ยืนหนึ่งเป็นนักโหราศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญทั้งเรื่องฮวงจุ้ย การทำนายดวง มีชื่อเสียงยาวนานข้ามยุคแทบไม่มีใครไม่รู้จัก “หมอช้าง-ทศพร ศรีตุลา” ผู้เช็กดวงชะตาผู้คนมากมายมาแล้วทั่วทุกวงการ ที่เพียง “หมอช้าง” เปิดดวงทักราศีไหนก็เรียกว่าสะเทือนทั้งวงการ ไม่ว่าจะดวงการเงิน การงาน ดวงแต่ง มีข่าวดี หรือดวงมีความรัก รวมไปถึงซุปตาร์วงการบันเทิง เมื่อราศีของนางเอกสาวสวย อั้ม-พัชราภา ไชยเชื้อ, แอฟ-ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ ฯลฯ เข้าข่ายคำทำนายก็กลายเป็นประเด็นทอล์กออฟเดอะทาวน์แทบทุกครั้ง อีกทั้งหมอช้างยังแนะนำการทำบุญ ไหว้ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นที่พึ่งพิงทางใจของประชาชน เมื่อได้ร่วมเดินทาง “ทริปอิ่มบุญ ไหว้พระเสริมดวง อินฮ่องกง กับ อ.ช้าง ทศพร ศรีตุลา” ที่จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ร่วมกับทรูมูฟ เอช และดีแทค จัดกิจกรรมสุดพิเศษสำหรับลูกค้าทรูมูฟ เอช และดีแทค ที่สมัครบริการ SMS บันเทิงจากแกรมมี่ เลยชวน “หมอช้าง” นั่งคุยแบบที่ไม่ต้องเปิดดวงแต่มาเปิดใจ กับโลกแห่งคอนเทนต์สายมูจะไปไกลแค่ไหน จะมีหมอดู นักพยากรณ์แปลกใหม่ก้าวเข้ามา แต่ “หมอช้าง” ก็ยังยืนหนึ่ง!!
ไม่ว่ากี่ปีผ่านไปความเป็น “หมอช้าง” ก็ยังยืนหนึ่ง!! หลักในการทำงานของหมอช้าง คืออะไร?
“จริงๆ ผมเป็นคนทำงานแล้วไม่ค่อยดูเวลา คือไม่ดูว่าเราทำมานานแค่ไหน สิ่งที่เรายังคิดอยู่เสมอคือเรายังเป็นหมอดูหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรง (ยิ้ม) คือสมัยก่อนเนี่ยทุกคนเวลามาสัมภาษณ์ผม จะใช้คำนี้ว่าเราเป็นหมอดูหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรง ซึ่งเราก็ยังเข้าใจว่าตัวเราเป็นอย่างนั้นอยู่ เพราะเราทำงานเราไม่ได้สนใจว่าทำมากี่ปี แล้วก็ยังคิดว่าเราเป็นเด็กอยู่ แต่จริงๆผมว่าเกิน 20 ปี นะ เพราะว่าผมเคยไปดูฮวงจุ้ยบ้านหลังหนึ่ง เค้าจดไว้ว่าคือปี 2545 ซึ่งผมทำงานมาก่อนหน้านั้นนานอยู่ ก็น่าจะเกิน 25 ปี สิ่งสำคัญคือเราก็ทำทุกอย่างเหมือน วันแรกๆ ความรู้สึกนี้มันทำให้เราไม่รู้สึกว่าฉันทำมานาน หรือขี้เกียจ เรายังรู้สึกว่าเรายังทำงานนี้เหมือนเด็กเพิ่งจบใหม่ เรามีแพชชันในการทำงานอยู่ตลอด ดังนั้น ผมว่าสิ่งนี้เป็นแรงกระตุ้นอันหนึ่งคนเราถ้าเกิดทำงานแล้วรู้สึกว่ามันเบื่อหน่ายหรืออะไรที่เราทำแล้วไม่ชอบมันจะใช้เวลาอยู่กับเรานาน แต่ถ้าเรามีความสุขกับสิ่งที่เราทำ มันทำให้เราทำทุกงานได้อย่างเต็มที่ อันนี้เป็นปัจจัยสำคัญ ผมเชื่อว่าคุณภาพของการทำงานมันขึ้นอยู่กับว่าเราทุ่มเทกับสิ่งที่เราทำ ไม่ว่าจะอาชีพอะไรก็ตาม ถึงเราทำเป็นนักโหราศาสตร์เป็นหมอดู หรือเป็นวิทยากร ผมก็ทำทุกงานเหมือนกัน เราเต็มที่ทุกอย่าง อันนี้ก็น่าจะเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้คนเขาชอบเราในเชิงของผลงานมากกว่าในเรื่องอื่นๆ”
...
