หลังจากที่มีข่าวเจ้าพ่อนาคาอกหัก นางเอกซุปตาร์สายมูฯ ล่าสุดหันไปคบพระเอกกล้ามปู ที่เริ่มเดินทางสายมูฯ ทำให้ชาวเน็ตต่างคอมเมนต์พุ่งเป้าไปที่ เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ กับ เอ พศิน และ อั้ม อธิชาติ
ล่าสุดได้เจอ เอ พศิน ที่งานรอบปฐมทัศน์ภาพยนตร์ “The Seed คู่หูก้องโลก” ณ โรงภาพยนตร์เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ รัชโยธิน ก็ไม่พลาดที่จะสัมภาษณ์ถึงประเด็นดังกล่าว ซึ่งเจ้าตัวเปิดเผยว่า
- อั้ม-เจนี่ มีความศรัทธาในพญานาคมานานแล้ว
- เจนี่เคยรถคว่ำแล้วรอดเพราะนึกถึงปู่ จึงทำให้อีกฝ่ายศรัทธามาก ไม่กินเนื้อสัตว์ กินแต่เต้าหู้ ไม่กินไข่ ไม่กินนม ทำทุกอย่างเพื่อถวายปู่พญานาค
- รู้จักกันเพราะเมื่อ 12 ปีก่อน เคยเล่นละครด้วยกัน
- เจนี่ผ่านชีวิตมาอย่างหนักพอสมควร เห็นข้างนอกดูเป็นคนมั่นใจ แต่จริงๆ ข้างในอีกฝ่ายอ่อนไหวมาก แคร์ทุกอย่าง อ่านทุกคอมเมนต์ และยังไม่อยากจะมีเรื่องราวในสื่อ แต่ตนก็ได้บอกในฐานะเพื่อนและรุ่นพี่ว่า จะล้างโซเชียลให้สะอาดเพื่อให้ลูกมาดูตอนโตไม่ได้ โลกไม่ได้สวยงามขนาดนั้น มันเป็นความจริงให้ลูกรู้ตอนนี้ดีกว่า
- ตนแนะนำอีกฝ่าย แค่บอกว่าให้ซื่อสัตย์ ให้ความยุติธรรมกับความดีของตัวเอง อีกฝ่ายถึงออกมาบอกว่าสถานะครอบครัวเป็นยังไง เจนี่ไม่เคยคิดที่จะออกมาพูดเลย แต่พอมันมีจุดที่ต้องมายืนข้างหน้าเป็นผู้บริหาร อะไรที่มันแบกไว้ ค้างคามันต้องหมดไปเพื่อจะนำคนอื่น เจนี่คงตัดสินใจเองว่าจะลองปลดล็อกตรงนี้ จะได้มีความสุข จะได้มีความสว่างจริงๆ แล้วตอนนี้รู้สึกเจนี่มีความสุข
...
- รู้จักกันเพราะเขานั่งสมาธิ ตื่นตี 4 นั่งสมาธิสวดมนต์ทุกวัน ออกกำลังกาย
- เพราะเจนี่อยากจะรู้เรื่องพญานาค เลยส่งข้อความมาหาตนเพื่อจะขอปรึกษาเรื่องความเชื่อ หลังจากนั้นก็ได้คุยกัน
- เจนี่เห็นคลิปหลวงปู่ศิลา ที่บอกว่าชาติหนึ่งตนเป็นลูกของพระแม่โสมา เป็นพญานาคขอม หลวงปู่ก็บอกบางอย่างกับอีกฝ่าย แต่ให้เจนี่มาเล่าเอง และต้องไปเพื่อช่วยทำอะไรบางอย่างให้เจริญ ซึ่งเจนี่ทำแล้วเป็นการส่วนตัว
- รู้จักกัน ที่คุยกันมันจะมีเรื่องของการสร้างเหรียญพญานาค 5 พระองค์ เจนี่สร้าง 911 ตามวันเกิด
- และที่ติดต่อตนมาก็เพื่อให้ทีมรายการตามรอยนาคราช ทางยูทูบไปเก็บภาพ ไปบวงสรวงกันที่ธรรมสถานหลวงปู่ศิลา ทุกคนจะเห็นเจนี่รำด้วยความศรัทธา บางคนไม่เคยเห็นก็จะงงว่าคืออะไร การบังคับหรือกำลังของจิตข้างในตอบรับต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์
