ได้รับโอกาสทำงานที่หลากหลายในวงการบันเทิง ทั้งการแสดงละคร ซีรีส์ ละครเวที ภาพยนตร์ แต่หนุ่ม “ตู่-ภพธร สุนทรญาณกิจ” ก็ไม่ทิ้งบทบาทศิลปินที่ตัวเองรัก ขอกลับมาทวงบัลลังก์เจ้าพ่อเพลง Pop R&B ส่งเพลงบาดลึก “เริ่มใหม่ครั้งสุดท้าย (Final Take) Feat. MILLI” สร้าง เซอร์ไพรส์ดึง “MILLI (มิลลิ)” แร็ปเปอร์สาวสุดแซ่บแห่งยุคนี้มาร่วมงานกันครั้งแรก เพลงพูดถึงการจากลาของคนรักกันที่ขอโอกาสอีกสักครั้งในการแก้ตัวใหม่ครั้งสุดท้าย เลยชวน ตู่ มาเปิดใจถึงไฟในการกลับมาทำเพลงและชีวิตตอนนี้ เริ่มจาก
“เพลงนี้ถือเป็นการคัมแบ็กในเรื่องการทำเพลงที่เป็นเราในรอบ 3-4 ปี จริงๆทำเพลงมาตลอดแต่ว่ามีความลังเลที่จะปล่อย มีความรู้สึกว่าดีพอมั้ย คิดเยอะแต่ก็คิดว่ามันต้องทำแล้ว รู้สึกว่าการเป็นศิลปินมาสิบกว่าปี เราร้องเพลงมาเยอะแต่อยากทำเพลงที่มันบอกได้ว่าคือตัวเราเลย จุดเริ่มต้นก็คืออยากชวนเติร์ด Tilly Birds มาเขียนเพลงให้ เพราะชอบงานเพลงวงเค้า เลย DM ไปชวน แล้วผมได้ไปร่วมงานให้เค้า เลยขอเค้ามาแต่งเพลงให้ จากนั้นนัดวันมานั่งแต่งด้วยกันเลย เค้าจะเขียน คอนเซปต์เพลงที่เก็บไว้ในสมุด เลยเอาอันนี้เรื่องนี้ออกมาใช้ ผมก็ใส่ทำนองกับคอร์ดดนตรีเข้าไปแล้วก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่างพอเขียนจบคิดว่าน่าจะมีผู้หญิงมาฟีเจอริง ซึ่ง มิลลิ เป็นคนที่เราสนใจ เลยส่งเดโม่ไปให้ทางค่ายฟัง มิลลิ เค้าชอบเลยเพราะเป็นเรื่องที่เค้ากำลังรู้สึกอินพอดี แล้วน้องก็เขียนท่อนของน้องเองเป็นภาษาอังกฤษ เค้าบอกว่าเพลงที่เค้ารู้สึกว่าเขียนยากที่สุดคือเพลงรักเพราะเวลาเค้าเขียนทุกอย่างมันมาจากตัวเค้า วันนั้นที่เค้าเขียนคือปล่อยให้เค้าอยู่ในห้อง ปิดไฟ ร้องไห้นั่งเขียนเลยเพลงนี้ ด้วยความผมไม่ได้ทำเพลงมานานแล้วเราก็ไม่ได้อยากจะหลุดจากความเป็นตัวเอง แต่ว่าอยากทำดนตรีที่ได้แรงบันดาลใจจากยุคสมัยนี้ด้วย ซึ่งน้องที่มาช่วยเรียบเรียงเพลงคือ มิค-เพชรภูมิ ที่ทำเพลงให้ AUTTA การได้ร่วมงานกับน้องๆวัยรุ่น มันเหมือนจุดไฟเรา อยากทำอะไรใหม่ๆ นักดนตรีศิลปินรุ่นใหม่เค้ามาครบเครื่องเลย