มองอย่างไรกับยุคนี้วงการหมอดูมีคอนเทนต์อะไรแปลกๆมากมาย?
“ผมว่าทุกๆอย่างมันก็เป็นยุคแห่งการเรียนรู้นะครับ เหมือนตอนเราเล่นโซเชียลใหม่ๆ เราก็ต้องเรียนรู้และก็ต้องปรับตัว ในวงการโหรา ศาสตร์ก็เหมือนกัน วันนี้มันเป็นยุคที่ไม่มี กบว.หมือนในสมัยก่อน ไม่มีใครมาช่วยคัดกรองคอนเทนต์ สมัยก่อนเราจะศึกษาเรื่องโหราศาสตร์เราต้องศึกษาด้วยตำรา จะออกหนังสือเล่มหนึ่งถ้าไม่มีความรู้จริง ออกไม่ได้หรอก แต่ปัจจุบันคอนเทนต์แค่ 15-30 วินาที ไม่จำเป็นต้องมีความรู้ คุณก็กลายเป็นหมอดูขึ้นมาได้ แต่ข้อดีของในยุคนี้ก็คือว่าเราก็หาความรู้ได้ง่ายขึ้น ดังนั้น ผมเลยย้ำเสมอว่าใครที่ชอบเรื่องไหนคุณต้องศึกษา ก่อนที่คุณจะไปตัดสินหรือจะไปเลือกเชื่อใครเราจะซื้อเพชรเราต้องดูเพชรเป็น ถ้าคุณคิดจะซื้อเพชร 10 กะรัต แต่ไม่มีความรู้เรื่องเพชรเลย คิดแค่ว่าร้านนี้คนไปกันเยอะดาราไปซื้อเยอะ แล้วคิดว่าจะเป็นของจริงมันก็ไม่ใช่ ดาราก็โดนหลอกเยอะ โดนหมอดูหลอกก็เยอะ สุดท้ายมันก็จะกลับมาที่เรื่องเดิมว่าเราเองต้องศึกษาหาความรู้ไม่ต้องถึงขั้นเซียน ขอให้พอรู้ติดตัวจะได้รู้ว่าสิ่งที่คุยอยู่ จริงหรือไม่จริงเพราะเราดูจากโซเชียลไม่ได้ เราตัดสินว่าคนนี้เป็นหมอดูจากติ๊กต่อกหรือยอดวิวไม่ได้ บางทีก็เอาคอนเทนต์ของอีกคนมาพูดต่อ ซึ่งเรื่องนี้ผมก็ตัดสินให้ไม่ได้ด้วย เพราะเราไม่ใช่กรรมการ แต่ทุกคนตัดสินด้วยตัวเองได้ถ้าเรามีความรู้มีความเข้าใจในเรื่องนี้”
ที่ผ่านมาหมอช้างเหมือนเป็นซอฟต์พาวเวอร์กับสถานที่มู พอหมอช้างแนะนำ คนก็แห่ตามไป?
