หลังจากที่ อาทิตย์ ริว หรือ ริว อาทิตย์ ตั้งสวัสดิ์รัตน์ อดีตพระเอกหน้าใสชื่อดังยุค 90 เปิดใจทั้งน้ำตาจากเคยเป็นดาราดัง สุดท้ายกลายเป็นคนไร้บ้าน ไม่มีครอบครัว ต้องหาเงินเลี้ยงชีพด้วยการขายของ อีกทั้งยังป่วยเป็นโรคไบโพลาร์ ใช้เวลารักษานานกว่า 10 ปี
ล่าสุด ริว ได้มานั่งเปิดใจในรายการ คุยแซ่บShow ทางช่องวัน31 เผยวิกฤติชีวิตที่เจอข่าวฉาว จนเป็นบาดแผลที่อยู่ในใจ และเรื่องที่ทำให้อยากฆ่าตัวตายถึง 2 ครั้ง
ตอนนี้กระแสเป็นยังไงบ้าง?
"ไม่ได้ตาม ไม่ได้ดู ไม่เคยดูโซเชียล ไม่ได้ติดตามอะไรที่เกี่ยวกับวงการบันเทิงเลยตั้งแต่ออกไป 20 ปี ผมมีความรู้สึกว่าตอนแรกที่ตัดสินใจให้คุณบอย ช่องวัน มาสัมภาษณ์ ผมคิดหนักนะว่าจะเปิดตัวยังไง จะให้คนอื่นเห็นสิ่งที่ริว นักแสดงเก่ายุค 90 อยู่ในสภาพแบบไหน ผมก็คิดว่าผมจะเปิดดีมั้ย"
สิ่งที่ทำให้คิดได้ว่าจะเปิดกับบอย ช่องวัน?
"คุณบอยเขาเดินทางมาคุยด้วยตัวเอง มีน้องเขาบอกว่าเดี๋ยวพี่บอยจะมาหาถึงที่เลย ผมก็บอกว่างั้นก็นัดคุยกันก่อน ฟังข้อมูลว่าจะคุยยังไง ก็คุยกัน 2 ชม. จังหวะนั้นผมก็คุยกับน้องโจ๊ก เขาบอกว่ามันง่ายนะที่จะทำงานในวงการบันเทิง ผมก็บอกว่าพอใจนะที่จะมีรายได้วันละ 100-200 บาท เขาก็อึ้ง นั่งสัมภาษณ์แล้วน้ำตาคลอ ผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไม เพราะชีวิตคนมันต้องดิ้นรน ผมก็เข้าใจว่าค่าตัวในวงการบันเทิงมันเท่าไหร่ เพราะผมก็เคยผ่านมา"
แต่ก็มีบางกระแสย้อนกลับไปด่าต้นสังกัด?
"ผมต้องกราบขออภัยทุกท่าน ขอโทษเฮียด้วยนะครับ ผมไม่ได้มีเจตนาอะไร ผมรักเฮียเหมือนเดิมครับ ผมไม่ได้พูดต่อว่าอะไร นั่นคือความรู้จักจากใจผม ที่ผมทำทุกอย่างเพื่อ RS ผมพยายามรักษาภาพลักษณ์ทุกอย่างในชีวิตส่วนตัวด้วย แต่สุดท้ายจังหวะที่ผมบอกความเป็นจริง ซึ่ง เฮีย ที่ผมพูดถึงไม่ใช่เฮียฮ้อ แต่เป็นเฮียเตี้ย น้องชาย อยู่บริษัทเมจิกตอนนั้น ซึ่งเขาดูแลผมดีมาก ผมต้องขอโทษเฮียเตี้ยด้วยนะครับ ที่ผมพูดไปผมไม่ได้ตั้งใจ ไม่คิดว่ามันจะมีผลกระทบ"
...
หลายคนมองว่าริวคุยไม่รู้เรื่อง ริวบ้า?
"อันนี้คือสิ่งที่ผมโดนมาตลอด สื่อทำกับผมแบบนี้มา ก็คือทุกคนระแวงระวังว่าการที่จะมาคุยกับริว มันบ้านะ มันเพี้ยนนะ มันมีประวัติเข้า รพ.บ้านะ มันเพ้อเจ้อนะ"
ริวมีลูก 3 คนกับอดีตภรรยา อันนั้นไม่ใช่ความรักเหรอ?
