เป็นข่าวใหญ่คดีดังแห่งปีมังกร 2567 สั่นสะเทือนทั่วทุกวงการ สำหรับคดี “ดิ ไอคอน กรุ๊ป” ซึ่งมี พอล-วรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ “บอสพอล” ซีอีโอดำเนินธุรกิจขายสินค้าที่เข้าข่ายแชร์ลูกโซ่ ขายฝันหลอกให้ลงทุนและหาลูกข่ายมาเป็นสมาชิกโดยไม่ได้ขายสินค้าได้จริง และสร้างความน่าเชื่อถือด้วยการนำดารานักแสดงชื่อดังมาร่วมโปรโมตสินค้า จนมีผู้เสียหายได้ออกมาร้องเรียนเป็นจำนวนมากคิดเป็นมูลค่าความเสียหายหลักพันล้านบาท รวมไปถึงชีวิตที่ต้องสูญเสียจากการสิ้นเนื้อ ประดาตัวเพราะมาลงทุน เรื่องนี้ขยายผลเชื่อมโยงพ่นพิษมาถึง “วงการบันเทิง” เมื่อ “ศิลปินดาราดัง” ที่ทั้งเคยร่วมงานและตกเป็นเหยื่อของ “ดิ ไอคอน” แต่ละคนต้องออกมาแก้ข่าวชี้แจงและยังทำเอาช็อกวงการเมื่อ “3 บอสดารา” ต้องมาเปลี่ยนสถานะจาก “ซุปเปอร์สตาร์” กลายเป็น “ผู้ต้องหา” เป็นภาพที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในวงการบันเทิง สั่นคลอนต่อ “ศรัทธา” ที่ประชาชนมีต่อศิลปินดาราวงการคนดังเพราะถูกมองว่าใช้ “ความโด่งดัง” มาหากินกับความรักและชื่นชอบของ “ประชาชน” นำไปสู่การหลอกลวงฉ้อโกง!!
...
ย้อนไปยังจุดเริ่มต้นของคดี “ดิ ไอคอน กรุ๊ป” เริ่มต้นเมื่อ 5 ต.ค.67 หลังมีผู้เสียหายจำนวนมากร้องเรียนว่าธุรกิจขายสินค้าออนไลน์ชื่อดังอาจเข้าข่ายเป็นธุรกิจแชร์ลูกโซ่ มีพฤติการณ์ชักชวนให้สมัครสมาชิก และซื้อสินค้าไปขายต่อแต่ต้องเสียค่ายิงแอดโฆษณาสุดท้ายขายไม่ได้ เน้นหาคนมาร่วมลงทุน ทุนจมจนเป็นหนี้ จุดประเด็นวงการบันเทิง เมื่อต่อมาพิธีกรชื่อดัง “หนุ่ม-กรรชัย กำเนิดพลอย” เปิดประเด็น “ดิ ไอคอน กรุ๊ป” ในรายการ “โหนกระแส” จนกลายเป็นข่าวดัง ทำเอาแม่ทีมแม่ข่ายเริ่มข่มขู่คนที่ออกมาแฉ ชาวเน็ตจึงพร้อมใจกันขุดข้อมูล “ดิ ไอคอน กรุ๊ป” ว่าแท้จริงซีอีโอใหญ่คือ “พอล–วรัตน์พล วรัทย์วรกุล” หรือ “บอสพอล” มีคนบันเทิงคนดังเป็นพรีเซนเตอร์ ร่วมออกอีเวนต์โปรโมตสินค้า รวมทั้งพูดชักชวนสร้างแรงบันดาลใจ ยิ่งสร้างความน่าเชื่อถือให้ประชาชนตัดสินใจสมัครสมาชิกเข้ามาลงทุนในธุรกิจนี้ง่ายขึ้น
เป็นกระแสแรง วงการบันเทิงร้อนฉ่า... เพราะมีชื่อ “บอสกันต์ กันตถาวร” พิธีกรคนดัง “บอสแซม-ยุรนันท์ ภมรมนตรี” พระเอกอมตะค้างฟ้า และ “บอสมิน-พีชญา วัฒนามนตรี” นางเอกมากฝีมือ เข้าไปพัวพันกับ “ดิ ไอคอน กรุ๊ป” พอสืบลงลึก ถึงขั้นมีตำแหน่งใหญ่ระดับ “บอส” ใน “ดิ ไอคอน กรุ๊ป” เรื่องแดงปุ๊บ ทั้งหมดต้องรีบออกมาชี้แจงต่อสังคม “แซม-ยุรนันท์” เปิดใจกลางกองถ่ายละคร