“สมัยก่อนหมอดูไม่ได้มีเยอะ เราพูดปึ้งเดียวจบแต่สมัยนี้เราก็จะเป็นเหมือนต้นน้ำของคอนเทนต์แรงกระเพื่อมมันเลยยิ่งเยอะกว่าเดิม สมมติว่าเราพูดเรื่องนี้ ไหว้พระราหูที่นี่ มันก็จะมีในติ๊กต่อกอีกร้อย อีกพันแอ็กเคาต์ที่ทำคอนเทนต์นี้ไปต่อ บางทีไปถึงปลายทางอาจจะไม่รู้ว่าต้นทางมาจากไหน เลยทำให้เรื่องความมูทั้งหลาย ทั้งสถานที่ สิ่งของ สี หรืออะไรก็ตามมันก็ยิ่งแพร่หลายมากขึ้น ผมเชื่อว่าคอนเทนต์ในโลกออนไลน์ที่เป็นคอนเทนต์เรื่องมูครึ่งหนึ่งเป็นของเราที่เราทำ เพราะเราทำมานาน เราไม่ได้เพิ่งทำเราทำมาเป็นสิบๆปีตั้งแต่มันมี Facebook ตั้งแต่มันมีอินเตอร์เน็ต”
แล้วปีนี้แนะนำมูที่ไหนดี? “ที่ทำบุญส่วนมากจะเป็นสถานที่ที่มีมานาน สำหรับผม ผมชอบภูเขาทอง วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร ส่วนมากเราเห็นแต่ในรูป มีแต่นักท่องเที่ยวไป พระบรมบรรพต หรือภูเขาทองเป็นเจดีย์บนภูเขาจำลองตั้งอยู่วัดสระเกศ เป็น สัญลักษณ์ เป็นแลนด์มาร์ก ของกรุงเทพมหานคร เป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่อัญเชิญมาจากอินเดียอยู่ด้านบน แต่จริงๆคือมี 2 ส่วน ที่คนไม่ค่อยรู้ มีอีกส่วนหนึ่งซึ่งของเดิมเป็นส่วนที่เหลือจากการบรรจุบนพระบรมบรรพต ภูเขาทอง ซึ่งลูกหลานของพระยายมราชได้นำกลับมาถวายที่วัด เรามีของดีอยู่ใกล้ตัวนะครับ อันนี้เป็นเรื่องของประวัติศาสตร์”
...
หลายสถานที่และพิธีบูชาที่หมอช้างแนะนำ ก็สร้างรายได้หมุนเวียนเศรษฐกิจ?
“มันก็มีทั้งดีใจแล้วก็มีทั้งผิดหวัง คือดีใจ เช่น ผมชอบแนะนำให้คนไปทำบุญที่โรงพยาบาลสงฆ์ คนหลั่งไหลไปตั้งแต่เช้ายันเย็น อันนี้เราดีใจที่เราก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้แบบมีเงินไปสนับสนุนโรงพยาบาลที่ดูแลพระสงฆ์ที่อาพาธ แต่บางอย่าง อย่างเรื่องพระราหู ผมจะบอกว่าใครอยากไหว้ก็จัดของไหว้ที่บ้าน พอหลังๆคอนเทนต์มันบูม มันก็เกิดการไปเช่าที่วัดเพื่อไปจัดอีเวนต์ไหว้พระราหูแล้วก็ไปเก็บเงินเข้าตัวเอง เข้าวัดได้นิดนึง กลายเป็นเรารู้สึกว่า วัตถุประสงค์เราไม่ได้อยากให้มันเป็นพุทธพาณิชย์ในแบบนั้น จะเห็นว่าเอะอะอะไรผมก็จะพยายามให้ไหว้ที่บ้านจะได้ไม่ต้องไปเกี่ยวข้องกับธุรกิจอะไร แต่เวลาบอกแบบนี้คนก็ไม่ค่อยชอบเราเยอะ เพราะมันก็มีคนที่เสียผลประโยชน์จากเรื่องธุรกิจตรงนี้เยอะ เป็นเม็ดเงินมหาศาลนะครับ หรือบางทีเราก็จะถูกแอบอ้างในเพจปลอมผมเต็มไปหมด คือส่งฟ้องทุกเดือนนะครับ แจ้งความปุ๊บมันก็เปลี่ยนชื่อใหม่ เอาไปขายเครื่องรางต่างๆ”
สำหรับหมอช้างการทำบุญกับการมูมีเส้นแบ่งยังไง?
