หลังจากที่เรียนจบมา หมอริท เรืองฤทธิ์ ศิริพานิช หรือ ริท เดอะสตาร์ ก็ทุ่มเทเวลาเปิดคลินิกความงามตามที่ได้เรียนมาจนตอนนี้ประสบความสำเร็จ และล่าสุด หมอริท ได้มาร่วมงานเปิดตัวคอลเลกชันใหม่แบรนด์ยูนิโคล่ ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เจ้าตัวก็ได้เล่าถึงธุรกิจดังกล่าว พร้อมเผยความในใจทั้งน้ำตาว่า

ธุรกิจเป็นยังไงบ้าง?
ตอนนี้ก็ไปได้ดีครับ ตอนนี้ส่วนใหญ่ทำคลินิกเป็นหลัก อยู่ในช่วงขยายสาขา ทำพวกมาตรฐานคลินิกแล้วก็ทำเทรนนิ่ง

ตอนแรกตั้งเป้าปีนี้ไว้เป็นยังไงบ้าง?
ทะลุแล้ว (ยิ้ม) ก็คือจำนวนสาขาก็ได้ตามเป้า ยอดขายก็ได้ตามเป้าถือว่าอยู่ในผลที่แฮปปี้โอเคครับ

ตอนนี้มีทั้งหมดกี่สาขา?
มี 6 แล้วก็กำลังจะเปิดเดือนเมษายนนี้ ที่สยามเป็นสาขาที่ 7 ส่วนปลายปีก็กำลังหาพื้นที่เพิ่มครับ

ตั้งเป้าไว้ขนาดไหน?
เอาแค่ไหนกรุงเทพฯ ก่อน ดูแลต่างจังหวัดก็คือดูแลไม่ไหวขออยู่แค่ในกรุงเทพฯ ก่อนอาจจะขยายปีหนึ่ง 3-5 สาขา ถ้าไหวนะ ซึ่งก็ไม่อยากให้มันเกินกำลังตัวเอง ดูทีมงานอีกทีด้วย

ดูเติบโตแบบก้าวกระโดดเราดูแลยังไง?
ถ้าคุยกันแบบสัตย์จริงมันก็มีจุดที่บกพร่องอยู่บ้าง แต่ในส่วนโอกาสที่เข้ามาแล้วก็เหมือนคนไข้ ลูกค้าเขาให้โอกาสเรา เราก็อยากคว้าโอกาสนี้ไว้เหมือนคนเห็นจุดยืนของเราแล้วคนก็เลือกที่จะเปิดใจใช้บริการแบรนด์เรา ริทเลยอยากคว้าโอกาสนี้ไว้ก่อน สุดท้ายจะเห็นว่าช่วงนี้มีแต่ประชุม เรียกทีมงานมาคุยหรือพัฒนาระบบ ทุกอย่างเป็นขั้นตอนเพื่ออัปเกรดตัวเองให้ดีขึ้นไปเรื่อยๆ แล้วก็ยังรับฟังฟีดแบ็กจากทุกคนที่เข้ามาใช้บริการจากช่องทางรับฟัง ริทก็ต้องอ่านเอง เอามาปรับเป็นจุดๆ จุดไหนน่าสนใจก็เอามาแก้เรื่อยๆ

...

