หลังจากที่มีข่าวผู้จัดละคร เรื่อง วิญญาณแพศยา ทางช่อง 8 ได้หอบหลักฐาน พร้อมด้วยทนายความขึ้นศาล ตามที่ได้ฟ้อง นักแสดงหนุ่ม บิ๊ก ทองภูมิ สิริพิพัฒน์ โดยสาเหตุเกิดจาก บิ๊ก เบี้ยวงานไม่มาถ่ายละครหลายครั้ง จนสร้างความเสียหายให้กองละครหลักล้าน 

ล่าสุดบทสรุปของประเด็นดังกล่าวก็จบลงด้วยดี โดยทั้ง 2 ฝ่ายสามารถไกล่เกลี่ยกันได้ โดยได้มีการตั้งโต๊ะแถลงข่าวในเรื่องนี้ ที่ ร้าน Goodbooy Riverview ท่าอิฐ จ.นนทบุรี ซึ่ง บิ๊ก ทองภูมิ มาพร้อมทีมทนายความ และทางฝั่งผู้จัดละคร บอย พีรพล และคุณอ้อ กนกวรรณ แห่งบริษัท กู๊ดบอย เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด พร้อมด้วยทนายความ ก็ได้มาเจอหน้าพร้อมกันทั้ง 2 ฝ่าย 

ซึ่ง บิ๊ก ได้มีการอ่านถ้อยแถลงคำขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และจะชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมด เป็นเงินกว่า 7 หลัก ด้าน บอย ก็ยอมรับคำขอโทษ และให้โอกาส บิ๊ก ในการร่วมงานกันได้เหมือนเดิม 

บิ๊ก "หลังจากที่มีข่าวออกมาเมื่อ 2 ปีที่แล้ว เกี่ยวกับที่ผมเทกองละคร ซึ่งเราก็รอเวลาที่จะออกมาพูด ซึ่งก็มีเรื่องหนึ่งที่ผู้ใหญ่มอบหมายให้ผมไปทำงาน ก็เป็นคำสั่งไม่ใช่เรื่องของการตัดสินใจของผม ก็บอกว่าจะไปทุกอย่างให้ จบ แล้วพอเคลียร์ทุกอย่างไปแล้ว เราก็มารู้อีกทีว่ามีคดีเรื่องการฟ้องร้องเกิดขึ้น

...

เราก็รอว่าผู้ใหญ่จัดการยังไง เมื่อรอเวลามาจนถึงทุกวันนี้ คราวนี้มันถึงเวลาแล้วเพราะมันได้รับผลกระทบทุกฝ่าย ผมก็รู้สึกว่าถึงเวลาที่เราจะหาทางออกที่สันติ สงบแล้ว ทุกคนได้ใช้ชีวิตกันอย่างปกติ และได้รับความเป็นธรรม ผมก็เลยออกมาเหมือนจบทุกอย่าง เพื่อที่ทำให้เราเดินหน้าต่อไปได้

วันนี้ดีใจมากๆ ได้มาเจอพี่ๆ ทุกคน ผมกับพี่บอยทำงานมา ทีมงานนี้เป็นทีมที่น่ารัก ส่งบทตรงเป๊ะๆ เราเคยทำงานกันมา 10 ปีแล้ว อย่างที่บอก ผมก็ทำงานตามคำสั่งทุกอย่าง มันไม่ใช่การตัดสินใจของผม ซึ่งต่อไปนี้ ผมจะขอพูดว่า 

เนื่องจากกระผมมีเหตุพิพาทการถ่ายทำละครเรื่อง วิญญาณแพศยา กับบริษัท กู๊ดบอย เอ็นเตอร์เทนเมนต์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้จัดละครเรื่อง วิญญาณแพศยา กระผมกราบขอโทษ คุณบอย พีรพล และคุณอ้อ กนกวรรณ และบริษัท กู๊ดบอย เอ็นเตอร์เทนเมนต์ จำกัด ด้วยความจริงใจ 

เนื่องด้วยกระการทำและการตัดสินใจที่ผิดพลาดของผมในขณะนั้น เป็นเหตุให้การถ่ายทำละครต้องล่าช้า ทำให้บริษัท กู๊ดบอย เอ็นเตอร์เทนเมนต์ จำกัด ได้รับความเสียหาย ทั้งผู้ร่วมงาน ไม่ว่าจะเป็นดารา และทีมงาน ต้องได้รับความเดือดร้อนจากการกระทำ การตัดสินใจที่ผิดพลาดของผมในครั้งนั้น

กระผมจึงกราบขอโทษคุณบอย พีรพล คุณอ้อ กนกวรรณ และบริษัท กู๊ดบอย เอ็นเตอร์เทนเมนต์ จำกัด ทนายทุกคน ทีมงานทุกคน ผู้ใหญ่ทุกคน ดาราทุกคน ในการที่เกิดเรื่องนี้

หวังว่า คุณบอย พีรพล คุณอ้อ กนกวรรณ และบริษัท กู๊ดบอย เอ็นเตอร์เทนเมนต์ จำกัด และทีมงานนักแสดงที่เกี่ยวข้อง ที่ให้โอกาสกระผม ในการเปิดโอกาสร่วมงานกันอีกครั้ง ทั้งช่วยหางานให้กระผมด้วยครับ"

เรื่องราวที่เกิดขึ้น มองยังไง?