ไม่ได้เป็นทั้งพรีเซนเตอร์และหุ้นส่วน แต่เป็นผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาและวิจัยผลิตภัณฑ์ “กันต์ กันตถาวร” แถลงข่าวยืนยันไม่ใช่หุ้นส่วน ไม่ใช่ผู้บริหาร รับจ้างโปรโมตสินค้า ทำหน้าที่โฆษกและแบรนด์แอมบาสเดอร์ ส่วน “มิน-พีชญา” ขอโทษประชาชนทั้งน้ำตา ยันเป็นพรีเซนเตอร์และผู้รับจ้างในฐานะผู้บริหารฝ่ายสื่อสารองค์กร การจับกุมเริ่มต้นจากการควบคุมตัว “บอสพอล” ไปที่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ก่อนจะขยายผลไปยังผู้ต้องหารายอื่นๆ
...
ดาราทั้งหมดยืนยันว่าตัวเองเป็นแค่พรีเซนเตอร์ไม่ใช่ผู้ถือหุ้น ไม่มีส่วนร่วมในการเป็นเจ้าของบริษัทพร้อมยืนยันความบริสุทธิ์ แต่เนื่องจากมีผู้เสียหายได้แจ้งความเอาผิดพร้อมระบุชื่อของทั้ง 3 คน จึงถือว่าเป็นผู้ต้องหา เมื่อวันที่ 16 ต.ค.67 มีรายงานว่า พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) นำพยานหลักฐานขออำนาจศาลอาญาออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องในคดีดิ ไอคอน จำนวน 18 ราย รวมถึงมี 3 บอสดารา บอสแซม, บอสมิน และ บอสกันต์ ที่มีตำแหน่งระดับบริหารของบริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป จำกัด รวมอยู่ในนั้น ผู้ต้องหาทั้งหมดถูกดำเนินคดีในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชนและความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นคดีที่มีโทษสูงและมีผู้เสียหายจำนวนมาก ทางเจ้าหน้าที่จึงไม่อนุญาตให้มีการประกันตัวในชั้นสอบสวนและจะคัดค้านการประกันตัวในชั้นศาล เพื่อป้องกันการหลบหนีหรือยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน จึงกลายเป็นภาพเหล่าบอส และ “3 บอสดารา” ถูกคุมตัวเข้าเรือนจำ อีกทั้งเจ้าหน้าที่ได้ทำการยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับคดี รวมถึงรถยนต์หรูหลายคันและของมีค่าต่างๆของผู้ต้องหา...ดูเผินๆ เหมือนภาพฉากหนึ่งในละคร แต่นี่คือชีวิตจริงที่ต้องเผชิญกับการสิ้นอิสรภาพ!!
...
ขณะที่ซุปตาร์ตัวท็อปที่มีชื่อเอี่ยวอย่าง “บอย–ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์” ที่มีภาพร่วมอีเวนต์และอยู่บนบิลบอร์ดโฆษณา รีบออกมาขอโทษและแสดงความบริสุทธิ์ใจผ่านรายการโหนกระแส ช่อง 3 โชว์หนังสือยกเลิกสัญญากับดิ ไอคอน ยินดีให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่
ส่วน “โดม– ปกรณ์ ลัม” ผู้จัดการส่วนตัวยืนยันว่าเป็นแค่พรีเซนเตอร์เท่านั้น
...
