พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานน้ำหลวง อาบศพ “ชรินทร์ นันทนาคร” และพระราชทานหีบลายก้านแย่ง เป็นเครื่องเกียรติยศประกอบ ศพ พร้อมโปรดเกล้าฯให้ผู้แทนพระองค์อัญเชิญ พวงมาลาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี วางหน้าหีบศพ บรรยากาศสุดสะเทือนใจ อดีตนางเอก นัยน์ตาหยาดน้ำผึ้ง “เพชรา เชาวราษฎร์” นางเอกในชีวิตจริงของชรินทร์ ร่ำไห้ซบหน้ากับฝ่ามืออาลัยต่อการจากไปอย่างไม่มีวันกลับของสามีคู่ชีวิต ขณะที่ ศิลปินวงการบันเทิงทั้งรุ่นใหญ่ รุ่นเล็ก รวมทั้งแฟนเพลงของ “นักร้องเสียงระฆังทอง” ผู้เป็นตำนานเพลง ลูกกรุงเดินทางมาร่วมอาลัยแน่นวัด

แม้ว่าชีพจะลาลับดับสูญไปชั่วนิรันดร์ มิอาจย้อนกลับมาให้พบพานได้อีกแล้ว แต่เสียงเพลงของบุคคลสำคัญแห่งวงการดนตรีไทย “ชรินทร์ นันทนาคร” ศิลปินนักร้องผู้เป็นตำนานเพลงลูกกรุง ผู้เป็นเพชรเม็ดงามขับขานเสียงเพลงกล่อมคนไทยให้มีความสุขมาตลอดระยะเวลากว่าครึ่งศตวรรษ จะถูกตราไว้ในดวงจิตติดตรึงอยู่ในความทรงจำให้คนไทยรวมถึงนักร้องรุ่นหลังได้กล่าวขานและรำลึกถึงสืบไป

...

สำหรับพิธีศพของนักร้องผู้เป็นตำนาน ถูกจัดขึ้นอย่างสมเกียรติที่วัดธาตุทอง เขตวัฒนา กทม. เมื่อบ่ายวันที่ 21 ส.ค. นางปัญญชลี เพ็ญชาติ บุตรสาวของนายชรินทร์ พร้อมด้วยแหวนแหวน-ปวริศา เพ็ญชาติ หลานสาวนายชรินทร์ กับบุคคลใกล้ชิดครอบครัว เคลื่อนร่างนายชรินทร์จาก รพ.ตำรวจมาตั้งบำเพ็ญกุศลที่ศาลา 9 วัดธาตุทอง ท่ามกลางความโศกเศร้าอาลัยรักของครอบครัว คนสนิท รวมถึงบุคคลในแวดวงบันเทิงที่เคยร่วมงานกับชรินทร์ ที่มาร่วมแสดงความอาลัยเนืองแน่น ขณะที่ “เพชรา เชาวราษฎร์” นางเอกนัยน์ตาหยาดน้ำผึ้ง ภรรยาที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมากว่า 50 ปี ได้ร่ำไห้อย่างหนักด้วยความอาลัยรักสามีอย่างสุดซึ้ง พร้อมซบหน้าลงกับมือนายชรินทร์คู่ชีวิตที่เป็นเสมือนดวงตาให้กับเพชราขณะรดน้ำศพ ทำให้บรรยากาศเต็มไปด้วยความเศร้าสะเทือนใจ จนผู้ที่มาร่วมงานถึงกับหลั่งน้ำตาออกมา ทั้งนี้ ครอบครัวขอความร่วมมือสื่อมวลชนงดสัมภาษณ์นางเพชรา เนื่องจากไม่อยากให้ได้รับความสะเทือนใจซ้ำสอง เพราะสภาพจิตใจและสุขภาพร่างกายยังไม่พร้อมรับความสูญเสียที่เกิดขึ้น

ต่อมาเวลา 17.00 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ นายชรินทร์ นันทนาคร ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (เพลงไทยสากล-ขับร้อง) พ.ศ.2541 การนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯพระราชทานหีบลายก้านแย่ง เป็นเครื่องเกียรติยศประกอบศพและโปรดเกล้าฯ ให้นายจิตรพัฒน์ ไกรฤกษ์ อัญเชิญพวงมาลาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี สมเด็จพระกนิษฐา ธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยาม บรมราชกุมารี วางหน้าหีบศพ โดยมีนายบุญเกียรติ โชควัฒนา ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ไอ.ซี.ซี.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) เป็นประธานในพิธี