- ที่เจนี่ไม่ลงสื่อ เพราะกลัวในการสื่อสารแบบนี้ เพราะการที่แบรนด์แอมบาสเดอร์ ทำงานกับแบรนด์แฟชั่นต่างประเทศ มันดูย้อนแย้ง เลยไม่ลง แต่เดือนนี้จะได้เห็นเต็มๆ เพราะอีกฝ่ายตัดสินใจแล้วว่านี่คือความศรัทธา พอสร้างเหรียญเสร็จ มันก็หมดหน้าที่ของตน
- เอ พศิน เผยความลับของเจนี่ว่า อีกฝ่ายกตัญญูมาก ให้เงินทุกอย่างให้กับแม่หมดเลย ทำงานมาตลอด เพิ่งเริ่มปีนี้ที่เจนี่ทำให้กับตัวเองโดยที่มีปู่เป็นกำลัง เจนี่กตัญญูแต่ว่าไม่เคยได้รับกอดจากแม่เลย อันนี้พนักงานเขาเล่าให้ฟัง สิ่งที่เจนี่ปรารถนาอย่างเดียวเลยคือ กอดจากแม่ แค่ถามว่าเหนื่อยมั้ย แค่นี้เอง
- ที่ตนต้องพูดเพราะว่าอดีตภรรยาที่ตอนนี้เป็น LGBTQ ไปแล้ว ก็ยังอยู่ด้วยกัน อีกฝ่ายก็มีปัญหาเดียวกันคือ แม่ไม่แสดงความรัก แค่แม่เข้ามากอดแล้วบอกรักแค่นี้ อาการซึมเศร้าก็เหมือนจะหาย ดีขึ้น ซึ่งตรงนี้ตนว่าเวลาคนเราเก่งมากๆ จะไม่เรียกร้อง แต่มันจะเป็นสิ่งเดียวที่เงินซื้อไม่ได้ เพราะฉะนั้นแม่ลูกต้องคุยกัน แม่ต้องรู้นะ แต่แม่ทุกคนต้องรู้ว่าการแสดงความรักมันสำคัญ
- ยืนยันตนไม่ได้อกหักจากเจนี่ เพราะไม่ได้คาดหวังความสัมพันธ์ คิดว่าจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้ในอนาคตอันยาวออกไป จะหนึ่งปีหรือสองปี
- สิ่งที่จะทำด้วยกันตอนนั้น หลังจากที่ทำเหรียญเสร็จ อยากทำรายการเกี่ยวกับความศรัทธา เอารายการตามรอยนาคราชเอาไปไว้ในช่องฟรีทีวี หาข้อเท็จจริงว่าเรื่องความมูแบบนี้ถูกต้องมั้ย แบบไหนปลอดภัย พญานาคในยุโรปมีมั้ย เป็นเรื่องของการท่องเที่ยววัฒนธรรมด้วย แล้วก็มีการคุยว่าตนอาจจะเป็นเบื้องหลัง แต่เจนี่บอกว่าไม่เป็นเบื้องหน้าแน่นอน
- ซึ่งเจนี่จะเอา อั้ม อธิชาติ มาร่วมด้วย เพราะอั้มเป็นตัวพ่อในการนั่งสมาธิ ทำบุญ ซึ่งตนก็โอเค
- ที่เป็นข่าวหลุดออกมา มันหลุดจากคนใกล้ตัว ผมสัญญาไว้ว่าจะไม่บอก เพราะมันเป็นเรื่องเซนสิทีฟ แต่ว่าการที่เจนี่ไว้ใจใครมากๆ ก็อาจจะปรึกษากัน แล้วพอมันหลุดไป ซึ่งอันนี้ตนก็เข้าใจ
- สรุปแล้วความสัมพันธ์ระหว่างตนกับเจนี่ ยังไม่พยายามจีบ มันคือการทำงาน มันจีบไม่ได้ เพิ่งแถลงข่าวแล้วมันควรจะผ่านเวลาไปอีกประมาณปีหนึ่ง ตนถึงจะเริ่ม ซึ่งตอนนั้นตนอาจจะหมดพลังไปแล้ว เพราะว่าเห็นธรรมชาติของความเป็นผู้นำของเจนี่ อีกฝ่ายกินไม่เหมือนตน มีวินัย แมนมากกว่าตนในเรื่องของการวางแผนชีวิต ซึ่งตรงนี้ตนว่าผู้ชายที่อยู่ด้วยได้ต้องแกร่งมากๆ ต้องรักมากๆ
...
