หลังจากที่ไม่ได้มาหาคุณพ่อมาพักใหญ่ ล่าสุด ป๊อก ภัสสรกรณ์ ก็พาลูกฝาแฝดและภรรยาสุดที่รักมาเยี่ยมคุณปู่สุทธิเกียรติ จิราธิวัฒน์ ที่โรงแรม งานนี้หลานสุดที่รักทั้ง 2 อ้อนและเล่นกับคุณปู่อย่างสนุกสนาน ก่อนที่ป๊อกจะพาคุณปู่ไปนั่งรถหรูที่ซื้อให้คุณปู่เมื่อกลางปีเล่น พร้อมกับพูดคุยกันไปด้วย 

ซึ่งป๊อกเริ่มเล่าถึงเรื่องเมื่อครั้งไปเที่ยวมัลดีฟส์ และบอกว่า มีก้า มีญ่า อยากไปมัลดีฟส์อีก ชอบมาก แต่ไปรอบหน้าอยากให้คุณปู่ไปด้วย

งานนี้คุณปู่เลยเล่าสิ่งที่ทำให้ ป๊อก ถึงกับอึ้งให้ฟังว่า โรงแรมที่มัลดีฟส์เกือบไม่ได้ทำ ก็เลยซื้อเองหลังจากนั้น เกาะแรกดีทำได้ 2-3 ปี ก็เลยซื่อใหม่เลย ซื้อทีละ 5 เกาะเลย ซื้อเกาะที่มัลดีฟส์ ตอนนี้มี 5 เกาะ เปิดแล้ว 2 เกาะ เหลืออีก 3 เกาะกำลังออกแบบอยู่ เป็นเซ็นทาราหมด งานนี้ทำเอาลูกชายถึงกับร้องห้ะ ด้วยความตกใจและช็อกจนพูดไม่ออกไปเลย 

ก่อนที่ มาร์กี้ จะถามเรื่องการลงทุนทำโรงแรมมีขาดทุนบ้างมั้ย งานนี้คุณปู่ก็เล่าให้ฟังว่า จะพูดว่าขาดทุนมันก็ลำบาก โรงแรมลาดพร้าวตอนนั้นยังไม่รู้จักเรื่องโรงแรมดี ไปเซ็นสัญญากับบริษัทหนึ่งแล้วขาดทุน ก็เลยยกเลิกสัญญา แล้วไปคุยกับบริษัทใหม่เขาก็ทำไม่ได้ตามที่คุยไว้ ก็เลยขอเขาจะเอามาทำเอง ถ้าขาดทุนก็ยังได้รู้ว่าขาดทุนอะไรบ้าง ก็เลยทุ่มสุดตัว

...

งานนี้ ป๊อก ก็เลยเสริมว่า ตอนนั้นแม่เล่าให้ฟังว่าพ่อกินยาเป็นกำๆ เลย เพราะปวดขมับมาก ก่อนที่คุณปู่จะเล่าต่อว่า พอเริ่มทำเอง โชคดีเศรษฐกิจมันบูม มีคนเริ่มมาช็อปปิ้งมากขึ้น ปีที่ 2 ก็มีกำไร ก็เลยเริ่มขยาย มาร์กี้เลยถามต่อว่า 6 ปีแรกนั้นขาดทุนไปเท่าไร งานนี้คุณปู่เลยบอกว่า 700 กว่าล้าน ตอนนั้นคนในครอบครัวไม่อยากให้ทำแล้ว อยากให้ขายให้คนอื่น แต่ก็ได้พี่ชายอีกคนมาช่วยซัพพอร์ต ก็เลยสู้ต่อ 

หลังจากนั้นก็เริ่มขยับขยายพอทำได้ดีก็เดินทางไปรอบประเทศไทยหาไล่ซื้อที่ขยายกิจการทันที ก่อนที่คุณปู่จะเล่าให้ฟังต่อว่า คุณพ่อเคยสอนเอาไว้ว่า จะทำอะไรให้ยึดสถานที่เป็นหลัก จะแพงแค่ไหนแต่ต้องเลือกสถานที่ที่ดีที่สุด คนที่ 2 ที่ 3 จะตามมาทำก็สู้เราไม่ได้แล้ว 

คุณปู่เล่าให้ฟังต่อว่า เคยไปขอซื้อที่ที่สมุยจากคนคนหนึ่งมา เขาขายให้ไร่ละ 12 ล้าน แต่ต่อมาได้ไร่ละ 10 ล้าน แต่เขาบอกว่าให้พบกันครึ่งทางคือ 11 ล้าน หลังจากนั้นก็รีบออกแบบและเป็นโรงแรมแรกและโรงแรมเดียวที่ภายใน 3 ปีมีกำไรเพราะธรรมดาการทำโรงแรมต้องใช้ระยะเวลา 7-8 ปีกว่าจะกำไร