"มันก็เป็นความรักประเภทหนึ่ง ผมขอเรียกว่าอย่างนั้น มันเป็นความรักที่ผมค่อนข้างปรารถนาดี คืออยากมีลูก อยากมีความรักด้วยกัน อยากจะประคับประคองครอบครัวไปด้วยกัน ก็ตกลงกันว่าอยู่ด้วยกันนะ แต่มันขาดช่วงระยะเวลาในการศึกษาจิตใจของความเป็นตัวตนกันจริงๆ อย่างบางคนมองภาพเราในละครใช่มั้ยครับ มองเราเป็นคาแรกเตอร์นั้น รักริวในความเป็นพระเอก แต่ตัวผมไม่ใช่ ผมมีความเป็นตัวเอง
ด้วยความที่ตัวภรรยาเองคาดหวังที่เราเป็นพระเอกจริงๆ แต่เราไม่ใช่ ในชีวิตจริงผมยอมรับเลยว่าเป็นคนเจ้าชู้ แล้วผมก็พูดเลยก่อนคบว่า ถ้าจะคบกับผมรับได้มั้ยในความเจ้าชู้ เขาก็บอกว่ารับได้ในความเป็นตัวริว ผมก็บอกว่า แน่นะ อะ รับได้ก็คบ ผมก็ได้มีลูกกับเขา แต่ปัญหาอื่นๆ ที่เคยเกิดขึ้นไม่ขอพูดถึง เพราะทุกวันนี้เขามีชีวิตที่ดี และลูกผมก็น่ารัก"
ที่บอกว่า ริวรู้สึกไม่มีคนรักและอยากจะฆ่าตัวตายอันนี้เกิดขึ้นได้ยังไง?
"พอหลังจากที่ชีวิตครอบครัวไม่ประสบความสำเร็จ เนื่องจากเรามองภาพสวยเกินไปในเรื่องครอบครัว ปรากฏว่าเส้นทางที่เราคิดกับความเป็นจริงมันสวนทางกัน มันกลายเป็นความหึงหวง จากที่ภรรยาเขาบอกรับได้ กลายเป็นรับไม่ได้"
อะไรที่ทำให้คิดฆ่าตัวตาย?
"จากที่เราแยกทางกัน ครอบครัวพัง ลูกก็ไม่ได้อยู่ด้วยกัน มีปากเสียงกันนิดหน่อย การที่ผมจะไปพบลูกในสภาพที่ไม่มีเงิน ในความที่เราเป็นพ่อ เราก็อยากให้เงินเขา เราอยากดูแลเขา แต่การที่ผมเจอทุกครั้งมันต้องใช้เงิน เลยรู้สึกว่าลูกเราคือตัวประกันรึเปล่า ผมเลยคิดว่าถ้าผมมีผมให้ ผมก็ให้จริงๆ ผมจะเซ็นเช็คทีละ 3-4 แสน ผมให้จริงๆ แต่นานๆ ครั้งผมจะไปเจอลูก ทุกครั้งที่เจอและได้กอดกัน มันมีน้ำตา"
แสดงว่าไปเยี่ยมลูกแต่ละครั้ง?
"แน่นอนผมยินดี ตอนนั้นผมมีเงิน"
แล้วตอนที่เราแยกจากภรรยาและลูก 3 คน หน้าที่การงานเราเป็นยังไง?
"ตอนนั้นดีครับ เป็นออแกไนซ์บริษัทใหญ่ ผมจัดงานในอิมแพค"
...
แล้วมันเริ่มพังตอนไหน?
"เรื่องงานผมไปได้ดีมาก เรื่องเงินทุกอย่างไม่มีปัญหาเลย แต่มีปัญหาเรื่องชื่อเสียงนี่แหละครับ พอมันเป็นข่าวทุกคนก็เอากระแส เกาะติดกระแส สื่อโน้นก็เขียนอย่างนั้น แยกประเด็นผมบ้า ผมเพี้ยน ผมทำร้ายภรรยา ประดังเข้ามาเป็นกระแสไวรัลอยู่ในยุคโซเชียลเริ่มต้นของสมัยนั้นที่เป็นสมาร์ทโฟนเข้ามา มีเฟซบุ๊ก hi5 เข้ามา กลายเป็นว่าหน้าจอตั้งอยู่แบบนี้ แต่ความเครียดโผล่ให้เห็นของคนทั่วประเทศ"
แสดงว่าชีวิตเราที่พังตอนนั้นไม่ใช่ครอบครัว ไม่ใช่ลูก 3 คน ไม่ใช่อดีตภรรยา แต่เป็นเพราะโซเชียล เพราะสื่อ?
