อีกหนึ่งเรื่องราวดีๆ ที่นักร้องชื่อดัง และคุณแม่สุดแซ่บ อย่างสาว "ลีเดีย ศรัณย์รัชต์ ดีน" ได้ออกมาแชร์ประสบการณ์ การวางแผนบริหารจัดการเรื่องเงิน เพื่อลูกๆ ทั้ง 3 คน น้องดีแลน, น้องเดมี่ และน้องดีออน ในงานเวทีเสวนา Money Talk : “Money สไตล์แม่” ณ ศูนย์การค้า The EmQuartier รวมไปถึงพูดคุยเกี่ยวกับบทบาทในการเตรียมความพร้อมอนาคตในวันข้างหน้า

โดยเจ้าตัวเผยว่า "ตั้งแต่แต่งงานเริ่มใช้ชีวิตคู่ แมทธิวชอบบอกว่าเราเป็นธนาคารที่ฟิกและถอนไม่ได้ เค้าจะเป็นผู้ชายที่ไม่ค่อยชอบดูรายละเอียดต่างๆ เพราะเค้าจะทำงานอย่างเดียว เลยให้เราเป็นคนจัดการดูแลเรื่องเงิน ซึ่งเราก็จะดูแลทั้งคู่ ไม่ว่าจะเป็นของเราและของพี่แมทธิว

และพอเริ่มมีลูกเป็นจังหวะช่วงชีวิตที่เราเริ่มจริงจังในการบริหารจัดการเรื่องเงิน เพราะจากที่เราใช้ชีวิตตัวคนเดียวหรือชีวิตคู่มันก็ไม่ได้มีความรับผิดชอบอะไรมากมาย แต่พอมีลูก 3 คนทำให้เราคิดได้ว่าจะต้องทำงานหนักและเราต้องวางแผนดีๆ เพราะว่าค่าเทอมแพงมาก รวมไปถึงค่ากิน ค่าใช้จ่าย ค่าเรียนพิเศษ ค่าทำกิจกรรม ค่าเที่ยว คือทุกอย่างมันต้องใช้เงินหมดเลย เพราะฉะนั้นจะต้องวางแผนดีๆ

...

และด้วยการที่เรามีลูกทำงานตั้งแต่อยู่ในท้อง เราก็รู้สึกว่าเราอยากจะเก็บเงินของเขาไว้ให้เขา เพราะฉะนั้นก็จะเปิดบัญชีไว้ให้ลูกคนละบัญชีตั้งแต่ตอนนี้ ซึ่งตอนช่วงแรกๆ เราก็บริหารไม่เป็นเหมือนกัน เราก็ฝากฟิกไปเลยของทุกคน แต่กว่าเค้าจะโต กว่าเค้าจะได้มาใช้เงิน เงินมันอาจจะงอกไม่ทัน ซึ่งตอนนี้เค้าอายุ 1 ขวบ และโตอีกทีอาจจะ 20 ปี เงินที่อยู่ในฟิกมันอาจจะสู้ไม่ได้กับตอนนั้น เราก็ต้องเริ่มดูแล้วว่าจะต้องเก็บเงินยังไง ซึ่งเราก็ต้องคิดว่าต้องมีเงินอยู่ก้อนหนึ่งที่สามารถนำไปลงทุนได้ หรือเรียกว่าเงินเย็น เพราะเราจะไม่แตะเงินของลูกเลย แต่ละคนทำงานอะไรได้เท่าไร เราก็จะแยกบัญชีเก็บไว้ให้พวกพวกเค้า

และเราก็จะคิดตลอดเวลาว่าทำยังไงก็ได้ให้มันไม่หายไปกับเงินเฟ้อ เลยต้องมาดูในเรื่องของประกันและการลงทุนต่างๆ อะไรก็ได้ที่ทำให้รู้สึกว่าไม่ให้เงินลูกเราหายไป ซึ่งเราก็เริ่มศึกษามาเรื่อยๆ และปรึกษาไฟแนนซ์ ซึ่งเขาแนะนำว่าการซื้อประกันไม่ใช่มีแค่ในประเทศไทย แต่ต่างประเทศก็อาจจะได้เรตที่ดีกว่าด้วย

ซึ่งในการวางแผนที่เราคิดว่าพ่อแม่หลายคนต้องคิดอยู่แล้วคือเรื่องของการตาย และลูกไม่มีใครช่วยดูแล ช่วงที่ลูกยังเล็กเกิดอะไรขึ้นมากับเราคนหนึ่งหรือเราทั้งคู่ และลูกเราจะอยู่ยังไง ใครจะมาเลี้ยงลูก และใครจะมาจ่ายค่าเทอมให้ลูก ก็เลยดูในเรื่องของประกัน เหมือนถ้าเกิดอะไรขึ้นมากับเราก็จะมีเงินก้อนนึงไว้ให้กับลูกเพื่อให้เขาใช้เรียนจนจบ และยิ่งเงินก้อนนั้นอยู่นานเท่าไร มันก็จะยิ่งเป็นมรดกส่งไปให้ลูกมากขึ้นเท่านั้น

ซึ่งตอนนี้คิดว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นมากับเรา ก็น่าจะสามารถมีเงินก้อนนึงที่พอจะซัพพอร์ตพวกเขาจนถึงจบมหาวิทยาลัยแน่นอน และพอถึงอายุเท่านี้ๆ ที่เราแพลนไว้ เค้าจะต้องดูแลตัวเองได้แล้ว แต่เราก็ต้องสอนให้เขาดูแลตัวเองได้ด้วยเช่นกัน"

...