ก่อนหน้านี้ก็มีดราม่าเรื่องคลินิก?
เรื่องคิวต้องยอมรับจริงๆ ว่าคือเนื่องจากคนต้องการใช้บริการเยอะเกินกว่ากำลังการให้บริการที่เรามี มันก็มองได้หลายมุม มุมหนึ่งเราไม่ให้คิวบริการบางคนก็จะไม่พอใจที่ไม่ได้รับคิวบริการ หรือบางคนได้คิวบริการแต่มีการเลทก็ทำให้เขาไม่พอใจซึ่งตรงนี้เรารับทราบและได้ปรับปรุง ตอนนี้ริทได้มีการทำเกี่ยวกับประชุมหลังบ้านทั้งหมดแล้วก็แก้ไขเรื่องระบบคิวใหม่ จริงๆ ระบบการรับคิวแก้มาแล้ว 3 รอบ ก็ปรับมาเรื่อยๆ ให้อยู่ตรงกลางเพราะมันมีตั้งแต่ช่วงนัดแน่นเกินไป นัดเบาเกินไป มันไม่เกิดความพอดี ตอนนี้ค่อยๆ เป็นระบบที่เริ่มพอดีมากขึ้น แล้วก็จะเริ่มระบบรับนัดใหม่ช่วงมีนาคมนี้ จะเป็นการนัดแบบใหม่ ที่คิดว่าผลกระทบน่าจะน้อยลงแต่ยังไงถ้าเกิดปัญหาอะไรกับใครขึ้นริทมีระบบพร้อมให้ฟีดแบ็ก สาขานั้นส่งมาได้เลยคุณมาวันนี้เวลานี้ เจอปัญหาแบบนี้แล้วเกิดอะไรขึ้นกับคุณ ริทพร้อมที่จะแอ็กชันให้ (ยิ้ม) ตัวเองเหมือนจะเป็นผู้บริหารในแบรนด์ตัวเองแต่ดูแลลูกค้าแทนเพราะเราก็ไม่รู้ว่าหน้างานลูกค้าเจอประสบการณ์ที่ไม่ดีแล้วเราไม่รู้ ถ้าเรารู้เราก็จะจัดการให้

ปัญหาอะไรที่หนักสุด?
เป็นเรื่องคิวนี่แหละครับ เพราะตอนนี้สาขาริทมันเพิ่งขยายแค่ 6 สาขา แต่จำนวนคนที่ต้องการใช้บริการมันเยอะกว่านั้นมาก ซึ่งพยายามจัดการอยู่นะครับ (ยิ้ม) ไม่ได้นิ่งนอนใจเลย

สาขาไม่เยอะไปกว่าที่เราจะดูแลได้?
คือสาขาหนึ่งเรารับบริการ 20-30 คนต่อวัน ขึ้นอยู่กับหัตถการที่ทำ แล้วจำนวนคนที่ต้องการใช้บริการต่อวันมันเกินจำนวน มันเลยทำให้เรายังจัดการเรื่องนี้ไม่ได้ เอ๊ะไม่รับคิวหรือว่าเลือกรับคิวยังไง บางคนต้องวันนี้เท่านั้นเวลานี้เท่านั้น ขอหน่อยเถอะ อุบัติเหตุต่างๆ ไฟดับ หมอรถชน มีหลายปัจจัยมาก เป็นเรื่องที่บางทีเราไม่ได้บอกผู้ใช้บริการโดยตรงว่าเจอแบบนี้นะ แต่เราก็พร้อมรับทุกอย่างว่าเลทคือเลท ช้าคือช้า เลื่อนคือเลื่อน

เลยมองว่าสาขาที่เพิ่มขึ้นช่วยเรื่องนี้?
ใช่ หนึ่งในวิธีการแก้ปัญหาคือการเปิดสาขาเพิ่มเพื่อรองรับอันนี้แค่หนึ่งในนั้น แต่ใดๆ คือการจัดการระบบภายในยังเป็นเรื่องหลักอยู่ ซึ่งระบบการจัดการที่รื้อใหม่ทั้งหมดกำลังจะเสร็จมีนาคมนี้ เปลี่ยนไปหมดทั้งระบบ การนัดคิว การคอนเฟิร์ม