"แต่ผมจะไม่โทษโซเชียล เพราะโซเชียลจะเป็นฟรีความคิดเห็นของคนว่า ความรู้สึกผมเอ๊ะอ่านข่าวนี้เขาจะเชื่อหรือไม่ จะให้กำลังใจหรือด่า อันนี้ผมไม่เคยว่า แต่ผมก็บอกกับตัวภรรยาแล้วว่าอย่าไปสนใจได้มั้ยกับกระแสพวกนี้ มันนานาจิตตัง ตัวผมเองทำงานในวงการบันเทิงผมรู้สึกว่า ถ้าเราไปแคร์มากกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์
แสดงว่าผมคงไม่ต้องทำงานอะไรแล้ว ยอมแพ้ในชีวิต เพราะฉะนั้นเรื่องงานผมสำคัญมาก 1.การเป็นพระเอกไม่ง่าย เพราะฉะนั้นเวลาข่าวอะไรมากระทบแน่นอน แต่สื่อมวลชนรู้มั้ย ถ้าเป็นตัวคุณเอง ครอบครัวคุณเอง มีคนไปเขียนเรื่องคุณ แต่โอเคคุณไม่ใช่ดารา ไม่ใช่ศิลปิน แต่ตัวคุณเป็นคนเขียน นามปากกาคุณ คุณเคยรับผิดชอบอะไรมั้ยในชีวิตที่มันพังไป หนังสือขายได้ เย้"
...
แสดงว่าจุดที่เราคิดว่ามันพังจริงคือการที่เกิดขึ้นจากที่สื่อมวลชนเขียนข่าว พาดหัวข่าว?
"สื่อบางคนเขาก็ดี อย่างเช่น คุณบอยเนี่ย เขาบอกอย่างนี้ดีนะ เขาจะช่วยเรา นี่สิเขามีจรรยาบรรณ เขามีหัวใจเป็นเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน คนเป็นเพื่อนต้องคิดอย่างนี้ ไม่ใช่ว่าจับข่าวนี้โดนแน่ สื่อมวลชนคิดว่าตัวเองใหญ่มาก อย่าคิดว่าตัวเองใหญ่"
จากข่าวที่มันเกิดขึ้น อันนี้ทำให้เราคิดจะกระโดดตึกฆ่าตัวตาย?
"ด้วยบาดแผลตรงนั้นมันหนักมาก คือพาดหัวว่า ริวเพี้ยนเข้าโรงพยาบาลบ้า สัมภาษณ์รายการ ปากโป้ง พี่หนุ่มกรรชัย เอาข้อมูลจากที่ต่างๆ ริวไปแก้ผ้าด่าศูนย์ AIS แต่การที่ใช้ปากพูดออกสื่อเนี่ย ผมถามหน่อย คนบ้าอะไรจะไปแก้ผ้าด่า AIS ขับเบนซ์คันเบ้อเร่อไปเสียค่าโทรศัพท์ 2 พันถึงขนาดต้องโมโหแก้ผ้าเหรอ"
ที่มันรวมกันมา มันก็ทำให้เราถึงจุดหนึ่งที่ทำให้เราจะฆ่าตัวตาย กระโดดตึก?
"ด้วยความที่คนอื่นแบบ อย่าไปคุยกับริว ริวมันบ้า แสดงว่าไปติดข้อมูลเก่าในสื่ออินเทอร์เน็ต ไม่เคยมีใครแก้ให้เลย"
ในฐานะสื่อ พี่บอยฟังแล้วรู้สึกยังไงบ้าง?