ทำให้เราอยากตื่นเต้นในการทำงานมากขึ้น สำหรับผมรู้สึกว่าเพลงนี้น่าจะเป็นเพลงที่แฟนๆของผมรอคอย ส่วนคนฟังใหม่ๆก็น่าจะเข้าถึงคนได้ MV เราก็รู้สึกดีมากๆ ทีมดีทุกอย่างดี มันมีความเป็นภาพแสงสีแบบที่คนไม่คุ้นเคย และพอมองเป็นหนังปุ๊บก็เลยอยากทำอะไรมันส์ๆ เราก็ทุ่มเต็มที่แบบไม่มีอะไรมายั้งเรานอกจากค่าเล่าเรียนลูกเท่านั้นเอง (ยิ้ม) ส่วนคาดหวังกับเพลงนี้แค่ไหน รู้สึกว่าไม่คาดหวังนะแต่แค่รู้สึกว่าอะไร ทำยังไงก็ได้ให้คนมีโอกาสได้ฟังผ่านหูสักครั้งหนึ่ง แล้วจะชอบไม่ชอบก็อีกเรื่องหนึ่ง อย่างน้อยคนดู MV เพลงนี้ต้องบอกว่า อยากทำ MV แบบพี่เค้า”
...
การทำเพลง ร้องเพลง ยังเป็นงานที่รักที่สุด?
“มันก็คือเราที่สุด จริงๆมันที่สุดทุกอย่าง เรื่องแสดงมันเป็นตัวเราไปแล้วแต่ร้องเพลงมันก็เป็นสิ่งที่เราขาดไม่ได้ การไปทำงานอย่างอื่นมันก็ชอบ เราซื่อสัตย์กับงานเรา ผมรู้สึกว่าเรายังเป็นนักร้อง คนยังคงให้เราไปร้องที่โน่นที่นี่ มีคนรอที่จะฟังเราอยู่ ทุกครั้งที่ออกไปเล่นมันเป็น Challenge การทำให้คนฟังสนุก มีความสุขมันไม่ง่าย เราจะต้องเอาชนะใจคนดูทุกครั้ง เลยรู้สึกว่าทุกเวทีที่ขึ้นมันไม่ได้เหมือนเดิมทุกวัน อยากทำให้มันดีทุกๆงานไม่ว่าจะงานเล็กงานใหญ่ เลยเต็มที่ตลอด”
ตู่-ภพธร ทำมาเกือบหมดแล้วในวงการ?
“ทุกอย่างมันนำพาเราให้มันมาถึงจุดนี้ หมายความว่า เราร้องเพลง เล่นละครเวทีมันก็มาจากร้องเพลงเพราะว่ามันเป็นละครเพลง จนพาไปให้มีโอกาสได้เล่นละคร แล้วก็เป็นหนัง งานพากษ์เสียง ทุกงานก็มีอะไรให้เรียนรู้ตลอด ตั้งแต่วันแรกที่ร้องเพลงก็ไม่เคยคิดว่ามาถึงตรงนี้ เคยคิดแค่ว่าโชคดีที่มันมีประตูเปิดให้เราได้ลองทำนู่นนี่นั่นเยอะขนาดนี้ แต่ไม่ได้มานั่งคิดว่าแบบโอ้โหต้องจุดนี้มันคือสุดยอดมาก แค่รู้สึกดีเฉยๆ ดีใจที่มันมีโอกาสเปิดให้แล้วก็ถ้าเราเลือกที่จะทำแล้วความเป็นตัวเรา เราจะต้องทำให้มันดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ ณ เวลานั้น และอาจจะเพราะผมทำงานตั้งแต่เด็กมั้งครับเลยรู้สึกว่าโอกาสในการทำงานมันไม่ได้มาให้กับทุกคนเพราะฉะนั้นทำได้ทำ”
โอกาสที่ได้ทำอะไรมาเยอะๆ มาตอนมีครอบครัวแล้ว?