กับคอมเมนต์ที่ลูกค้าพิมพ์มันกระทบจิตใจเราไหม?
จริงๆ ริทเตรียมใจไว้อยู่แล้ว ถ้าไม่นับปัญหานี้ วันหน้ามันก็ต้องมีปัญหาอื่น เพียงแค่เราต้องยอมรับว่าถ้าปัญหามันเกิดเราต้องมองอย่างเป็นกลาง เราอย่ามองเข้าข้างตัวเองหรือตัวลูกค้า ต้องมองว่าตรงกลางสิ่งที่ถูกต้องมันควรเป็นยังไงแล้วควรทำแบบไหน เรามองส่วนที่เขาพูดมันถูกไหม ถ้าถูกเราก็มาแก้ไข แต่ถ้าไม่ถูกเราก็จะทำยังไงที่เพื่อที่จะตอบรับกับเขา อย่างเคสนี้ที่เป็นประเด็นก็มีการติดต่อคุยกับเขา แล้วก็แก้ไขปัญหาให้เขา ริทก็ตอบทวิตเตอร์เองเลย จริงๆ ริทเป็นคนไม่ตอบทวิตเตอร์ แต่เคสนี้ริทรู้สึกว่าต้องตอบเพราะเหมือนคนเห็นประเด็นนี้เยอะ อาจจะทำให้เกิดความไม่เชื่อมั่น แต่สุดท้ายอยากจะบอกว่าอยากให้เชื่อใจเพราะเราพร้อมปรับปรุงพัฒนา

ตอนนี้เป็นเศรษฐีท่านหนึ่งแล้ว?
อุ๊ย ยัง (เงินเก็บกี่ร้อยล้าน?) อย่าพูดถึงตัวเลขเลย (หัวเราะ) เอาเป็นว่าทำตามเป้าไปเรื่อยๆ มันก็มีแพชชั่นอะไรบางอย่างอยู่ สมัยก่อนก็มองแค่ตัวเอง เราอยากทำคลินิกนู่นนี้ ตอนนี้กลายเป็นครอบครัวแล้ว คือพนักงานเข้ามาเป็น 100 ชีวิต ทุกวันนี้คนนู้นนี้ก็มีเป้าหมายไม่เหมือนกัน เหมือนเราเอาความฝันของทุกคนมา ริทเหมือนจะโลกสวยที่เอาพนักงานมาอ้างแต่จริงๆ แล้วถ้ามองในสภาพแวดล้อมการทำงานจริงๆ ริทรู้สึกว่าต่อให้ระบบมันเติบโตที่เป็นมาตรฐานเราก็ยังต้องมีคำว่ามิตรจิตมิตรใจ ความเป็นครอบครัวพี่น้อง มนุษยธรรมอยู่ ไม่ใช่แค่สั่งงานๆ คุณต้องทำตามเรา ให้ได้ตามจ๊อบแค่นั้นจบอะไรแบบนี้

...

แล้วครอบครัวของเราเองจะสร้างเมื่อไหร่?
ครอบครัวเราน่าสงสารมากตอนนี้ บ้านที่ซื้อมาเอามาหลังแรก ก็ทำเป็นคลินิกที่แรก ตอนแรกก็เป็นคลินิกสามชั้น อีกชั้นก็ริทอยู่เอง และคุณพ่อคุณแม่ มีห้องกินข้าว มีที่ดูทีวี ตอนนี้ชั้น 4 โดนรื้อ ทำเป็นออฟฟิศ คุณพ่อคุณแม่มาไม่มีที่นอน ต้องแยกไปเช่าโรงแรม หรือไปนอนคอนโด ตอนนี้ซื้อบ้านใหม่ให้แล้ว แต่ก็ยังไม่เสร็จช่วงนี้ก็เหมือนบังคับว่าเจอกันไม่ได้นะ ตอนนี้แยกแล้วบ้านคือบ้าน แล้วก็มีออฟฟิศแยกไปอีกที่นึง

ความรักของเราล่ะ?
ตอนนี้ยังไม่มีอะไรโฟกัสกับงาน ตอบเหมือนดาราท่านหนึ่งแต่ตอนนี้ทำงานเยอะมากจริงๆ เมื่อวานก็นอนตีสามเพื่อคุยงานเพื่อที่จะสร้างออฟฟิศให้เสร็จเพราะบางหน้าที่ไม่รู้ว่าใครจะทำเราก็ต้องทำ

