เรียกว่าเป็นเรื่องราวที่กระทบคนในวงการบันเทิงหลายคนเลยทีเดียว สำหรับกรณีธุรกิจขายตรงบริษัทดัง ดิไอคอนกรุ๊ป ที่ถูกผู้เสียหายร้องเรียนกับตำรวจเรื่องการถูกชวนลงทุนให้ซื้อสินค้าเป็นจำนวนมากเพื่อไปขายต่อ แต่สุดท้ายขายไม่ได้ มีของค้างสต๊อกจนหมดอายุ เสียเงินไปเป็นจำนวนมาก โดยมีคนดังในวงการบันเทิงระดับแถวหน้าของไทยที่เป็นทั้งบอส และมีหลายคนที่เป็นพรีเซนเตอร์สินค้าบริษัทนี้
ล่าสุด นักแสดงสุดฮอต พีพี กฤษฏ์ อำนวยเดชกร ซึ่งเคยเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับบริษัทดังกล่าว ได้เปิดใจแถลงถึงเรื่องนี้ ณ ห้อง 101 ชั้น 1 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยเริ่มต้นการแถลงข่าว พีพี กล่าวว่า “ไม่สบายใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ได้รับรู้ข้อมูลจากทีมงาน เลยรู้สึกว่าอยากชี้แจงเองมากกว่า จริงๆ รับงานพรีเซนเตอร์โปรดักต์ ’บูม ไอซี‘ หรือ ‘Boom iZ’ อาหารเสริมบำรุงสายตาของดิไอคอนกรุ๊ป ตั้งแต่เดือน พ.ค. 2565 สัญญา 1 ปี ในเงื่อนไขสัญญาทำงานกับเขา 3 วัน คือมีการถ่ายภาพนิ่ง ออกรายการ พีพี x กันต์ และงานอีเวนต์เปิดตัวโปรดักต์ นอกจากนี้ไม่มีเลยครับ อันนี้ถูกระบุอยู่ในสัญญา”
...
พีพี เล่าต่อว่า ตนมีหน้าที่นำเสนอโปรดักต์ โปรโมตตัวผลิตภัณฑ์ ’บูม ไอซี‘ อย่างเดียว ที่ตัดสินใจรับงาน ตอนนั้นเพิ่งออกจากบริษัทเก่า เริ่มทำบริษัทใหม่ของตัวเอง และมีผลิตภัณฑ์นี้ติดต่อมา ตัวทีมงานก็เช็กทั้งหมดว่าผลิตภัณฑ์ผ่านการรับรองหน่วยงานรัฐ ผ่าน อย. แล้ว เช็กว่าบริษัทมีทุนจดทะเบียนเท่าไร ข้อมูลบริษัทถูกต้องตามกฎหมายไหม พอเกิดเหตุการณ์นี้ก็ตกใจ ไม่สบายใจ
ถามว่าตอนที่รับงานนี้ไม่ได้ทราบถึงเบื้องหลังใช่ไหม พีพี ตอบว่า ตนรับทราบข้อมูลโปรดักต์อย่างเดียว กิจกรรมภายในบริษัท กลไกการตลาดต่างๆ ไม่รู้เลย ซึ่งตอนที่ขึ้นเวทีก็มีระบุว่าต้องทำอะไรบ้าง ขายอะไรบ้าง แต่ตนจะขายแต่โปรดักต์ที่ตนเป็นพรีเซนเตอร์เท่านั้น ซึ่งจะมีทีมงานปรับแก้สคริปต์ทั้งหมด อะไรที่อวดอ้างสรรพคุณเกินจริง หรือสิ่งที่ต้องการพรีเซนต์เกี่ยวกับโปรดักต์ก็จะตัดทิ้งทั้งหมด มีทีมกรองให้หมด
ในเรื่องการจ่ายเงิน เขาจ่ายเงิน 2 งวดจากการเป็นพรีเซนเตอร์ ซึ่งระบุในสัญญาชัดเจน เป็นสัญญาค่าการโฆษณาสินค้า สัญญาหมดเมื่อ มิ.ย. 2566 ส่วนกับบอสพอลไม่รู้จักเป็นการส่วนตัว เขาก็เป็นผู้ว่าจ้าง ตนรู้จักเขาในการทำงาน ได้เจอเขา 3 วันใน 1 ปีแค่นั้นเลย ซึ่งเขาไม่ค่อยพูดอะไรกับตน พอทราบเหตุการณ์ดังกล่าว เราห่วงความรู้สึกของแฟนๆ เป็นห่วงผู้เสียหายทุกคน ไม่อยากให้ทุกคนเข้าใจผิด และอยากชี้แจง ยินดีให้ความร่วมมือทุกอย่าง ทั้งเอกสารทางการเงิน ตัวสัญญา สามารถชี้แจงได้ทั้งหมด
ถามว่าตอนเป็นพรีเซนเตอร์ มีแฟนๆ มาร้องเรียนบอกถึงปัญหาที่เกิดขึ้นไหม ถ้าส่วนตัว ตนไม่ได้รับทราบ หรือมีส่งเข้ามาแล้วตนไม่เห็นเพราะเราไม่ได้อ่าน มันผ่านมานานปีครึ่งแล้วแล้วด้วย ถ้ามีทีมงานก็อาจจะต้องแจ้งผ่านบริษัทไป ทางบริษัทก็แจ้งพีมาอีกที แต่เท่าที่รู้คือไม่มี สิ่งที่ดีที่สุดที่จะทำได้ตอนนี้คือให้ความร่วมมือกับทางกฎหมาย ถ้าอยากได้ข้อมูลต่างๆ สามารถให้ได้และยินดีมากๆ ในส่วนสัญญามีเอกสารทั้งหมด