- ไม่ได้คิดจะจีบ แต่การที่ต้องทำงานกับเจนี่ ตนนับถือในความอดทนของอีกฝ่าย ในการแสดงออกซึ่งมันตรงข้ามกับความเป็นตัวของตัวเองมาตลอด อย่างวันนี้ลงรูปดูเฟียสๆ ทั้งที่ข้างในอ่อนไหว แคร์กับข่าวทุกข่าว
- พอมีข่าวนี้ออกมาไม่คุยกัน ตนก็เป็นอินโทรเวิร์ต ตนคือคนๆ หนึ่ง เป็นพี่ชาย มองเขาเป็นแค่นักแสดงรุ่นน้อง ไม่ได้มองเจนี่เป็นซูเปอร์สตาร์ ไม่ได้มองเขาที่ความสำเร็จ เพราะฉะนั้นความห่วงใยมันก็คือพี่ชาย
- รู้จักกันกับเจนี่ 3 เดือน มันเป็นโปรเจ็กต์ของการทำเหรียญ แต่ว่าจะก้าวไปเพื่อทำรายการ ผมบอกไว้ตรงนี้เลยว่าเมื่อมันออกมาในรูปแบบนี้ คนที่เขาห่วงใยอาจจะทำให้เกิดข่าวขึ้นมา ตนจะขออนุญาตไม่ร่วมด้วย เพราะไม่งั้นมันจะกลายเป็นว่าอย่างวันหนึ่ง ตน เจนี่ อั้ม มานั่งแถลงข่าว จะกลายเป็นใช้สื่อเพื่อทำเป็นไวรัลให้คนสนใจ ต้องรับผิดชอบด้วยการไม่ร่วมดีกว่า
- เรื่องที่ข่าวออกมาในลักษณะว่าตนอกหักแล้วเจนี่ไปคบกับอั้ม เรื่องอั้มตนไม่รู้
- จริงๆ เคยรู้สึกดีกับเจนี่ตั้งแต่เล่นละครกับอีกฝ่ายเมื่อ 12 ปีก่อน ทุกวันนี้รู้สึกดีและนับถือมันเป็นความนับถือที่ทำไมผู้หญิงคนนึงเก่งขนาดนี้แต่โลกไม่รู้เลย เจนี่มีคุณค่า กตัญญู รักลูก ทำทุกอย่างที่พ่อแม่ทำได้ด้วยตัวของตัวเองโดยที่ไม่บอกใครมาตลอด 6 ปีมันทำได้ยังไง
...
- ที่ผ่านมาไม่ได้มีความรู้สึกเกินเลยไปมากกว่าคำว่าพี่น้อง ความรู้สึกเกินเลยมันต้อง 2 คน สันดานผู้ชายมันพร้อมจะเกินเลยถ้าอีกฝ่ายมีการตอบรับ แต่นี่ไม่มี เจนี่เห็นตนเป็นพี่ชาย ให้เกียรติกัน คำว่าให้เกียรติกันมันสำคัญมากในเรื่องความสัมพันธ์
- ทุกอย่างมันต้องใช้เวลา เพราะเรามีลูกเหมือนกัน วันที่ไปคุยงานตนเอาลูกชายไปด้วยแล้วโนล่าจะมีโลกส่วนตัวสูงหวงแม่ ถ้ามีใครมาเขาจะห่วงแม่มาก แต่เจอเลโก้กลับเล่นกันเป็นลิงเหมือนบ้านจะพัง
- ไม่เคยสนิทกันเลย เจนี่เป็นคนระวังตัวมาก แม้แต่ไลน์ก็ไม่ใช้รูปแล้วก็มีการเปลี่ยนชื่อ
- เจนี่แนะนำให้ตนนั่งสมาธิ เพราะว่าตนไปที่อันตรายเยอะๆ เรื่องพลังงานบางทีก็โดนของแต่ไม่รู้ตัว หลวงปู่ศิลาก็ออกให้ซึ่งตรงนี้ก็เป็นเรื่องของอีกมิติหนึ่งที่เจนี่เก่งกว่าตน
- มั่นใจเจนี่ไม่เปิดใจ ผู้หญิงคนนี้ใจเหมือนเพชร
- เอ พศิน บอกมีข้อสงสัยนิดหนึ่งถ้าการที่ข่าวออกมาแบบนี้มันเป็นเรื่องของการโปรโมทบางอย่าง ใช้ผมเป็นเครื่องมือ ขอเชิญไปโหนกระแส ตนไม่ยอมเหมือนกันเพราะว่าการที่เอาชีวิตคนๆ หนึ่งมาเพื่อโปรโมทอะไรบางอย่าง ที่บางคนต้องทำร่วมกัน มันไม่โอเค เราไม่รู้เบื้องหลัง
- ทุกอย่างมีเบื้องหลังหมด แต่ตนเชื่อว่าสื่อที่เอาลงมีความรู้สึกว่าอยากจะให้มันเคลียร์ เพราะว่าข่าวแบบนี้มันดูรุนแรงและไม่เป็นธรรมกับเจนี่เลย แล้วตนก็เห็นความเป็นตัวตนของทั้งสองคนมันน่ารัก ก็เลยต้องออกมาพูดไม่งั้นตนคงไม่ต้องสนใจก็ได้
- ไม่ได้มองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนี้มีการใช้เป็นเครื่องมือ
...