บอย "มันเป็นอย่างที่ริวพูด ณ เวลานั้น ตอนนั้น ข่าวมันไปในทางนั้นแล้ว คำหนึ่งที่ริวไม่ได้พูด แต่มันอยู่ในความรู้สึกการปล่อยข่าวช่วงนั้นก็คือ พระเอกวัยรุ่นทรยศแฟนคลับ ซุกลูก ซุกเมีย อันนี้เป็นคำที่คิดว่าน่าจะอยู่ในใจริว แล้วก็เป็นบาดแผลในหัวใจเขา แล้วมันเป็นเรื่องจริง จำได้มั้ยริว ที่เราถามริวรักษาอาการป่วยทางจิตอย่างไร บอยไม่เรียกว่าเขาบ้านะ เขาเล่า 5 โรงพยาบาลในรอบ 10 ปี เขารักษา เขาป่วย เพราะที่ผ่านมาตั้งแต่เข้าวงการมันมีหลายเรื่องที่บีบคั้นหัวใจเขา"
ริว "คุณบอยรู้ไหมว่าผมป่วยเพราะอะไร"
...
บอย "เพราะ"
ริว "ป่วย เพราะสื่อมวลชนนี่แหละทำผมไว้ ผมรักมากนะวงการบันเทิง เป็นครอบครัวผม เป็นบ้านผม แต่บ้านหลังนี้เมื่อคนเอามีดมาแทงผม เพื่อจะขายข่าว ผมรู้สึกว่าคนในบ้าน เมื่อญาติพี่น้องยังจะทำร้ายกันเองในยามที่เราเพลี่ยงพล้ำแทนที่จะประคบประหงมน้องริวไปทางนี้นะ น้องริวดูแลลูก เราสร้างภาพพ่อที่ดีก็ได้นะ เดินไปในทางอบอุ่นของครอบครัว เลี้ยงดูลูก พาลูกไปนู้นนี่ ก็ยังดีกว่าริวมันเพี้ยน บ้านแม่งพัง"
พอฟังแบบนี้พี่บอยคิดว่าสื่อมวลชนจะฆ่าคนคนหนึ่งได้เลยไหม ข่าวลบฆ่าคนได้ไหม?
บอย "เรารู้อยู่แล้วว่ามันทำลายความรู้สึก แต่ริวเป็นกรณีแรกในการเป็นนักข่าวตลอด 20 กว่าปีว่านี่คือตัวอย่างของสื่อในยุคนั้น ซึ่งเราเองก็เป็นสื่อในยุคนั้น สื่อเวลาพาดหัว เวลาเขียนข่าวมันมีพลังกับคนสมัยนั้นคนเชื่อสื่อเยอะมากเวลาสื่อออกข่าวไป อย่างที่ริวเจอ ซุกลูก ทรยศแฟนคลับมันเป็นคำที่อยู่ในใจริว
และนั่นคือ 2 ชม.แรกในวันแรกที่เจอแล้วมันมีคำนี้มาหาเรา เรารู้สึกมันเป็นแบบแผลในใจเขา เราทำด้วยหรือเปล่า เราถามตัวเองนะ วันรุ่งขึ้นเราถึงได้มาสัมภาษณ์ริวที่แกรมมี่ แต่เรามานั่งทบทวนในคืนนั้นว่าเราจะสื่อสารเรื่องริวอย่างไรให้ดี และคนเข้าใจในความเป็นริวและบอยยืนยันวันที่ไปคุยก่อนสัมภาษณ์จริง เขาไม่ได้บ้า เขาน้อยใจ แต่เขาน้อยใจและประชดชีวิต และไม่รู้จะไปพึ่งใคร เพราะมันเค้วงมาก"
ริว "มันก็กลายเป็นว่าทั้งสื่อ ทั้งครอบครัวเรารวมกันทำร้าย ตอนนั้นตัวผมเองก็ชื่อเสียงใน ยุค90’s เล่นเป็นพระเอกทางบ้านเองบอกว่าถ้ามึงเป็นอย่างนี้กูก็ทำลายชื่อเสียงมึงได้ สรุปแล้วผมก็ไม่เหลือใครแล้วจริงๆ ในช่วงนั้นผมคิดก่อนเลยว่าไปทำบุญดีก่อนไหม ก็ขับรถไปวัดทำบุญ 2 ล้านบาท
ทีนี้ผมไม่ต้องทำอะไรแล้ว ในเมื่อเรื่องเงิน เรื่องทองมันสำคัญกับทุกคนมาก ก็คิดว่าถ้ามีเงิน มีทองแล้วมันขนาดนี้ ไม่เอาดีกว่าไหม ผมไปเคาต์ดาวน์เชียงราย ผมก็พกเงินตัวเองในกระเป๋าไปประมาณล้านกว่าบาท ไปกินเบียร์ ฉลอง พอเคาต์ดาวน์ ผมไม่เอาอะไรกับชีวิต คิดว่าจะไปเตะขอบฟ้าพอแล้ว ปีใหม่ผมจะเป็นคนใหม่ ก็ควักเงินมา 2 แสน พอนับถอยหลังผมก็โยนเงิน"
ครั้งหนึ่งที่เราอยากฆ่าตัวตาย แต่ก็รอดตรงนั้นมาได้ เพราะเรายังอยากเป็นพ่อของลูกๆ อยู่?