ฟากอดีตพรีเซนเตอร์ อาทิ “ป้อง–ณวัฒน์ กุลรัตนรักษ์” ต้นสังกัดช่องวัน 31 ออกประกาศชี้แจ้งว่า “ป้อง–ณวัฒน์” เคยทําสัญญาเป็นเพียงพรีเซนเตอร์ของผลิตภัณฑ์วิตามิน ซี และสัญญาได้หมดลงแล้ว ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับกลยุทธ์หรือการขายใดๆ
ศิลปินฮอต “พีพี–กฤษฏ์ อำนวยเดชกร” แสดงความบริสุทธิ์ใจแถลงข่าวว่าเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับโปรดักส์ บูม ไอซี ของดิ ไอคอน สัญญา 1 ปี มีเพียงถ่ายรายการและอีเวนต์เปิดตัวสินค้าเท่านั้น
ฟาก “ลีเดีย–ศรัณย์รัชต์ ดีน” ชี้แจงผ่านทางอินสตาแกรมแจ้งว่าเคยเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับผลิตภัณฑ์บูม มีสัญญาเพียง 1 ปี ตั้งแต่ปี 2561 มีการแสดงคอนเสิร์ตร้องเพลงด้วยเท่านั้น ส่วนภาพ “แมทธิว ดีน” สามีก็รับหน้าที่พิธีกรในวันที่ตนแสดงคอนเสิร์ต
ขณะที่หลายศิลปินดาราเองก็ออกมาเปิดเผยว่าเคยตกเป็นเหยื่อ “ดิ ไอคอน” เช่นกัน ทั้ง “กบ ไมโคร” หรือ “ไกรภพ จันทร์ดี” ที่ตกเป็นประเด็นว่าตกลงเป็นผู้เสียหายหรือเป็นแม่ทีมกันแน่ ยอมรับว่าได้ร่วมลงทุนกับดิไอคอนได้ 1 ปีครึ่ง เปิดบิลเป็นดีลเลอร์ สูญเงินกว่า 1.4 ล้านบาท และยิงแอดอีก 1 ล้านบาท เดินทางเข้ามาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน ฟาก “ตั้ม–วราวุธ โพธิ์ยิ้ม” ที่มีถ่ายภาพร่วมกับ บอสพอล, บอสสวย และ บอสกันต์ พร้อมข้อความ “ยินดีต้อนรับน้องตั้ม the star เข้าสู่ครอบครัวออนไลน์ ดิ ไอคอน กรุ๊ป” ชี้แจงว่าตนก็เป็นอีกหนึ่งผู้เสียหาย ได้เปิดบิลกับดิ ไอคอน ไป 250,000 บาท เหมือนกันและแจ้งความดําเนินคดีแล้ว รวมทั้ง “อ๊อฟ–ศุภณัฐ เฉลิมชัยเจริญกิจ” นักร้องดังพาคุณแม่เข้าแจ้งความเผยมูลค่าความเสียหายของตนและแม่จากดิ ไอคอนรวมกว่า 1 ล้านบาท “ลีซอ–ธีรเทพ วิโนทัย” อดีตนักฟุตบอลทีมชาติไทย ยืนยันว่าเป็นผู้เสียหายเคยร่วมลงทุนกับบริษัทดิ ไอคอนในฐานะตัวเเทนจำหน่าย 220,000 บาท และไม่เคยชักชวนใครมาร่วมลงทุน
ขณะที่ เบิ้ล ปทุมราช หรือ อาทิตย์ สมน้อย ยอมรับว่ารู้จักกับบอสพอลจริง รวมถึงเคยไปเข้าคอร์สเรียนออนไลน์และเปิดบิลขายของแต่ไม่ได้ร่วมงานกัน สมพงษ์ คุนาประถม หรือ อี๊ด โปงลาง สะออน เผยว่าเป็นอีกหนึ่งผู้เสียหายลงทุนแต่ของยังขายไม่ได้เลยไม่ได้ทำต่อยังมีอยู่ที่บ้าน ฟาก ปู–มัณฑนา หิมะทองคำ ยอมรับว่าลงทุนกับดิ ไอคอนไปแต่ไม่ได้รับของ ขณะที่ ครูอ้วน–มณีนุช เสมรสุต มีภาพร่วมเฟรมกับบอสพอลและกันต์ ชี้แจงว่าเคยเข้าไปคุยแต่ไม่มีการประสานงาน รวมทั้งอดีตนักแสดง คริสโต เฟอร์ เบญจกุล และภรรยา ที่ลงทุนกับดิ ไอคอนหวังสร้างธุรกิจแต่สุดท้ายแทบหมดตัวขายของไม่ได้