“ผมมองว่าบุญเนี่ย มีผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นที่ไม่ได้แค่ตัวเราอย่างเดียว ผลแห่งบุญมันเกิดขึ้นกับสาธารณประโยชน์ เกิดขึ้นกับสังคม ศาสนา การทำบุญไม่ใช่ว่าต้องเข้าวัดอย่างเดียว เราไปทำอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม หรือแค่เราเป็นคนกตัญญูก็เรียกว่าบุญ แต่ตอนนี้เวลาไปทำบุญบางทีทุกอย่างกลายเป็นคำว่ามูไปหมด อย่างเราไปลงนะหน้าทอง สักลายมือ มันเป็นผลกับตัวเราอย่างเดียว มันเลยต่างกันตรงที่ผลลัพธ์เกิดจากการกระทำเน้นที่ตัวเราเป็นหลัก หรือเป็นผลที่ได้ทั้งตัวเราด้วยและสังคม สาธารณประโยชน์ ศาสนา แต่ไม่ได้บอกว่าคนที่ไปมูผิดนะครับ”
...
นอกจากเป็นที่พึ่งพิงทางจิตใจประชาชน ดาราเวลาถูกหมอช้างทักก็สะเทือนวงการมาก?
“จริงๆต้องบอกว่าผมดูดวงให้ทุกอาชีพทุกวงการ ผมดูให้วงการไอที ดูให้วงการธนาคาร แต่คนอาจจะเห็นวงการบันเทิงเยอะกว่าเพราะว่าเค้าเป็นบุคคลสาธารณะ บางเรื่องเนี่ยเอาจริงๆส่วนมากอะไรที่เราเตือน เราก็จะโทร.ไปบอกกัน ผมทำงานมา 20 กว่าปีแทบจะไม่เคยทายดวงดาราออกสื่อว่าคนนั้นคนนี้เป็นยังไง ยกเว้นแต่ว่าเรื่องนั้นมันเป็นข่าวไปแล้วหาว่าใครให้สัมภาษณ์ถึงเรา เราก็ใช้สิทธิพาดพิง แต่ว่าถ้าจะให้มาแบบปีนี้ดาราคนนี้เค้าจะเป็นยังไง ผมก็รู้สึกว่าสำหรับเรา ถ้าเราอยากบอกเค้า เราจะโทร.ไปบอก อันนี้ก็เป็นจรรยาบรรณในการทำงาน ทำอาชีพนี้ก็ต้องรักษาจรรยาบรรณรักษาความลับของคนที่เค้ามาขอคำปรึกษา ถ้าเราเอาเรื่องเค้าไปพูดหมดมันก็ไม่มีใครอยากมามาดูกับเรา คือยุคนึงก็จะฮิตการทายดวงดารา ใครจะแต่ง ใครจะท้อง ให้มีชื่อเสียง เราก็ไม่ได้สนใจตรงนั้น ถ้าเค้ามั่นใจไว้วางใจให้เรามาดูให้แล้วคงไม่อยากให้บอกใคร ในตัวผมความลับเต็มไปหมด (ยิ้ม)”
ตัวแม่อย่างอั้ม–พัชราภา ก็ถูกถามถึงบ่อยมาก?