บอย พีรพล "มองว่าน้องเขาก็ได้รับบทเรียนในสิ่งที่เขากระทำ เขาก็น่าจะโตขึ้น เป็นผู้ใหญ่ขึ้น รับผิดชอบงานมากขึ้น ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ชีวิตในการทำงานของน้องเขา ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีที่ทำให้เขาพัฒนาตัวเองต่อไปได้ด้วยครับ"

ต้องมีการชดใช้ไหม?

บอย พีรพล "ก็มีตามประมาณการ"

ทนายฝั่งบอย "เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาก็เป็นการผิดสัญญา เป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นทั่วไป เหตุการณ์นี้จบลงด้วยการยอมความทั้ง 2 ฝ่าย คุณบิ๊กเองยอมรับ อย่างที่แถลงข่าวไป ขอโทษและยอมรับผิดในสิ่งที่เกิดขึ้น และชดใช้ค่าเสียหาย ซึ่งข้อตกลงตรงนี้ คุณบิ๊กได้ชดใช้ เยียวยาให้กับกองถ่าย เป็นจำนวนเงิน 7 หลัก 

เพราะว่าทางกองถ่ายเสียหายพอสมควร ซึ่งบริษัทก็พอใจ เพราะความเสียหายเกิดขึ้นจริง แต่ละอย่างมีต้นทุนค่อนข้างสูง เพราะฉะนั้นการที่คุณบิ๊กไม่ได้มาถ่าย แล้วก็ถ่ายไปแล้วเสียหายไป ก็เสียหายเป็นเงินหลายล้าน คุณบิ๊กได้ยอมรับผิดและยินยอมที่จะชดใช้ให้ ทุกอย่างก็จบลงด้วยดี แต่ก็ไม่ได้เร่งรัดที่จะให้รีบหาเงินมาใช้ ให้ทยอยใช้"

...

ก่อนหน้านี้มีการเจรจามากน้อยแค่ไหน?

ทนายฝั่งบอย "เราฟ้องปลายปี 65 เริ่มเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของศาลนัดแรกประมาณต้นปี 66 แต่ทางศาลมองว่าคดีความลักษณะนี้ทั้ง 2 ฝ่ายพูดคุยกันได้ ก็เลยเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยกันก่อน ซึ่งศาลเป็นคนกลางให้ มีการดำเนินการไป 2 ครั้งแต่ไม่สำเร็จ อาจจะเป็นเพราะเงื่อนไขหรือเวลา เพราะจากข้อมูลทางคุณบิ๊ก มันก็เป็นเรื่องน่าเห็นใจนะครับ แต่ว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของคุณบิ๊ก พอคุณบิ๊กไม่มาถ่ายทำตามสัญญา ก็เป็นความเสียหายต่อกองถ่าย ไม่ใช่แค่บริษัท แต่มีดาราอีกหลายชีวิตในกอง 

เพราะฉะนั้นการเจรจาตอนนั้นเลยไม่สามารถตกลงกัน แต่คดีที่มันข้ามมาปี 67 ก็ใช้เวลาเยอะพอสมควรกว่าจะนัดวันได้ เมื่อถึงวันที่สืบพยาน คุณบิ๊กเองก็แสดงความจริงใจ ก็ตกลงที่จะชดใช้ ก็เลยเป็นที่มาว่า ตกลงกันด้วยดีครับ"

ทนายฝั่งบิ๊ก "คุณบิ๊กไปทำงาน มันเป็นการเบียดเบียนเวลาระหว่างทางผู้ใหญ่กับบิ๊กที่ต้องมาถ่าย ผู้ใหญ่ก็ยื่นคำขาดกับบิ๊กว่า ไม่ต้องไปทำแล้วเดี๋ยวเขาเคลียร์เอง ซึ่งทางบิ๊กก็ไม่ทราบ มาทราบเรื่องตอนที่โดนฟ้องแล้ว ซึ่งทางผู้ใหญ่ก็รับปากว่า เรื่องการเสียหายก็จะเจรจาจัดการให้ จนมาถึงศาลนัดสืบพยาน ซึ่งเราก็คุยกันมาตลอดว่า เรื่องนี้ทางผู้ใหญ่คงไม่ได้มาดูแล ซึ่งทางคุณบิ๊กบอกว่า ไม่เป็นไร เดี๋ยวเรื่องนี้บิ๊กจัดการเองนะครับ 

เรื่องนี้ต้องขอบคุณทางผู้จัดเอง ที่ลดค่าเสียหายบางส่วนที่ฟ้องไป ยอดเงินตัวหนึ่งที่ทางคุณบิ๊กรับได้ และก็เจรจากัน ซึ่งเรื่องนี้ทางผู้ใหญ่ที่เลือกเขาใช้งานก็มายุ่งแล้ว แต่มันเป็นเรื่องที่ทางคุณบิ๊กต้องหาเงินจ่ายเอง"

...

