แจ้งเกิดมาแล้วจากบทฝาแฝดยูและมี ในภาพยนตร์ เรื่อง “เธอกับฉันกับฉัน” สาวน้อยหน้าสวย ยิ้มโลกสดใส “ใบปอ-ธิติยา จิระพรศิลป์” เข้าไปอยู่ในใจแฟนๆด้วยเสน่ห์ล้นเหลือ ครั้งนี้พร้อมตกแฟนคลับต่อเนื่องกับภาพยนตร์เรื่องล่าสุด “เพื่อน (ไม่) สนิท” หนังที่จะทำให้ทุกคนคิดถึงเพื่อน ที่กำลังเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ โดยค่าย GDH ร่วมกับ HOUSETON นำแสดงโดย โทนี่-อันโทนี่, จั๊มพ์-พิสิฐพล, ใบปอ-ธิติยา, ฟลุ๊ค-ธนกร และฟ้อนด์-ณัฐทิชา ผลงานของ 2 โปรดิวเซอร์มากฝีมือ วัน-วรรณฤดี พงษ์สิทธิศักดิ์, บาส-นัฐวุฒิ พูนพิริยะ จาก “ฉลาดเกมส์โกง” กำกับโดยผู้กำกับน้องใหม่ไฟแรง “อัตต้า-อัตตา เหมวดี”
เรื่องราวเมื่อ เป้ (โทนี่–อันโทนี่) เด็กม.6 ได้รู้ข่าวการรับนักศึกษาเข้าเรียนมหาวิทยาลัยโดยการทำหนังสั้นส่งประกวด จึงเกิดไอเดียนำเรื่องของ โจ (จั๊มพ์–พิสิฐพล) เพื่อน (ไม่) สนิท ที่นั่งโต๊ะติดกันแต่ดันโชคร้ายเสียชีวิตจากอุบัติเหตุมาทำเป็นหนังสั้น แต่เรื่องก็ไม่ง่ายอย่างที่คิด แถมยังเจอ โบเก้ (ใบปอ–ธิติยา) เพื่อนสนิทตัวจริงของโจขอมาช่วยทำหนังสั้นเรื่องนี้ ภารกิจทำหนังสั้นสุดวายป่วงจึงเริ่มต้นขึ้น โดยได้รับความช่วยเหลือจากคณะเด็กเนิร์ดหนังประจำห้องโสต และกลับทำให้ได้ค้นพบ “ความลับ” อะไรบางอย่าง
...
สาว “ใบปอ–ธิติยา” เล่าถึงบทบาทในเรื่องนี้ว่า
“รับบทเป็น “โบเก้” ค่ะ เป็นเด็ก ม.ปลายธรรมดาๆคนนึงในโรงเรียน มีคุณแม่เป็นตากล้องถ่ายหนังเลยเป็นคนชอบถ่ายรูป จนได้มาเป็นตากล้องถ่ายหนังสั้นส่งประกวด ต้องไปเวิร์กช็อปเรื่องการใช้กล้อง เปิดโลกใหม่มาก ในเรื่องแต่ละคนก็คือมารวมกันเพื่อทำหนังสั้น ก็ตามชื่อเรื่องเลยก็คือ “เพื่อนไม่สนิท” ทุกคนไม่สนิทกัน แต่ว่าต้องมาทำหนังด้วยกัน มีเรื่องราวอะไรบางอย่างให้ลุ้นตาม เป็นการแสดงที่แปลกใหม่ของหนู มีครบทุกอารมณ์ ทั้งความเป็นคอมเมดี้จังหวะการเล่นคือทุกคนโบ๊ะบ๊ะกันมาก ความดราม่าในเรื่องก็มี ต้องใช้ทักษะในการทำอารมณ์ จากเรื่องเธอกับฉันกับฉัน เรื่องนั้นดราม่าเยอะ ซีนอารมณ์เยอะสุดๆ ตอนนั้นเรายังใหม่มาก มีพี่แอ็กติ้งโค้ชช่วยในเรื่องการแสดง แต่พอมาเรื่องนี้ เป็นเรื่องแรกที่หนูจะต้องทำอารมณ์ด้วยตัวเอง พอวันแรกที่ต้องเข้าซีนอารมณ์ มันลุ้นตื่นเต้นมากว่าจะทำได้หรือเปล่า พอทำได้ก็รู้สึกว่าได้ปลดล็อกสกิลตรงนี้เลยค่ะ เรื่องนี้มีแค่โทนี่ที่เคยเจอกันมาก่อน คนอื่นก็เพิ่งมาเจอกันครั้งแรกค่ะ พอยิ่งอยู่ในกองยิ่งรู้สึกว่าคนเหล่านี้มาอยู่ด้วยกันได้ยังไง ทุกคนมีคาแรกเตอร์เป็นของตัวเองที่ชัดเจนมาก ซึ่งตัวตนของเค้ากับคาแรกเตอร์มีความคล้ายๆกัน เป็นอะไรที่แปลกใหม่และว้าวมาก บรรยากาศการถ่ายทำเลยเหมือนจับปูใส่กระด้งจริงๆ คือความซน ทุกคนมีของในตัวเอง ดีใจที่ได้มาทำงานกับเพื่อนๆนักแสดงกลุ่มนี้ เรื่องใส่มุกหรือใส่อะไรที่มันเป็นธรรมชาติของพวกเรา ในหลายๆซีนพี่อัตต้าจะให้เทกนึงที่ให้เล่นตามหัวใจเลยไม่ต้องตามบทมาก เทกนั้นก็จะเป็นเทกที่มีเมจิกโมเมนต์ค่อนข้างเยอะ”