“ผมโชคดีมากกว่าที่ได้มิตรที่ดี อย่างอั้ม เค้าเป็นคนที่ให้เครดิตเรา บางคนจะกลัวภาพลักษณ์ เจอหมอดูไม่กล้าถ่ายรูปลงรูปด้วย เดี๋ยวดูงมงาย ทั้งที่ตัวเองงมงายกว่าหมอดูอีก บางคนคือเค้าให้เครดิตเราโดยที่เราไม่ได้ร้องขอ ขอยกตัวอย่างอย่างพี่เบิร์ด-ธงไชย พี่เบิร์ดให้สัมภาษณ์แล้วพูดถึงผม ผมดีใจมาก จริงๆพี่เบิร์ดไม่ต้องพูดถึงเราก็ได้ เค้าเป็นระดับศิลปินแห่งชาติแล้ว ตอนนั้นมีสัมภาษณ์เรื่องดวงหรืออะไรไม่รู้ พี่เบิร์ดบอกว่าดูกับผมอยู่คนเดียว คือรู้สึกว่าเนี่ยเราโชคดี แล้วไม่แปลกใจที่คนเหล่านี้ก็เป็นซุปเปอร์สตาร์ เพราะเค้าจะเป็นห่วงคนรอบตัวเสมอ อั้มก็เป็นห่วงคนรอบตัว จิตใจดี เค้าเป็นคนชอบไหว้พระจัดทริปทำบุญ ถึงอยู่กันแบบเป็นเพื่อนเป็นพี่น้องกัน มีความทุกข์มีอะไรก็โทร.คุยกัน กินข้าวกันปรึกษากัน”
...
เวลาแซวข่าวดีแม่แอฟ–ทักษอร ก็สะเทือนวงการเหมือนกัน? “ตอนนั้นไม่ได้คิด แอฟก็ไม่ได้บอกเรา ก็ยิ้มๆ ก็ไม่คิดอะไรคิดว่าเป็นมุกในรายการเฉยๆ แต่ว่าก็ทายไปแล้วมันก็เกิดขึ้นว่ากันไปตามราศี”
ก็ทำให้เค้าใจฟู? “ผมว่าถ้าเค้ามีแฟนแล้วมีความสุขก็ยินดีนะ เพราะว่าคือโดยส่วนตัวเองเห็นแอฟทำงานหนักมาก เห็นถ่ายละครหนัก มันมีแบบโมเมนต์แฮปปี้ เอนจอย หรือว่าแล้วคนนั้นดูแลแอฟได้ ก็ยินดีด้วย ช่วงนี้เค้าหายไปแล้วไม่ติดต่อมานะครับ มีความสุข (หัวเราะ)”
แพลนงานของหมอช้างปีนี้เป็นไงบ้าง?
“จริงๆปีนี้สิ่งที่ตั้งใจคือทำเว็บไซต์ ผมทำงานมานานมากแต่ไม่เคยมีเว็บไซต์ตอนนั้นเริ่มทำช่องยูทูบก็ถือว่าสำเร็จในระดับที่เราพอใจนะครับ ก็ปีนี้คงจะมีเว็บไซต์ให้มันดูเป็นทางการหน่อย มีเพื่อเอาหลายๆอย่างมารวมกัน รวบรวมข้อมูลทั้งหมดแล้วก็อาจจะมีโปรเจกต์อะไรใหม่ๆ คือจะเริ่มได้อยู่แล้วต้องอยู่เมืองไทยก่อน” คำว่ายืนหนึ่งไม่สั่นคลอน? “ผมเนี่ยไม่ค่อยได้สนใจเรื่องคู่แข่งหรืออะไรเท่าไหร่ ส่วนมากเราก็จะโฟกัสกับคนใกล้ตัว เราอยากมีเวลาให้คนใกล้ตัวเยอะๆเพราะว่าถ้ารู้สึกว่าเราเป็นเบอร์ 1 เมื่อไหร่ วันนึงมันก็ต้องลงมาเป็นเบอร์ 2 เบอร์ 3 มันไม่มีใครอยู่ที่เดิมได้ตลอด ผมทำงานกับซุปเปอร์สตาร์มาเยอะ เราเห็นคนเหล่านี้เป็นตัวอย่าง เห็นว่าเค้าขึ้นเป็นอย่างนี้ได้ เพราะว่าเค้ามีวิธีคิดมีวิธีการทำงานแบบนี้”.
เรื่อง: สุภลัคน์ วุฒิกรีธาชัย