พอบอกได้ไหมว่าทางผู้ใหญ่ที่ว่าคือใคร?

ทนายฝั่งบิ๊ก "เราขอไม่ก้าวล่วงดีกว่าครับ เดี๋ยวมันจะแตกลูกแตกหลานไป"

คุยกับทางบิ๊กว่ายังไง?

บอย "ก็ตามเงื่อนไขที่บอกไป น้องเขาก็ขอโทษ สำนึกผิด แล้วก็ยอมรับในสิ่งที่เขาทำ ฉะนั้นเราก็ต้องให้โอกาสเพื่อที่เขาได้ดำเนินชีวิตต่อไปเหมือนกัน"

บิ๊ก "ผมไปเจอเขาก่อนตั้งแต่วันที่เป็นเรื่อง ผมไปหาพี่อ้อแต่วันนั้น ผมขอโทษและเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นมาตลอด ซึ่งเขาก็เข้าใจเรา และหาทางแก้ปัญหา สุดท้ายผมว่ามันไม่มีอะไร ทุกคนพอถึงเวลาก็หาทางออก ผมว่าเราไม่ได้เกลียดกันหรืออะไร ผมว่าพอถึงเวลาแล้วก็ช่วยกันแก้ปัญหาให้ได้"

จะมีการทำงานร่วมกัน ช่วยกันหางาน จะแบ่งกันยังไง?

บิ๊ก "เดี๋ยวพี่เขาก็ช่วยเรา พอรู้เรื่องที่เกิดขึ้นทุกคนก็จิตใจดี"

บอย "ถ้าน้องเขารับรู้กับสิ่งที่เกิดขึ้น และพร้อมจะแก้ไข โอกาสหน้าถ้างานเราก็พร้อมที่จะให้โอกาสเขาเช่นกัน ยังร่วมงานกันได้"

บิ๊ก "ตอนอยู่ในกองเราก็ยังเล่นกันได้ คือมันไม่มีเรื่องอะไรเลย แต่อย่างที่บอกพอบางอย่างมันเกิดสถานการณ์ขึ้นแบบที่ไม่มีใครคาดคิด แต่เจตนาเรามันไม่ใช่ เพราะถ้าเราเป็นคนไม่ดีทำแบบนี้ เราก็ทำมาตั้งนานแล้วสิ"

...

นอกจากชดใช้เงินแล้วมีอะไรบ้าง?

บอย "บิ๊กเขาบอกจะมาช่วยร้องเพลงที่ร้าน"

จากนี้จะคุยอะไรเพิ่มเติมไหม? 

บอย "อย่างที่น้องเขาบอก เขารับรู้แล้วกับสิ่งที่ตัดสินใจผิดพลาด ว่ามันเกิดผลอะไรสำหรับตัวเขาและคนอื่น เป็นประสบการณ์ในชีวิตการทำงานของเขา ที่ต่อไปจะไม่ต้องผิดพลาดแบบนี้อีก และทุกคนก็ให้โอกาสได้"

เราจะยังไงต่อไปกับงาน เพื่อที่จะไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก? 

บิ๊ก "ถึงเวลาเราก็ทำตามหน้าที่ของเรา สำหรับผมทุกอย่างที่เกิดขึ้น มันเป็นเหมือนอุบัติเหตุอย่างหนึ่ง ที่มันไม่มีใครอยากให้เกิด แต่โดยส่วนตัวผมไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็แล้วแต่ หากเราแก้ปัญหาได้เพื่อความสงบสุข เรายินดี ยอมลงเพื่อที่ทุกอย่างจะได้จบ และก็ไม่มีปัญหา ส่วนเรื่องข้อปฏิบัติในการทำงานเราก็ทำเหมือนเดิม หมายความว่า ถึงเวลาเราก็อยู่ในระเบียบวินัยของการอยู่ในอาชีพดารานักแสดง เราไปทำอะไรเราก็ทำเหมือนเดิมเหมือนที่เราเคยทำมา เพราะอย่างที่ผ่านมาเราก็ไม่เคยมีปัญหาอะไร แต่เพิ่งมามีตอนนี้ ซึ่งความจริงมันไม่ได้มีแค่เราตรงนี้แต่มันยังมีคนอื่นอีก แต่ไม่อยากดึงใครเข้ามา สิ่งที่เราทำได้คือยืดอกรับและก็จบ ถ้าเรายอมคนเดียวคือจบแล้วทุกคนแฮปปี้"

เรื่องนี้เป็นข่าวมานานแล้ว มันกระทบกับงานของเราไหม?

บิ๊ก "เราไม่ได้โฟกัสเรื่องนั้นเลย พอเรื่องเกิด ก็คือเกิด เพราะงานของเราไม่ได้มีแค่ดาราอย่างเดียว เรายังมีงานสังคมที่ต้องช่วยเหลือคนอื่นอีกมากมายที่เราต้องทำ".