ความยากในเรื่องนี้ “ใบปอ” เล่าว่า
“โบกี้ใกล้เคียงกับหนูแต่ค่อนข้างจะมีความแมนกว่าตัวจริงของหนู ตอนเวิร์กช็อปก็หาเอเนอร์จีนานเหมือนกัน ได้ไปเวิร์กช็อปกับพี่ตากล้องถ่ายหนังจริงๆที่เป็นผู้หญิง ส่วนความเหมือน หนูว่าโบเก้เป็นคนที่มีความจริงใจกับตัวเอง จริงใจกับทุกคนดูเป็นคนแข็งกระด้างแต่จริงๆเป็นคนจิตใจดี หนูดีใจที่ได้มารับบทโบเก้ มันคืออีกพาร์ตนึงของเราที่บางทีเราจำไม่ได้แล้วว่าเราเคยมีพาร์ตนี้ด้วย แล้วพอได้มาเป็นโบเก้ ก็ดีใจที่ได้กลับไปเป็นแบบนั้น เหมือนได้มาใช้ชีวิตมัธยมอีกครั้ง ได้เพื่อนกลุ่มนี้เพิ่มเข้ามาในชีวิต ก็เป็นอีกหนึ่งความทรงจำที่ดีส่วนสิ่งที่สื่อสารของหนังเรื่องนี้ มันคือ Coming of Age ค่ะ คือการก้าวข้ามผ่านวัย เรื่องนี้พูดถึงความเป็นเพื่อนมัธยม พอเราโตขึ้นไปแล้ว บางทีเราอาจจะไม่ได้สนิทกันเหมือนเดิม แต่ทุกคนน่าจะต้องเคยมีเพื่อนที่เคยสนิทหรือเพื่อนที่อยู่ในความทรงจำ หนูว่าเรื่องนี้ดูกันได้คนทุกเพศทุกวัยจริงๆ ดูเรื่องนี้แล้วจะต้องคิดถึงเพื่อน ตัวละครจะเกี่ยวกับเพื่อนในความทรงจำของทุกๆ คน ฉันเคยเป็นคนแบบนี้ ฉันเคยมีเพื่อนแบบนี้
...
หนังเรื่องที่ 2 กับการเติบโตทางการแสดง สาว “ใบปอ” เผยว่า
“ยังรู้สึกตื่นเต้นอยู่ แอบกดดันนิดนึงเพราะว่าเรื่องที่แล้วมันดีมากๆ แล้วก็เรื่องนี้เราก็อยากให้มันดีขึ้นไปอีก หวังว่าทุกคนจะชอบ ถามว่าเราประเมินตัวเองว่าทำได้ดีขึ้นมั้ย เหมือนเรารู้มากขึ้นว่าจังหวะไหนมันจะเป็นยังไง มันคุ้นเคยมากขึ้น ได้ใส่ความคิดของตัวเองเข้าไปผสมกับการแสดงมากขึ้น ได้ใช้สกิลต่างๆที่หลากหลาย คิดว่าทุกคนน่าจะชอบเรื่องนี้ อยากให้ได้ดูการแสดงของทุกคน”
กับการได้ไปทำงานด้านอื่นที่โดดเด่น เช่น สายแฟชั่น “ใบปอ” เปรียบเป็นอีกหนึ่งฝันที่เป็นจริง
“สนุกมากค่ะ อย่างงานแฟชั่น หนูชอบแฟชั่นอยู่แล้ว ก่อนนี้เราได้แต่ดูผ่านมือถือจากสื่อ แต่พอเราได้ไปอยู่ในงานจริงๆ มันแบบ Oh my god! นี่คือสิ่งที่ฉันอยากทำ มาดูจริงๆด้วยตามันว้าวมาก มันเหมือนฝันเป็นจริง ทุกๆครั้งเวลาที่ไปงาน ก็อยากจะทำให้ดีที่สุดค่ะ ปรากฏตัวในแบบที่ชอบที่สุด ตั้งใจกับทุกลุค มีทีมพี่ที่แต่งหน้าทำผมคอยช่วยกัน ถ้าถามถึงความฝันด้านแฟชั่น หนูอยากไป Fashion Week สักครั้งหนึ่ง อยากไปดูด้วยตาตัวเองค่ะ ส่วนงานในวงการอื่นๆที่สนใจ อยากลองทำงานเบื้องหลังเหมือนกันค่ะ เพราะ ว่าตอนนี้ได้เรียนเรื่องเบื้องหลัง มันได้เอามาช่วยในการแสดง เรารู้สโคป ทั้งหมด เรารู้จังหวะของแต่ละคน ภาพในหัวชัดมากขึ้น มีทิศทางที่มันแบบไปในทางเดียวกันกับทุกคน”
...
