ได้พิสูจน์ฝีมือกับบทบาทที่ต้องเติบโตตามตัวละครหลายช่วงวัยในละคร Coming of age สุดเข้มข้นเรื่อง “โลกหมุนรอบเธอ” ทางช่อง 3 ทำเอานางเอกสาว โบว์–เมลดา สุศรี ยอมรับว่ายากที่สุด และต้องประกบ 2 พระเอก เจมส์–จิรายุ ตั้งศรีสุข และ ไอซ์–พาริส อินทรโกมาลย์สุต

เลยชวน โบว์ เล่าถึงเรื่องนี้ที่ โบว์ เป็นศูนย์กลางของเรื่อง เพราะชื่อเรื่อง “โลกหมุนรอบเธอ”? “ค่ะ พวกเค้าจะมาหมุนรอบตะวัน จะมาคอยช่วยเหลือดูแลปกป้อง แต่อาจจะไม่ได้มีแค่เค้าสองคน จะมี น้องเทศน์ ไมรอน เป็นความรักแรกพบในช่วงวัยรุ่นปั๊ปปี้เลิฟ และในอนาคตจะมีพี่เกรท วรินทร เป็นรักในวัยทำงาน ซึ่งความรักของมานะและชิน เป็นความรักที่ใกล้ชิดเรามากจนแยกไม่ออกว่ามันคือความรักแบบใด”

เรื่องนี้เห็นบอกว่าต้องเล่น 4 เจเนอเรชัน? “ใช่ค่ะ เด็ก วัยรุ่น ผู้ใหญ่ จนถึงอายุมากๆ ตอนใส่ชุดนักเรียนผูกคอซอง ใส่วิกผมม้า ตอนแรกแอบไม่มั่นใจ แต่พอแสดงไป แฟนๆทักบอกน่ารักดี เขาชอบกัน ก็รู้สึกดีมากค่ะ ซึ่งตอนฟิตติ้งละคร คนจะเข้าใจว่าละครเป็นคอมเมดี้ น่ารักๆ เพราะมันเป็นช่วงของเราในวัยเด็กที่ดูสดใส และมีเคมีเคใจใหม่ๆ ดูสนุกสนานเฮฮา แต่จริงๆละครเป็น coming of age คือการเติบโตของตัวละคร ซึ่งจะเห็น 3 ตัวละคร มานะ ที่พี่เจมส์เล่น, ชิน ที่ไอซ์เล่น และตะวัน ที่โบว์เล่น ค่อยๆเจริญเติบโตและผ่านเรื่องราวการตัดสินใจ จะมีมิตรภาพของเพื่อน แล้วก็จะมีเรื่องของความรัก”

...

มันยากมั้ย? “ยากอยู่แล้วค่ะ คือเราต้องจำให้ได้ว่าตอนเด็กเราเล่นอะไรมาบ้าง มันถึงจะยาวไปถึงช่วงนั้นได้ คือมันเก็บรายละเอียดเรื่องราวเยอะมากๆ จนมันแบบถ้าพลาดจุดใดจุดหนึ่งไป เรื่องราวก็จะพลิกเลย มันเหมือนทบทวนความจำตัวเองด้วย ตัวพี่แอ้ว-อำไพพร ผู้กำกับ ก็ช่วยเราด้วยว่าอันนี้มันน้อยไป เพราะเดี๋ยวเราต้องไปตรงนี้ต่อนะ พี่เอ-ทินพันธ์ ผู้จัดก็ช่วยตะล่อมเราด้วย ว่ามันจะเป็นแบบนี้ เหตุผลที่มาที่ไปมันประมาณนี้ ถ่ายไม่เรียงค่ะละครไม่มีถ่ายเรียงอยู่แล้ว แล้วเหมือนดีใจ เสียใจ ตกใจ”

แล้วช่วงวัยมันกระโดดมั้ย? “มีบ้างค่ะ แต่พี่เอก็ใจดีมากๆที่พยายามจะให้เด็กก็คืออยู่ในช่วงเด็ก แต่ก็จะมีเด็กแล้วมีไปเป็นนักข่าว มันก็จะมีข้ามไป แล้วต้องสลัดให้ออก พี่แอ้วก็ด่าบ้าง แบบไม่ใช่ตะวันแล้ว”