คุยกับแฟนถึงกี่โมง?
แหม ไม่มีครับ โสดครับ (มีคุยไหม?) มันก็ต้องมีบ้างเรื่อยๆ กุ๊บๆ กิ๊บๆ จริงๆ ไม่ได้ยึดติดกับความรักเป็นคนชอบทำงานรู้สึกว่ามีเพื่อนก็แฮปปี้แล้ว คนรอบตัวทุกคนถามแต่ก็หาเวลาเจอเพื่อนก่อนเนอะ ตอนนี้ขอมีเวลาให้ตัวเองก่อน

เรียกว่าโสดแต่ไม่สนิท?
อืม..ก็ได้ แต่ก็โสดครับ

ก่อนหน้านี้ที่เราใช้เงินวันเดียว 30 ล้าน?
เรื่องนี้ทำคลิปแถลงไปแล้วว่าเราใช้เงินเพื่ออะไรบ้างถ้าเกิดใครดูเนื้อหาจริงๆ ของที่ซื้อส่วนใหญ่เป็น อสังหาริมทรัพย์ และเป็นสิ่งที่เจริญเติบโตอย่างเดียวเลย ไม่ว่าจะเป็นซื้อออฟฟิศใหม่ ซื้อบ้านใหม่หรือซื้อเครื่องมือแพทย์ ซึ่ง ใครที่ติดตามชีวิตริทจริงๆ จะรู้ว่า ริทแทบจะไม่ได้ซื้อของอะไรเลยจะเก็บเงินไว้ซื้อของที่จำเป็นทีเดียว จริงๆ ตอนแรกไม่ได้คิดว่าจะทำเป็นคอนเทนต์แต่ทุกอย่างมันว่างวันนั้นวันเดียวด้วยเวลาเรามันน้อยมาก ทุกอย่างนัดเซ็นภายในวันนั้นวันเดียวมานั่งนับรายการดูย้อนหลังเช็กไปมามันก็เลยกลายเป็นคอนเทนต์นั้นก็ปล่อยเป็นคอนเทนต์ไปไม่คิดว่ามันจะเป็นไวรัลขนาดนี้

...

คนเลยอยากเป็นเราเพราะว่าใช้ชีวิตดี หาเงินเก่ง?
จริงๆ เบื้องหลังมันก็ไม่ง่ายนะริทอาจจะดูเป็นคนตลกเฮฮา ยูทูบก็ดูชิลๆ เสื้อยืดกางเกงขาสั้น เจอคนไหนก็หัวเราะเฮฮา แต่จริงๆ เบื้องหลังการทำงานริท ว่าหนักมาก สู้มาก เพราะว่าเราตั้งโกลไว้บางอย่าง ว่าริทจะทำมันถึงเมื่อไหร่อยากจะเกษียณเมื่อไหร่ วันนี้จะต้องทำหนักแค่ไหน เรารับทราบมาอยู่แล้วเลยลุยตั้งแต่ตอนนี้เต็มที่ไปเลยเพื่อวางรากฐานให้ตัวเอง เพราะว่าเกิดมาเราไม่ได้มีรากฐานทางบ้านช่วย ริทอยู่กรุงเทพฯ คนเดียวทำทุกอย่างคนเดียว พนักงานก็รู้ว่าริทน่าสงสารขนาดไหน พูดแล้วจะร้องไห้ (น้ำตาคลอ)