สำหรับบรรยากาศพิธีรดน้ำศพนายชรินทร์ นันทนาคร เป็นไปด้วยความโศกเศร้าอาลัย มีศิลปินนักร้อง นักแสดง อาทิ ธานินทร์ อินทรเทพ ยอดชาย เมฆสุวรรณ ศิลปินแห่งชาติ สาขาการแสดง วินัย พันธุรักษ์ ศิลปินแห่งชาติ สาขาขับร้องเพลงไทยสากล พรพิมล มั่นฤทัย ผู้จัดละครช่อง 7 และเป็นผู้ถือลิขสิทธิ์เพลงของชรินทร์เกือบทั้งหมดกว่า 100 เพลง อรวี สัจจานนท์ นันทวัน เมฆใหญ่ ดํารงพุฒตาล ดาวใจ ไพจิตร ฯลฯ รวมถึงบุคคลจากหลากหลายวงการเดินทางมาร่วมรดน้ำศพนายชรินทร์ล้นหลาม โดยครอบครัวได้ฉายวิดีโอการแสดงคอนเสิร์ตต่างๆ และผลงานเพลงของนายชรินทร์ ให้ผู้มาร่วมงานได้รับชมรับฟังเพื่อเป็นอนุสรณ์และรำลึกถึงบรมครูเพลงผู้จากไป

นักร้องเจ้าของฉายานักร้องระฆังแก้ว “อรวี สัจจานนท์” กล่าวด้วยความเศร้าว่า ใจหายอย่างที่สุดเมื่อทราบข่าวการจากไปของคุณอาชรินทร์ ที่เป็นผู้ใหญ่ที่ตนเคารพนับถือมากและท่านยังเป็นผู้ที่มีส่วนผลักดันให้ตนมีชื่อเสียงในวงการเพลงรวมทั้งยังเป็นนักร้องคู่ขวัญ เมื่อเดือนกรกฎาคมได้ไปเยี่ยมที่ รพ.ตำรวจ ตอนนั้นท่านยังพูดคุยรู้เรื่อง ยังบอกกับคุณอาชรินทร์ว่าขอให้หายเร็วๆจะได้จัดคอนเสิร์ตร่วมกัน ช่วงท่านมีชีวิตเราได้ทำดีต่อกันมาตลอด อยากวิงวอนคนไทยให้เห็นค่าของศิลปินผู้สูงอายุ เพราะที่ผ่านมาพอถึงเวลาหนึ่งก็ถูกหลงลืมไปไม่เหมือนต่างประเทศที่ให้ความสำคัญ

...

ด้าน นันทิดา แก้วบัวสาย กล่าวว่า คุณอาชรินทร์เป็นศิลปินนักร้อง เป็นผู้กำกับภาพยนตร์ ผู้อำนวยการสร้าง เป็นนักแสดง เป็นทั้งหมดในวงการบันเทิง เป็นผู้ที่มีบทเพลงหลายเพลงอยู่ในห้วงความทรงจำของคนไทย เป็นศิลปินที่ให้ความสุขกับคนไทยจริงๆ มีคุณูปการกับวงการบันเทิงนักร้อง นักแสดงอย่างมากมาย ในปี 2522 ชรินทร์ นันทนาคร ที่นอกจากเป็นนักร้องแล้วยังเป็นผู้กำกับการแสดงและผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ ได้นำตนเข้าสู่วงการบันเทิงด้านการแสดงครั้งแรก โดยให้แสดงภาพยนตร์เรื่องแรกชื่อ “เพลงรักดอกไม้บาน” เป็นความภูมิใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต ที่ได้ร้องเพลงคู่และทำงานร่วมกับท่าน ไม่มีชรินทร์ นันทนาคร ก็ไม่มีตู่-นันทิดา แก้วบัวสายในวันนี้

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ก่อนที่ชรินทร์จากไปมีความเป็นห่วงเรื่องอะไรบ้างในชีวิต ตู่-นันทิดากล่าวพร้อมมีน้ำตาคลอเบ้า ว่า นิสัยของพ่อฉิ่ง เป็นคนที่รักสนุก ไม่ซีเรียส เป็นคนที่เฮฮา ไม่มีเรื่องให้ต้องห่วง ถ้าจะมีเรื่องให้ห่วงมีแค่เรื่องแม่อี๊ด-เพชรา เชาวราษฎร์ คู่ชีวิต แต่เชื่อว่าความห่วงหาของพ่อฉิ่ง แม่อี๊ดรับรู้มาโดยตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน ใช้ชีวิตคู่ทุกข์สุขร่วมกันมาหลายสิบปี จนถึงตอนนี้ที่พ่อไม่อยู่แล้วเชื่อว่าทั้ง 2 ท่านคงจะรู้สึกถึงกันได้ตลอดเวลาแม้ต้องอยู่กันคนละภพแล้ว

