มีวันเกิดตรงกับวันที่ 14 ก.พ. วาเลนไทน์ แห่งความรัก ปีนี้นอกจากได้รับความรักและการสนับสนุนจากแฟนคลับมากมายที่ทำโปรเจกต์และจัดกิจกรรมต่างๆ นักแสดงหนุ่มฮอต “ต่อ–ธนภพ ลีรัตนขจร” ยังมอบของขวัญให้ตัวเองในปีนี้ด้วยการรีเซ็ตตัวเองให้ชีวิตดีขึ้น ต่อเผยในงาน Carrier Invent Your Happiness Land ที่ศูนย์การค้าเมกา บางนา
ถามถึงวันเกิดและวาเลนไทน์นี้มีแพลน ยังไงบ้าง?
“แพลนปีนี้ควบเลยครับ ถ่ายซีรีส์ Midnight Museum พิพิธภัณฑ์รัตติกาล”
ไม่มีฉลองอะไร?
“ผมว่าอาจจะต้องเป็นหลังหรือก่อนวันเกิดมากกว่า แต่ก่อนน่าจะยากครับ ช่วงนี้คิวโหด”
เกิดในวันแห่งความรักพิเศษยังไง?
“ก็รู้สึกเท่เป็นพิเศษ หลายๆคนอาจจะคิดว่าคนทั้งโลกต้องอวยพรเราแน่ๆ แต่จริงๆเค้าอวยพรเพราะคนรักเค้า คือพอมันเป็นวันเกิดผม ผมไม่มีทางพูดว่าผมไม่ชอบวันเกิดตัวเอง มันคือวันที่ดีเสมอนั่นแหละ ไม่ได้เป็นคนที่มานั่งให้ความสำคัญในวันพิเศษขนาดนั้นอยู่แล้ว”
เพื่อนๆจะไม่ค่อยอยู่ในวันเกิดเรา?
“ในช่วงเราเด็กๆ ตอนนี้ก็ยังเป็นอยู่ หนักกว่าเดิมอีกครับ ยิ่งโตขึ้นมันไม่ใช่แค่เรื่องงานละ มันเป็นหน้าที่การงานทุกคน ทุกคนโตขึ้น นานๆก็จะได้เจอที วันเกิดก็เจอกันยากขึ้น”
โตขึ้นอีก 1 ปีแล้ว รู้สึกยังไง?
“ผมจะรู้สึกว่าให้ความสำคัญกับทุกๆวันเกิดผมจะใช้เวลานี้รีเซ็ตตัวเองใหม่ที่รู้สึกว่าอะไรที่อยากปรับปรุง โตขึ้นอีกปีก็เอาหน่อยครับ จริงๆปีนี้ช่วงต้นปีที่ผ่านมาก็ถือว่าเริ่มให้รางวัลตัวเองเป็นของขวัญวันเกิด เราก็เริ่มใช้คนขับรถเพื่อช่วยเรา เพราะเราไม่ไหว พูดตรงๆเลยมันก็ครบรอบครึ่งปีหลังจากที่ปรับเปลี่ยนที่อยู่ มันก็หนักขึ้นเยอะ บวกกับโปรเจกต์ที่เราทำมันหนัก ด้วยสุขภาพด้วยก็ได้เวลาที่เลิกดื้อ จริงๆมันหลายปีมากแล้วที่โดนบี้ว่าอย่าขับเองเลย พูดตรงๆ เราดื้อ”
...
ทำไมถึงเปลี่ยนใจ เคยเกิดอุบัติเหตุรึเปล่า?
“วนกลับมาที่เรื่องพ่อแม่ เริ่มรู้สึกว่าเค้าเริ่มขับรถได้ไม่ดีเท่าเดิม เราก็รู้สึกว่าถ้ามีเราก็ซัพพอร์ตพ่อกับแม่ได้ด้วย มันเลยทำให้เราตัดสินใจง่ายเลยทีนี้”
ตอนนี้โปรเจกต์เยอะมาก?
“มีหลายอันเหลือเกิน ปีนี้มันจะมาเป็นทอดๆ เดี๋ยวหลังซีรีส์ Midnight Museum ก็จะมาอีกเรื่อง อยากได้ชิ้นงานที่ดี ผมรวมทีมกัน ไม่ได้ตั้งเป็นบริษัทกัน เรียกว่าเป็นงานแพชชันแล้วกันในฐานะนักแสดงที่จริงจังกับการแสดง เรายังไม่รู้ว่าเราพัฒนาไปได้ถึงจุดไหน เราคุยกับผู้ร่วมงานหรืออาจจะร่วมงานกับเราหลายๆคน ส่วนใหญ่มันใช้เวลาขั้นต่ำ 2 ปีแน่ๆ”
มีเวลาให้ความรักบ้างมั้ย?