ไม่ใช่แค่ “บอสดารา ดิ ไอคอน” ที่ทำสะเทือนวงการบันเทิง แต่ยังลากไส้ไปถึงบุคคลเกี่ยวข้อง หลังมีคลิปเสียง กฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์ หรือ เจ๊พัช ประธานอำนวยการศูนย์ประสานงานส่งเสริมเครือข่าย-ออนไลน์ กับ ฟิล์ม–รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ ศิลปินนักร้องดัง อ้างชื่อรายการโหนกระแสและพิธีกรคนดัง หนุ่ม–กรรชัย กำเนิดพลอย ไปรีดเงินจาก บอสปัน หรือ ปัญจรัศม์ กนกรักษ์ธนพร บอสดิ ไอคอน กรุ๊ป 20 ล้านบาท ว่าสามารถพา บอสพอล ไปออกรายการโหนกระแสได้ ร้อนถึง หนุ่ม–กรรชัย แจ้งความดำเนินคดีกับ ฟิล์ม–รัฐภูมิ และ กฤษอนงค์ ในข้อหาหมิ่นประมาท และ บอสพอล ก็แจ้งความข้อหาพยายามกรรโชกทรัพย์ พยายามเรียกรับเงินดิ ไอคอน 20 ล้านบาท ซึ่งต่อมา ฟิล์ม-รัฐภูมิ เข้ามารับทราบข้อกล่าวหายืนยันว่าตนไม่ได้ทำอะไรผิดและพร้อมสู้คดี แต่ทั้งนี้ก็ทำให้ความสัมพันธ์ของ หนุ่ม–ฟิล์ม พี่น้องร่วมวงการต้องสะบั้น!! รวมทั้งความนิยมความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อ “ฟิล์ม” หดหาย
ล่าสุดเมื่อ 23 ธ.ค.67 กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ส่งสำนวนคดีดิ ไอคอน กว่า 340,000 แผ่น ให้พนักงานอัยการคดีพิเศษ สั่งฟ้อง 18 บอสดิ ไอคอน 4 ข้อหาสำคัญทั้งฉ้อโกง-ทุจริตหลอกลวง ทั้งนี้ทั้งนั้น ปัจจุบัน คดีความฟ้องร้องยังไม่รู้ว่าปลายทางจะสิ้นสุดตรงไหน แต่บทเรียน “ดิ ไอคอน กรุ๊ป” นับเป็นอุทาหรณ์สำคัญให้กับศิลปินดารา บรรดา อินฟลูเอนเซอร์ และคนมีชื่อเสียง แม้ปัจจุบัน วิกฤติวงการละครจะซบเซา งานแสดงลดถอย หรือแม้แต่เม็ดเงินในวงการบันเทิงเบาบางลงไป แต่หากอยากหารายได้ช่องทางอื่นๆเพิ่มเติมก็ต้องพิจารณาตรวจสอบรายละเอียดต่างๆ ให้ถี่ถ้วน ก่อนจะรับงานรีวิว พรีเซนเตอร์ หรือการไปเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจต่างๆว่าเกี่ยวข้องกับแชร์ลูกโซ่หรือสิ่งผิดกฎหมายใดๆหรือไม่ ไม่เช่นนั้นอาจสูญเสียความนิยมและความศรัทธา ร้ายกว่านั้นอาจจะตกกะไดพลอยโจนเป็น “ผู้ต้องหา” โดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว! ส่วนประชาชนได้เครื่องเตือนใจ “อย่าหวังรวยทางลัด” เพราะ “ทุกการลงทุนมีความเสี่ยง”!!!