เสน่ห์อะไรของวงการบันเทิงที่ดึงดูดให้ “ใบปอ” มาอยู่ตรงนี้ เจ้าตัวเผยว่า
“ในเรื่องของการแสดง มันมีเสน่ห์ตรงที่ในชีวิตจริงเราอาจจะไม่ได้ลองทำอะไรหลายๆอย่างเหมือนที่ตัวละครทำ พอได้ลองทำมันก็คือการปลดล็อกสกิล สิ่งนี้มันคือเสน่ห์ของการแสดง เราได้ศึกษาคนนู้นคนนี้ อยากลองเล่นบทที่ตัวละครมีความเนิร์ดในบางสิ่งบางอย่าง มันทำให้เราเข้าใจคนอื่นๆมากขึ้น เข้าใจคนในสังคมมากขึ้น มันทำให้เราโตขึ้น”
เรื่องการรับมือกับการเป็นคนในวงการบันเทิงที่ต้องเจอกระแสต่างๆ “ใบปอ” นางเอกดาวรุ่งเผยมุมมองว่า
“เรื่องแบบนี้มันทำให้เราโตขึ้น รู้สึกขอบคุณที่มันทำให้เราต้องรับมือกับมันแล้วต้องโตขึ้น ไม่ได้มองว่ามันเป็นพลังงานลบ ส่วนบางคนอาจจะรับมือไม่ดีเท่าไหร่ มันเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ มันคือปกติของมนุษย์ บางทีเราชอบพูดว่าไม่เป็นไรหรอก เราไม่ใส่ใจหรอก แต่จริงๆแล้วในเบื้องลึก ใจเราก็ยังโฟกัสอยู่กับตรงนั้น เพราะฉะนั้นการที่เราจะอยู่กับมันได้คือเราต้องหาข้อดีของมัน จะทำให้เรารู้สึกว่าไม่เป็นไรจริงๆ ใบปอเป็นคนที่ชอบหาข้อดีให้กับเรื่องต่างๆ เราไม่รู้เหมือนกันว่าเป้าหมายชีวิตมันคืออะไร แต่ว่ามันแค่ใช้ชีวิตให้มีความสุขในทุกๆวันมันโอเคแล้ว ความรู้สึกตั้งต้นในแต่ละวันมันจะมีผลกับการทำงาน มีผลต่อการใช้ชีวิตไปทั้งวัน เพราะฉะนั้นเราควรที่จะเซตตั้งแต่เริ่มต้นวันให้ดี เรารับพลังลบๆเข้ามาในชีวิตน้อยมาก เพราะเวลาที่เราทุกข์ สุดท้ายก็เป็นเรา”
ส่วนการขึ้นแท่น “สาวน้อยเจ้าเสน่ห์” ของวงการกับการแจ้งเกิดตั้งแต่เรื่องแรกก็มีคนรู้จักและชื่นชอบเพิ่มขึ้นเยอะ “ใบปอ”เผยว่า
“ยังไม่ค่อยชิน แต่ขอบคุณทุกคนมากจริงๆ ไม่คิดเหมือนกันว่าจะได้มาทำงานตรงนี้ ทุกวันนี้ก็ยังตื่นเต้น ถามว่าชีวิตรวมๆเปลี่ยนไปมั้ยก็มีพี่ๆมาขอถ่ายรูปบ้าง เจอพี่ๆมหาวิทยาลัยบ่อยๆ เราก็เป็นตัวเรา” เป็นสาวฮอตเจ้าเสน่ห์แล้วมีหนุ่มๆเข้ามาหาเยอะมั้ย? “ไม่ค่ะ คือเราไม่ได้โฟกัสเท่าไหร่” แล้วคนแบบไหนที่ทำให้ใบปอแพ้ทาง? “คงเป็นคนเหมือนตัวเองที่ไม่มีพลังลบๆ มองโลกในแง่ดี น่าจะประมาณนั้น หนูว่าจริงๆแล้วคงเป็นทุกคนนะคะที่อยากจะได้รับพลังงานบวกๆจากคนอื่นเหมือนกันค่ะ”.
...
ช่างภาพ : สุรกิจ แก้วมรกต