล่นมุกไม่ดี หรือทำอะไรไม่ดี เค้าก็เอาไปนินทา อย่างเช่นเราแต่งตัวดูดีขึ้น คนชมว่าสวยขึ้น ก็จะมีคนที่ไม่ชอบ ว่าเราลืมตัว คิดว่าตัวเองสวย ไม่ตลกแล้ว แต่ก็ไม่สนใจค่ะ”
คิดว่าประสบความสำเร็จในอาชีพนี้รึยัง? “ยังค่ะ หนูยังเป็นพิธีกรที่เก่งไม่ได้ ยังเป็นตลกที่เก่งเหมือนพี่ๆ ในก่อนบ่ายไม่ได้”
ทำอย่างไรถึงจะประสบความสำเร็จในชีวิต? “ก็จริงๆ แล้วทุกคนลำบากเหมือนกันหมด อาจจะมีคนที่ลำบากเยอะกว่าหนูก็มี แต่อยากให้ทุกคนอดทนแล้วก็สู้ และมีจุดมุ่งหมาย คนที่ท้อและไม่มีทางไปคือคนที่ไม่มีจุดมุ่งหมาย แต่หนูมีจุดมุ่งหมายว่า ต้องทำให้พ่อกับแม่หนูมีความสุขให้ได้ ให้มีความสุขถึงระยะสุดท้ายของเค้า หนทางมันมีเยอะมากจริงๆ นะคะ ทางนี้เราตันก็ไปทางอื่น เรามีขาเราไม่ควรอยู่นิ่ง ต้องอดทนและสู้ค่ะ”.