ริว "มันเป็นเรื่องที่ดีที่จะได้พูด เพราะผมเป็นบุคคลหนึ่งที่เคยจะฆ่าตัวตาย ไม่อยากอยู่ แล้วคิดตัดสินใจว่า ตอนนั้นมีการศึกษาด้วยนะว่าคนฆ่าตัวตาย กระโดดที่ไหนแล้วตาย ต้องดูข่าว ผมต้องคำนวณความสูง คำนวณระยะเวลาว่าเขาโดดตอนกี่โมง แล้วเขาทำสำเร็จได้ยังไง ผมเช็กข่าวแล้วเดินทางไป ณ จุดนั้นจริงๆ ผมพยายามอยู่ 2 ครั้ง ผมไป 2 วันติด ครั้งแรกผมไปชั้นจอดรถของเดอะมอลล์บางกะปิ ผมก็มองตรงนี้ผ่านมั้ย อุ๊ย รถผ่าน เดี๋ยวเดือดร้อนคนอื่น แล้วถ้าคนเดินผ่านมากูไปทับเขาตาย กูก็บาปอีก ล้มเลิก วันที่2 ขอเช็กก่อนว่ามีใครรักกูมั้ย แต่ก็ยังไม่มีสัญญาณชีพของความรักเกิดขึ้น ยังไงเธอก็จะจากฉันไปให้ได้ งั้นเอาวันนี้แหละ วันที่เขาเดินทางไปต่างประเทศ"
แล้ววันที่ 2 ตัดสินใจว่าเอาแล้ววันนี้จะฆ่าตัวตาย?
ริว "แน่นอนวันนี้เป็นวันพิฆาตตัวเอง เพราะไม่มีสัญญาณชีพของความรักเกิดขึ้น ทั้งที่ผมให้ความสำคัญมาก จนชีวิตนี้คงจะหาไม่แล้ว พอแล้ว ไม่อยากอยู่แล้ว ก็ไป ณ ที่จุดจุดหนึ่ง ยืนสูบบุหรี่มอง ตรงนี้น่าจะเป็นจุดที่สำเร็จได้ รอจังหวะนับในใจ ยามก็เดินมาดู ผมก็บอกไม่มีอะไร ดูนก ดูไม้กลัวเขามาล้อมผม เพราะผมยืนนานมาก ประมาณ 3 ชม. คือตัดสินใจว่าจังหวะนั้นต้องไม่มีใครผ่านมา แล้วต้องไม่มีรถ ต้องลงในจุดไหน"
แล้วอะไรที่ทำให้เราเปลี่ยนใจ?
ริว "จังหวะนั้นสูบบุหรี่จนหมดซองตัวสุดท้าย คิดว่าตายแบบไหนให้ดวงจิตมันไปดีๆ ก็คิดว่าตายแบบมีความสุขก็ได้นะ ได้หมดตัวนี้กระโดดเลยทันที จังหวะทิ้งบุหรี่ ทิ้งลงข้างล่างนะดูว่าตำแหน่งบุหรี่จะตกตรงไหน ดูทางลมนิดนึง อย่าออกไปตรงหญ้านะ เดี๋ยวไม่ตาย พิการ อย่าไปติดต้นไม้ ต้นไหนนะ เดี๋ยวกลายเป็นภาระคนอื่นอีก เอาละบุหรี่ลงวางโทรศัพท์เตรียมปีนแล้ว
สักพักโทรศัพท์มา แฟนโทรมา ผมก็รับ เขาถามพี่อยู่ไหน ทำไมติดต่อไม่ได้เลย ก็ไม่ได้เปิดเครื่อง เพิ่งเปิดเมื่อกี้ แล้วโทรมาทำไม พี่อยู่ไหน อยู่ลานจอดรถ พี่ไปทำอะไร พี่กำลังจะกระโดด เขาบอกพี่จะบ้าเหรอ พี่ขอร้อง พี่อย่าบ้า เขาก็ดุผม แล้วเขาร้องไห้ขอร้อง อย่าทำ ตอนนั้นผมก็ร้องไห้ เขาก็รักเราว่ะ พี่เดี๋ยวหนูโอนเงินให้พี่ 2 พันกลับบ้านนะ มึงรักจริงปะเนี่ย"
แล้วใช่แฟนคนนี้ไหมที่เรามีลูกด้วย?