พูดในมุมเราที่คนอาจจะไม่ได้เห็นว่ากว่าจะมาวันนี้มันลำบากขนาดไหน?
เซนซิทีฟกับเรื่องนี้ จะบอกว่าทำคนเดียวก็ไม่ถูกมีพนักงานที่มาช่วยกันแต่เวลามองภาพพนักงานที่เขามองริทเข้ามาเขาเห็นว่าเราอยู่คนเดียวทำคนเดียวเขาก็ตั้งใจช่วย และอยู่กับเรา บางคนอยู่กับริทมาตั้งแต่ยังเป็นสาขาที่หนึ่งยังไม่มีอะไรเขาก็ยังอยู่ต่อจนถึงทุกวันนี้มันอาจจะไม่ใช่แค่เรื่องเงิน มันเป็นเรื่องที่เขาเห็นอะไรบางอย่างในตัวเราอย่างที่บอก คำพูดของริทมันอาจจะดูโลกสวยว่าอยากสร้างที่นี่ให้เป็นที่ที่มั่นคง เป็นครอบครัวให้กับพวกเขา มันเลยเซนซิทีฟ บางคนก็พูดว่าเรา ฟังแล้วก็ท้ออย่างเช่นว่า ไปทำเว็บพนันออนไลน์หรือเปล่าหรือว่ามีใครให้เงินมาลงทุนหรือเปล่า พอเราฟังแล้วความสำเร็จที่เราสร้างมันมาด้วยตัวของเราเองโดยที่ไม่ต้องมีแบ็กอัพยิ่งใครมาซัพพอร์ตอะไรเลยมันไม่ได้ง่ายนะ (ร้องไห้)

...

ภูมิใจแค่ไหน ที่เราสร้างมันขึ้นมาจนสำเร็จเหมือนทุกวันนี้?

ริทภูมิใจกับตัวเองมาก จริงๆ แล้วริทหยุดทำแล้วก็ได้ เพราะคิดว่าเงินที่ได้มาเพียงพอแล้วกับการใช้จ่ายในชีวิตประจำวันแต่อย่างที่บอกไปมีคนที่อยู่ข้างหลังเราอีกเป็น 100 ชีวิตเราต้องมองถึงจุดนั้น เป้าหมายของเราก็เปลี่ยนไปสมัยก่อนเรามองแค่ว่าโตอย่างเดียว ตอนนี้เรามองว่าเราประสบความสำเร็จระดับหนึ่งเรามองว่าธุรกิจของเพื่อนเราอะไรที่เราช่วยเหลือได้เราพร้อมที่จะช่วยเหลือหมด เราเห็นว่าการที่จะทำอะไรแล้วมันสำเร็จขึ้นมาได้มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยแล้วถ้าเกิดไม่มีการช่วยเหลือจากคนรอบข้างมันเป็นไปได้ยากมาก อย่างริทเพื่อนๆ ที่อยู่ในวงการเข้ามาช่วยเหลือริทไม่ได้เคยจ่ายเงินค่ารีวิวแม้แต่บาทเดียว เพื่อนๆ ที่อยู่ในวงการเข้ามาซัพพอร์ต อันนี้เดี๋ยวช่วยโปรโมตให้นึกย้อนหลังไปจนมาถึงวันนี้มันรู้สึกดี

อยากขอบคุณอะไรพวกเขาบ้าง?
ริทพูดถึงเรื่องความรักหรือเรื่องการขอบคุณไม่ค่อยเก่ง แต่ใครที่สัมผัสใกล้ชิดริทจะรู้เลยว่าริทไม่เคยลืมบุญคุณใครแม้กระทั่งเขาจะช่วยเราในก้าวเล็กๆ หรือก้าวใหญ่ๆ ก็ตามริทพร้อมที่จะซัพพอร์ตเขาคืน หรืออะไรที่ช่วยเขากลับได้แม้แต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ เราพร้อมที่จะทำซึ่งก็ขอบคุณทุกคนที่มีส่วนในการต่อสู้จนเดินมาได้ถึงทุกวันนี้ ขอบคุณทุกคนจากใจเลยถ้าไม่มีพวกเขาเราก็ประสบความสำเร็จไม่ได้ในวันนี้ ซึ่งริทคิดว่าเราจะโตไปได้อีกยังต้องโตขึ้นไปอีกริทรู้สึกว่ามันเร็วไปที่จะใช้คำว่าประสบความสำเร็จเพราะว่าเพิ่งทำมาได้ประมาณสองปีกว่ายังไม่หยุดแค่ตรงนี้แน่นอนครับยังต้องพัฒนาต่ออีกเยอะ