ถือเป็นผลงานหนังเรื่องแรกในปี 2567 จากค่ายหนังอารมณ์ดี จีดีเอช ที่คงต้องบอกว่าเป็นการคัมแบ็กมาด้วยหนังดราม่าครอบครัวอย่าง "หลานม่า" ที่เข้ากับช่วงเข้าเทศกาลเช็งเม้งและวันสงกรานต์ ที่ทุกครอบครัวจะได้มีโอกาสกลับมาพร้อมหน้ากันอีกครั้ง
แน่นอนว่านักแสดงถือเป็นเบอร์หนึ่งที่ชูหนังเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี อย่าง บิวกิ้น พุฒิพงศ์ กับการแสดงหนังอย่างเต็มตัวเป็นเรื่องแรกของเขา ที่แทบจะไม่ต้องกังวลอะไรเลย โดยเฉพาะเมื่อได้บทดราม่าที่ทักษะกับความสามารถของเขารับมือได้สบาย ๆ
รวมไปถึงนักแสดงหน้าใหม่ในวัย 76 อย่าง ยายแต๋ว อุษา เสมคำ ที่ถือว่าเป็นดาราหน้าใหม่ และได้ชิมลางเล่นหนังเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกในชีวิต เพราะการแสดงที่ใช้ความเป็นธรรมชาติของผู้สูงวัยได้อย่างเหมาะเจาะ ส่งและรับบทกับบิวกิ้นได้อย่างลงตัว ถือเป็นความกลมกล่อมที่กำลังพอดี
...
ซึ่งทาง บันเทิงไทยรัฐออนไลน์ ขอยกให้เป็นหนังไทยที่ 1 ในใจประจำปีนี้ ณ ตอนนี้เลย เพราะเป็นหนังที่สะท้อนภาพตัวเองในฐานะคนเป็นลูก ว่าเราเคยหลงลืมคนในครอบครัวที่เรารักไปบ้างไหม พอตระหนักตาม และมีประสบการณ์ร่วม จึงทำเราร้องไห้น้ำตาอาบสองแก้มแบบกลั้นไม่อยู่ ยิ้มทั้งน้ำตาไปกับครอบครัวที่มีมิติครอบครัวนี้
แม้จะเป็นหนังเรื่องแรกของทั้ง บิวกิ้น และ ป้าแต๋ว อุษา แต่ความเป็นธรรมชาติ และจิตวิญญาณในตัวละคร ทำให้เรารักและเข้าใจตัวละครในทุกขณะ อีกทั้งยังสะท้อนภาพความชายเป็นใหญ่ ที่ลูกผู้ชายมักจะได้ความดีความชอบ โดยปล่อยให้ลูกผู้หญิงเดียวดายกับความเศร้า และยังต้องทำหน้าที่ลูกที่ดีต่อไป
และหนังยังบาลานซ์ฉากดราม่าได้เป็นอย่างดี ไม่โหมหนักจนเกินพอดี แต่เล่าอย่างเรียบๆ แต่ด้วยความธรรมชาติของนักแสดงทุกคน ช่วยส่งให้เราน้ำตาไหลออกมาเอง พอดูแล้วอยากจะรีบกลับไปกอดคนที่บ้านทันที เพราะหนังได้กระตุ้นต่อมให้เราได้ทบทวนตัวเองขึ้นมาว่า "วันนี้เราได้มีเวลาให้เขาเท่าไร และเขาจะยังมีเวลาอยู่กับเราถึงตอนไหน"