“มีครับ ผมบาลานซ์ชีวิตตัวเองขึ้น หลักๆ ผมอยากให้ทุกคนโฟกัสกับ Midnight Museum ค่อยๆ ไล่โตไปด้วยกัน เพราะปีนี้โปรเจกต์ที่ผมตัดสินใจทำแผนงานตัวเองออกมาน่าสนใจหมด แล้วก็น่าจะต่างกันทั้งหมด ทั้งบทบาทใหม่ๆ ตำแหน่ง หลังจาก Midnight Museum คือพอโตมาถึงจุดหนึ่ง เราจะรู้สึกว่ามนุษย์ทุกคนควรพัก จะให้ผมมาทำงานเหมือนก่อนหน้านี้ พูดจริงๆว่าร่างกายผมไม่ไหวแล้ว มันถึงจุดที่เราเร่งได้ แต่ต้องผ่อนด้วยครับ เรานับว่าเวลาที่เราลองเอาตัวเองออกจากงานนั่นคือการพักแล้ว มันได้ทั้งการอยู่กับครอบครัว คนรัก เพื่อน ใครก็ตามที่เรารู้สึกว่ามันสะดวกกับเราและเราหยุดความคิดเราได้แป๊บนึงก็รู้สึกรีแลกซ์ขึ้น”
มีโอกาสได้เห็นรูปคู่ในวันวาเลนไทน์บ้างไหม?
“ผมว่าพี่ๆรู้อยู่แล้ว แล้วก็รู้เหตุผลอยู่แล้วด้วย ผมตัดสินใจแล้วว่านี่คือทางที่ดีที่สุด ณ วันนี้ ในอนาคตเราไม่รู้หรอกว่าอะไรที่ดีสุด”
เหมือนเค้าไปเที่ยวเมืองนอกคนเดียว?
“เชื่ออย่างนั้นเหรอ มันก็มีแหละ แต่สุดท้ายผมว่าไม่ต้องโฟกัสเรื่องนี้หรอก สุดท้ายค่อยโฟกัสตอนที่ผมมีครอบครัวเหอะ เราคิดกันขึ้นมาเองเรื่องแฟน ผมว่าเดี๋ยวค่อยว่ากัน ตอนนี้ก็เห็นอยู่ว่าผมโฟกัสกับงานมากๆ แฟนๆ ทุกคนก็เห็นว่าผมทุ่มเทให้พวกคุณขนาดไหน อยู่กับผมก่อน”
ตอนนี้ก็คือยังคบกับคนนี้?
“ใช่ครับ”
ถามถึงที่ล่าสุดคนแซวว่าหน้าเหมือนพีพี–กฤษฏ์ และเพิ่งถ่ายนิตยสารแพรวเดือน ม.ค.66 ด้วยกัน?
“เหมือนมั้ย ไม่เหมือน คือร่วมงานกับพีพีทุกครั้ง สนุกทุกครั้งครับ”
เคยมีข่าวว่าตอนแรกเราไม่ค่อยชอบหน้าเค้า?
“มุมผมไม่เคยไม่ชอบหน้าน้อง แล้วก็ไม่ชอบที่มีคนบอกว่ามีคนหน้าเหมือนแล้วยังไม่ได้เจอคือตอนที่ผมอยู่ค่ายแล้วพีพีเข้ามาแรกๆ ผมไม่เคยเห็นหน้าพีพีเลย แล้วผมเดินสวนทุกคนก็จะบอกว่ามีคนหน้าเหมือนต่อด้วยนะ เราก็แบบ มันมีเหรอ มันเหมือนตรงไหน”
...
พอเจอกันครั้งแรกรู้สึกว่าเหมือนมั้ย?
“เจอครั้งแรกก็รู้สึกว่าเลอะเทอะ เอาอะไรมาเหมือน ไม่ เมื่อก่อนพีพีอ้วนกว่านี้ เพราะเมื่อก่อนผมผอมกว่านี้ จะมีความต่างกันบางมุม แต่ตอนนี้มันก็ใกล้กันแหละ”
แฟนๆบอกอยากเห็นเราร่วมงานกันอีก?
“คือถ้ามีโอกาสจะดีมากครับ เพราะผมชอบเอเนอร์จีพีพี รู้สึกว่าถ้ามีโอกาสแล้วมันเหมาะ ผมไม่มีกำแพงเรื่องเพื่อนร่วมงานอยู่แล้ว”
เอเนอร์จีพีพีมันเป็นยังไง?
“ผมรู้สึกว่าไม่ต้องเครียด แต่แข็งแรง”.
ภาพประกอบจาก : นิตยสาร แพรว