ช่วงค่ำมีพิธีสวดพระอภิธรรมบำเพ็ญกุศลศพเป็นคืนแรกมีบรรดาญาติมิตร ลูกศิษย์ ศิลปินคนบันเทิง รวมถึงแฟนเพลงของนายชรินทร์ทยอยเดินทางมาร่วมไว้อาลัยศิลปินนักร้องในดวงใจจนแน่นศาลาและกำหนดการบำเพ็ญกุศลศพจะมีไปจนถึงวันที่ 27 ส.ค.โดยสวดพระอภิธรรมเวลา 18.30 น. ทั้งนี้ กลุ่มเพื่อนศิลปินนักร้องและลูกศิษย์ของนายชรินทร์จะร่วมกันขับร้องเพลงของนายชรินทร์ทุกวันระหว่างเวลา 14.00-18.00 น. จนกว่าเสร็จสิ้นกำหนดการบำเพ็ญ กุศลศพ ส่วนพิธีพระราชทานเพลิงศพ ครอบครัวจะประกาศแจ้งให้ทราบต่อไป

...

เย็นวันเดียวกัน นางปัญญชลี เพ็ญชาติ และ นางปัญญชนิตย์ เธียรประสิทธิ์ ลูกสาวทั้งสองของ ชรินทร์ นันทนาคร พร้อมด้วย น.ส.ปวริศา เพ็ญชาติ หรือแหวนแหวน และ น.ส.ปัญญริสา เธียรประสิทธิ์ หรือหวาย กามิกาเซ่ หลานสาว แถลงถึงการเสียชีวิตของชรินทร์ว่า คนในครอบครัวทำใจมาระยะหนึ่งเพราะท่านป่วยมานาน ตลอดเวลาที่เข้าโรงพยาบาลท่านใจสู้มาก แต่เมื่อถึงที่สุดร่างกายไม่ไหวแล้ว ท่านจึงจากไปแบบสงบ ขณะที่แหวนแหวนกล่าวว่า ผูกพันกับคุณตามากทุกครั้งที่ไปหาคุณตาเป็นคนอารมณ์ดี จะสร้างเสียงหัวเราะตลอดเวลาและมักมีเรื่องตลกมาเล่าให้ฟังเสมอ ท่านใส่ใจในสุขภาพ อายุ 80-90 ยังร้องเพลงสดไม่ยอมลิปซิงค์ บางครั้งเวลาไปแสดงคอนเสิร์ต พวกตนจะเอาถังออกซิเจนไปวางไว้หลังเวทีเพราะกลัวว่าคุณตาจะช็อก

ผู้สื่อข่าวถามว่าสภาพจิตใจของเพชรา เชาวราษฎร์ ขณะนี้เป็นอย่างไรบ้าง แหวนแหวนตอบว่า ส่วนหนึ่งที่ทำให้คุณตามีกำลังใจและสู้มาจนถึงทุกวันนี้ได้ เชื่อว่ามาจากคุณตาเป็นห่วงคุณยายเพชรา เพราะหมอแจ้งกับคนในครอบครัวมาตั้งแต่ปีที่แล้วว่าคุณตาจะอยู่ได้ไม่พ้นปี 2566 แต่ก็ผ่านมานานกว่า 6 เดือน เชื่อว่าคุณตาเป็นห่วงคุณยายเพชราคู่ชีวิตมากๆ ตลอดระยะเวลาที่คุณตารักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล พวกเราไม่ได้บอกคุณยายว่าคุณตาอาการแย่เพราะกลัวว่าจะรับไม่ได้ กระทั่งคุณหมอแจ้งล่าสุดว่าไม่ไหวแล้วครอบครัวจึงจำเป็นต้องแจ้งให้คุณยายทราบ ตอนนั้นทุกคนเป็นห่วงคุณยายมาก กลัวท่านจะรับไม่ได้ แต่ปรากฏว่าคุณยายเข้มแข็งมาก ท่านไม่ร้องไห้ไม่ฟูมฟาย ได้แต่จับมือคุณตาไว้ตลอดจนถึงลมหายใจสุดท้ายของคุณตา หลังจากนี้คนในครอบครัวต้องหาทางเยียวยาจิตใจดูแลคุณยายเพชราอย่างใกล้ชิดแม้คุณยายเป็นคนที่เข้มแข็งมาก

...

 

อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่