ต้องคีพตัวเองยังไงให้ดูแตกต่างจาก 4 วัย? “เด็กมันคือไร้เดียงสาทำอะไรก็ทำ พูดอะไรก็พูด จะไม่ค่อยคิดให้ถี่ถ้วน แต่พอเข้าวัยมัธยมก็จะเริ่มพูดน้อยลง อะไรที่ควรจะพูด อะไรที่ควรจะเก็บ ก็จะมีเก็บไว้บ้างความลับ ส่วนพอเริ่มเข้ามหาวิทยาลัย อันนี้จะเรื่องความรู้สึกจะพูดได้มากน้อยแค่ไหนกับคนคนนี้คนคนนั้น จะเปิดเผยความรู้สึกมากน้อยแค่ไหน พอช่วงวัยทำงานมันก็จะเครียดอีกแบบหนึ่ง เหมือนในชีวิตคนเราเลย ที่ไม่ว่าจะช่วงวัยไหน ก็มีปัญหาเหมือนกันหมด แต่แค่จะรับมือไหวหรือเปล่า หรือมีใครคอยเป็นแบ็กหลังให้ไหม เครียดเหมือนกัน แต่ไม่ได้มีแค่ความเครียดอย่างเดียว แต่มันจะช่วยหาทางออกให้กับแต่ละสถานการณ์ของแต่ละคน ว่าถ้าคุณเจอเหตุการณ์แบบนี้คุณจะพึ่งทางไหน ทางนี้ถูก ทางนี้ผิดได้หมดเลย”

เรื่องนี้ถือว่ายากที่สุดตั้งแต่เคยเล่นมาเลยมั้ย? “ยากสุดค่ะ เพราะมันไต่ระดับไปหมดเลย คือการสวมบทเป็นนักข่าวเนี่ยยาก แล้วการอยู่รวมตัวกันของเรา 3 คน พี่เจมส์ โบว์ และไอซ์ เป็นอะไรที่ยากที่สุดแล้ว มันใช้เอนเนอร์จี้เยอะ”

อาเล็ก–ธีรเดช แฟนเราชื่นชมมากเลยบอกว่า โบว์เล่นน่ารัก? “ก็ดีค่ะ เค้าชมเป็นพาร์ตตอนเด็กด้วย ก็เลยยังดูน่ารัก น่าเอ็นดูอยู่ พอไปถึงพาร์ตที่เริ่มไม่น่ารักแล้ว จะมีพาร์ตที่แบบ หื้ม อีตะวัน”

จริงๆเค้ามาดูละครกับเราบ่อยมั้ย หรือมีฟีดแบ็กกับเรามั้ย? “ฟีดแบ็กกลับมาซะส่วนใหญ่ เพราะว่าตกดึกต่างคนก็กลับบ้าน เค้าก็ไปดูที่บ้านเค้า เราก็ไปดูที่บ้านเรา เค้าก็ถ่ายลงโปรโมตให้ด้วย ก็ขอบคุณนะคะ”

เค้ากังวลมั้ยกับฉากเลิฟซีน? “หนูว่ามันก็ไม่น่าจะกังวลอะไร เค้าก็แอ็กติ้งไปเรื่อย เค้าไม่กังวลหรอก เพราะว่ามันคือการทำงาน แต่ถ้าออกมานอกฉากแล้วยังเลิฟซีนกันต่อค่อยว่ากันไป”

เรื่องที่แล้วเค้าก็เลิฟซีนเยอะ พอเรื่องนี้เราเลิฟซีน เค้าจะกล้าดูมั้ย หรือปิดตาข้างเดียว? “ก็คงดูละมั้ง ไม่น่ามีอะไรหรอก แต่ไม่แน่ (ยิ้ม)”

มีเลิฟซีนเยอะมั้ย? “ก็ต้องรอดูค่ะ มันก็ตามสมควรของแต่ละซีนที่ควรจะมี ไม่งั้นคนเรามันจะมีลูกกันได้ยังไงเล่า (ยิ้ม)”

...

ด้วยความที่มีเลิฟซีนกับเพื่อนเค้า เค้ามาดูที่กองเลยมั้ย? “ไม่ค่ะ ไม่ๆ จะมีแค่วันนั้นที่มา คือซีนที่มีการยิงปืนกัน ไม่ได้มาฉากเลิฟซีน เค้าอยากมาเห็นว่าการทำงานของเราเป็นยังไงบ้าง เค้าก็ได้เห็นว่า โอเคเวลาทำงานทุกคนจริงจังกันมากๆ ไม่จับโทรศัพท์อะไรอย่างนี้”

หรือเค้ามาดูลาดเลา? “ไม่นะ วันนั้นแทบจะมาซีนที่จะปิดกล้องแล้วค่ะ งานใครงานมันไม่ยุ่ง จริงๆปกติพี่เล็กจะไม่ค่อยมากองด้วย แต่มาเรื่องนี้เพราะว่ามาหาเพื่อน (หัวเราะ) ไม่ได้มาหาเรา”.

อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่