ริว "ไม่ใช่ ก่อนผมจะกระโดดผมโทรไปหาอาม่านะ ถามว่าอาม่าสบายดีไหม ดูแลลูกผมดีๆ"
จริงๆ เคยร่วมงานกับนิกกี้มาก่อนไหม สมัยวัยรุ่น?
ริว "ก็อยู่ RS ผมเป็นพิธีกร เขาเป็นศิลปิน"
ตอนนั้นสนิทกันไหม?
นิกกี้ "ไม่ได้สนิทมาก แต่ว่ามีการเจอกันบ้าง พูดคุยกันบ้าง"
แล้วพอเห็นข่าว อะไรทำให้โพสต์ ริวมีอะไรให้ผมช่วยเหลือ?
นิกกี้ "สำหรับผมมันไม่จำเป็นต้องสนิท สำหรับริวผมไม่ติดอะไรเพราะตัวผมเอง ผมเกเรมาก่อน แล้วสิ่งที่เขาน่าจะเผชิญอยู่ ผมเคยผ่านมาหมดแล้ว พอวันนี้ผมตั้งตัวใหม่ได้ ผมก็รู้สึกว่าควรจะให้โอกาสคนที่เขาต้องการความช่วยเหลือ นั่นก็เลยเป็นสิ่งที่ทำให้เรารู้สึกแล้วโพสต์ไป แล้วตามหาเขาก็ตั้งใจจริงๆ"
ที่ตั้งใจคือตั้งใจช่วยในด้านไหนบ้าง?
นิกกี้ "คือถ้าคนให้เงินคงจะหมดแล้วแหละ เพราะเขาต้องไปใช้ในชีวิตประจำวัน ถ้าคิดว่าจะช่วยก็ต้องให้สุด ก็คิดว่าจะสร้างงานให้เขาก่อน เดี๋ยวจะเอาเขามาทำงานกับองค์กรผม อาจจะมาช่วยทำรายการ ช่วยขายของ"
น้อยคนที่จะเหมือนกับนิกกี้ ความรู้สึกข้างในเราเป็นยังไง?
ริว "ผมมีความรู้สึกว่านี่ขนาดเราคุยกันน้อยๆ นะเนี่ย พอเขาได้เห็นข่าว พอเขาประกาศ นิกกี้เขาชัดเจนทุกเรื่องอย่างน้อยเขาคล้ายๆ ผมอย่างนึง ถ้าผมตัดสินใจแล้ว หรือจะช่วยใคร ผมจะช่วยทันที"
ตอนนี้พร้อมจะมาทำงานกับนิกกี้ไหม?
ริว "ยังไม่ได้คุยเลย ยังไม่รู้ว่านิกกี้เขาคิดอะไรอยู่ วันนี้ก็เซอร์ไพรส์เหมือนกันว่ามาอยู่ในรายการ แต่ก่อนหน้านี้ทราบแล้วว่านิกกี้ตามหาอยู่"
อยากจะบอกอะไรริว?
นิกกี้ "ผมเป็นคนที่ถ้าพูดไปแล้วก็ต้องทำ พอรายการทักมา โอเคมาเซอร์ไพรส์ริวผมก็ยกเลิกทุกอย่าง แล้วมา คือผมก็ไม่ได้องค์กรใหญ่อะไรมาก แต่ผมเชื่อว่าถ้าเขาได้รู้คุณค่าของตัวเองได้กลับมาทำงาน ได้เห็นศักยภาพของตัวเอง ชีวิตเขาจะรู้สึกภูมิใจในการที่เขาจะหาเงิน".