“โชคดีครับที่ได้ทำ แต่อีกด้านผมว่ามันก็ต้องพยายามบาลานซ์เวลาของตัวเองให้ดีด้วย เพราะมันก็ยังต้องใช้แรงจากตัวเรา พอเวลามีน้อยลงก็เครียดเพราะว่าไม่ได้อยู่กับลูก พยายามตัดใจบ้างบางงาน ช่วงเล่นละครเวทีก็เครียดช่วงนึง เพราะอย่างน้องเรย์ในวัยลูก 2 ขวบ เค้าน่ารักที่สุด แล้วการที่ผมหายไป 3 เดือน เราพลาดหลายช่วงเวลา ผมก็รู้สึกไม่ค่อยดี ดีที่ นุช ภรรยา คอยพาลูกไปที่โรงละคร บางทีเราเหนื่อย ไม่มีเวลาเล่นกับเค้าแต่เราก็ต้องพยายามดึงพลังออกมา ก็ต้องพยายามบาลานซ์”
ยิ่งอยู่นานยิ่งฮอต งานเปิดกว้างขึ้น?
“ผมว่ามันคือความซื่อสัตย์ต่ออาชีพเรา เรารู้ว่าเราเป็นใคร รู้ว่าทุกอย่างมันคือโอกาสที่มาได้และไปได้ ได้อะไรมาก็ทำให้มันเต็มที่ ทำให้มันสมศักดิ์ศรีกับที่เราได้โอกาสนั้นทุกๆงาน ผมว่ามันก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้งานมันมาเรื่อยๆ เพราะว่าคนรู้ว่าเราจะเต็มที่กับงานของเค้า ไม่ได้ทำตัวให้มันเป็นภาระกับใคร”
...
หลายคนก็ยกให้ว่าถึงงานเยอะ เรื่องครอบครัวที่บ้านก็ไม่บกพร่องเป็นสามีแห่งชาติ?
“คำว่าสามีแห่งชาติ วันนั้นฟังพี่เล็ก ฮิวโก้ ดีมากเลย เค้าตอบในคลิปอะไรไม่รู้ บอกว่าอย่าเลยครับ มันดูเหนื่อยมาก ผมขอเป็นสามีของภรรยาผมคนเดียวก็พอ (ยิ้ม) เราก็คิดเหมือนเค้าแหละ ก็คือในความเป็นจริงก็คือเราก็คือสามีของคนเดียวนั่นแหละ แต่ว่าก็รู้สึกดีว่ามีคนมองเราในมุมที่ที่ดีในฐานะความเป็นพ่อ มันเป็นสิ่งที่ทำให้มีกำลังใจให้เราทำดีๆต่อไป”
ภาพฝันด้านดนตรีตอนนี้มันมาเกินฝันมั้ย?
“ผมฝันไม่ค่อยไกลเท่าไหร่เลย บางคนเค้าฝันว่าวันนึงเล่นราชมังฯ หรืออะไรอย่างนั้น ผมเองเคยเล่นคอนเสิร์ตใหญ่ของตัวเองที่ธันเดอร์โดมแล้วก็แฮปปี้แล้วจริงๆ ซึ่งมันก็ใหญ่แล้วสำหรับผมไม่ได้ฝันเกินนั้นไปเท่าไหร่ ซึ่งเป็นเรื่องดีมั้ย ก็ดีที่พอใจในสิ่งที่เราทำที่เราเป็นมา แต่ว่าก็ด้วยอาชีพแล้วมันก็ควรจะฝันให้มันไกลกว่านี้รึเปล่าเพื่อที่จะได้มีความทะเยอทะยานที่จะไปถึงจุดนั้น แต่ผมก็รู้สึกว่าแค่นี้มันพอดีกับเราแล้วอะ ถ้าวันนึงเราทำทุกอย่างให้ดีพอ เราจะรู้ตัวเองว่านี่คือจุดที่เราจะต้องจัดที่นี่เราทำวันนี้ให้เต็มที่”.
อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่