เรื่องการรับงานหลังจากนี้ พีพี กล่าวว่า ทุกครั้งที่รับพรีเซนเตอร์จะเลือกสินค้าที่รู้สึกว่าชอบ โอเคกับสินค้านั้นๆ ไปเช็กตามระบบกฎหมายทั้งหมดว่าจดทะเบียนบริษัทยังไง สินค้าผ่านมาตรฐานอะไรบ้าง ถ้าโอเคตรงกับความชอบก็จะรับ ส่วนเรื่องความระมัดระวังก็ระวังมากขึ้น หลังจากนี้จะมีนโยบายต่างๆ ในบริษัทที่เราก็คงจะรัดกุมสิ่งนี้ให้แน่นขึ้น ลงไปดูดีเทลมากขึ้นด้วย
ถามว่าตอนนั้นมีสงสัยอะไรบ้างไหมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือโครงสร้างบริษัทต่างๆ พีพี ตอบว่า คือในทางบริษัทฯ ตนไม่ได้รับรู้อะไรเลย ตนพรีเซนต์สินค้าจริงๆ อะไรที่ไม่เกี่ยวกับโปรดักต์ เราจะไม่พูดถึงสิ่งนั้น อันนี้คืออยู่ในข้อสัญญาตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว ถามว่าสคริปต์ปรับแก้เยอะไหม ต้องถามผู้จัดการ ด้านผู้จัดการตอบว่า ที่เขาให้พูดคุณสมบัติสินค้าตามงานวิจัย ตามเอกสารหมด แต่มันมีบ้างที่ให้อวยผู้บริหาร เราก็ขอเขาว่าพูดอยู่บนพื้นฐานความเป็นตัวน้องแล้วกัน ส่วนเรื่องธุรกิจโครงสร้างในพาร์ตของพีพีไม่เคยมี เลยไม่ต้องปรับแก้ เมื่อถามว่าพรีเซนเตอร์หลายคนมีการไปโฆษณาขายของเพื่อเพิ่มยอดขาย สคริปต์มีไหม พีพี บอกว่าไม่มี เป็นการเปิดตัวสินค้าครั้งแรก และไม่ได้ไปร่วมงานอีกเลย
...
พอถูกถามว่าได้ปรึกษา บิวกิ้น พุฒิพงษ์ คู่จิ้นคนสนิท บ้างหรือไม่ พีพี ยิ้มก่อนตอบว่า ก็มีปรึกษา มีการคุยกันตลอด เขาก็เป็นห่วง บิวกิ้นก็ตามใจ พีพีรู้สึกไม่สบายใจมากกว่า อยากออกมาชี้แจงเรื่องนี้จริงๆ เขาก็บอกว่าสู้ๆ ก่อนจะยิ้มเขิน ส่วนเรื่องฟีดแบ็กด้านลบ อาจจะเป็นรวมๆ มากกว่า แต่ถ้าตรงๆ เลยอาจจะไม่มี จะเป็นการพูดถึงดาราศิลปินตามคอมเมนต์ต่างๆ สิ่งที่รู้สึกไม่สบายใจจริงๆ คือการที่เขาบอกว่าดาราศิลปินตั้งใจเพื่อทำให้คนเชื่อถือหรือว่าตาม จริงๆ ทุกงานเราตั้งใจทำจริงๆ ทำด้วยความรัก
เรื่องมีผู้เสียหายค่อนข้างเยอะ รู้สึกเสียใจ ไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์นี้กับคนที่เรารักหรือใครก็ตาม ก็เป็นสิ่งที่เราต้องระมัดระวังมากขึ้นในการรับงานครั้งหน้า ณ ตอนนั้นที่รับงานไม่ได้คาดการณ์ว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น ตนไม่สามารถเข้าไปดูกิจกรรมหรือกลยุทธ์ต่างๆ ของทางบริษัทเขาได้ มีหน้าที่แค่พรีเซนต์โปรดักต์จริงๆ ตามสัญญา วันนี้ที่ออกมาเพราะกดดันตัวเองให้มา ถ้าช่วยเหลือสังคมได้ส่วนเล็กๆ ก็อยากจะทำ
ที่คนมองว่าเขาใช้ความเป็นดารามีชื่อเสียงมาหลอกคนอื่นเพื่อมาร่วมทุน พีพี ตอบว่า ไม่อยากให้คนมองภาพศิลปินดาราเป็นแบบนั้น คือมองว่าตั้งใจมาหลอก ดึงดูดเพื่อซื้อสินค้า สำหรับตน ตนตั้งใจทำทุกงาน และทำงานด้วยความรักจริงๆ พอมีคนได้รับผลกระทบจากสิ่งนี้ก็รู้สึกเสียใจจริงๆ เป็นเหตุการณ์ที่ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้น และไม่อยากให้เกิดขึ้นกับแฟนๆ ด้วย ซึ่งหลังหมดสัญญาก็ไม่ได้ติดต่อกับทางบริษัทฯ เขาไม่ได้ติดต่อตนมา วันนี้พอได้พูดก็สบายใจ มันเป็นเรื่องที่เราไม่มีโอกาสมาอธิบาย ประเด็นหลักคืออยากมาช่วยเหลือการให้ข้อมูลต่างๆ ด้วย อยากเป็นส่วนเล็กๆ ในการช่วยเหลือคน ถ้าเจ้าหน้าที่ต้องการข้อมูลอะไรก็ยินดีให้ความร่วมมือทั้งหมด
...
คลิกเพื่ออ่าน ข่าวบันเทิง เพิ่มเติม