ก่อนหน้านี้ผู้จัดละครสาว ตู่ ปิยวดี มาลีนนท์ ต้องพักรักษาตัวอยู่พักใหญ่ เพราะมีทั้งเรื่องแบคทีเรียในกระเพาะ ทำให้ปวดท้องมาก และยังเป็นโรคต้อลมอีกด้วย รวมถึงอัปเดตหลังผ่าตัดที่เข่าและกล้ามเนื้อลีบลง ล่าสุด ตู่ ปิยวดี มาร่วมงาน “Sewa 5th Anniversary & New Product Launching” ณ แฟชั่นฮอลล์ ชั้น 1 ศูนย์การค้าสยามพารากอน นักข่าวจึงอัปเดตอาการป่วยต่างๆ ว่าเป็นยังไงบ้าง

ถามถึงเรื่องขาเป็นยังไงบ้าง?
“เรื่องขาตอนนี้ก็ดีขึ้นค่ะ แต่ต้องทำกายภาพ เพราะพอผ่าตัดกล้ามเนื้อก็จะลีบลง เหมือนมันเรียนรู้โดยธรรมชาติ ก็ลีบลงไปต่างกันครึ่งๆ เลยค่ะ ตอนนี้ก็พยายามกายภาพด้วยเครื่องกระตุ้นไฟฟ้า เหมือนเครื่องที่ใช้ทำซิกซ์แพ็ก แต่มาทำที่ขาเราแทน เพื่อให้กล้ามเนื้อมันกลับมาได้เร็ว”

แล้วตอนนี้เท่ากันหรือยัง?
“ตอนนี้ยังไม่เท่ากันเลย คุณหมอบอกว่ายังบอกไม่ได้ว่าต้องทำนานมั้ย มันอยู่ที่ความขยันของเราด้วยว่าเรากายภาพได้บ่อยแค่ไหน อย่างน้อยก็อาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง แต่ตอนนี้ไปได้แค่อาทิตย์ละครั้งเอง”

...

มีปัญหากับการใช้ชีวิตมั้ย?
“ก็ถ้าเดินมากๆ มันจะเมื่อย ขาที่มีปัญหาจะเมื่อยกว่าอีกข้างนึง เพราะกล้ามเนื้อมันเล็กกว่า และพอไปใช้งานเท่ากันมันก็จะเมื่อยกว่า”

ใส่ส้นสูงมีปัญหามั้ย?
“ก็มีปัญหาเหมือนกัน (หัวเราะ) เมื่อก่อนใส่ได้ถึง 6 นิ้ว แต่ตอนนี้ก็ลดลงมา”

กายภาพมานานแค่ไหนแล้ว?
“ตอนผ่าเสร็จ 3 เดือนแรกยังทำอะไรไม่ได้เลย ผ่าตั้งแต่ ม.ค. พอผ่านไป 3 เดือนก็เร่ิมทำกายภาพตั้งแต่ เม.ย. ตอนนี้ก็ประมาณ 4 เดือนค่ะ”

จุดเร่ิมต้นเกิดจากอะไร?
“คุณหมอบอกว่าเป็นมาตั้งแต่เกิด แต่เราเพิ่งมาเจอว่ามันเป็นปัญหาตอนนี้ คือกระดูกเรามันใหญ่กว่าอีกชิ้นนึง จริงๆ มันควรเท่ากัน แต่พอมันใหญ่กว่ามันก็เลยกระแทกกระดูกอีกชิ้นจนแตก คุณหมอก็เลยแนะนำให้ไปทำให้กระดูกมันเล็กเท่ากัน”

ก่อนที่จะผ่าตัดมีอาการยังไง?
“คือมันเดินไม่ได้เลย เพราะเข่ามันบวมมาก และตอนแรกคุณหมอก็นึกว่ามีน้ำในเข่าหรือเปล่า พยายามที่จะเจาะออกแต่แป๊บนึงก็กลับมาบวมใหม่ คุณหมอก็เลยคิดว่ามันต้องมีอะไร ก็เลยทำ MRI คุณหมอก็เลยบอกว่าผ่าเลยดีกว่า”

ตอนผ่ากลัวว่ามันจะร้ายแรงมั้ย?
“ตอนผ่าก็กลัวเหมือนกันค่ะ พอคุณหมอบอกว่าต้องผ่าตัด สีหน้าเราออกเลย คุณหมอก็รู้แล้วว่าเราตกใจ คุณหมอก็บอกว่าไม่ต้องห่วงนะ หมอเป็นหมอที่ดูแลนักกีฬาทีมชาติ และผมก็ผ่าให้หลายคนแล้ว เขาก็กลับไปเล่นกีฬาได้ปกติ เราก็เลยคิดว่าน่าจะโอเค และพอผ่าออกมาแผลเล็กมากๆ”

ตอนที่ต้องพักฟื้นต้องนอนเฉยๆ เรารู้สึกยังไง?
“ตอนที่คุณหมอบอกว่าจะวิ่งไม่ได้อีกแล้วในชีวิตนี้ คือคุณหมอไม่แนะนำให้วิ่งอีกแล้ว ตอนนั้นกำลังฝึกที่จะวิ่ง 5-10 กิโล มีความอยากจะวิ่งมินิมาราธอน ก็ดับฝันไป แต่ก็โอเคแหละ ถึงวิ่งไม่ได้ แต่เดินได้ก็โอเคค่ะ”

คุณหมอบอกมั้ยว่าหลังผ่าจะกลับมาใช้ชีวิตปกติได้มั้ย?
“เคยถามคุณหมอเหมือนกันว่าถ้าเราฝึกกล้ามเนื้อไปเรื่อยๆ จะสามารถทำให้กลับมาวิ่งได้มั้ย คุณหมอก็พูดแค่ว่าไม่แนะนำแล้ว”

ณ วันนี้อาการดีขึ้นแค่ไหน?
“ตอนนี้ถือว่าอาการก็ดีขึ้นประมาณ 90% แล้วนะคะ แต่ถ้าเราใส่ส้นสูงเยอะๆ หรือกระแทกมากๆ ก็จะมีอาการเจ็บนิดหน่อย แต่จะมียาที่เราจะต้องกินประจำทุกวัน”

แล้วกระดูกที่มันบวมตอนนี้เป็นยังไง?
“คือมันมีกระดูกตอนที่กระทบกันจนมันแตกและเป็นชิ้นเล็กๆ หลุดออกมา คุณหมอก็บอกว่ากระดูกที่มันร้าว ต้องรอให้มันประสานเอง”

...

เรื่องตาเกิดจากอะไร?
“คือตอนนั้นไปหาคุณหมอ เพราะว่าเหมือนเป็นแบคทีเรียในกระเพาะ และปวดท้องมาก แต่คุณหมอมองหน้าแล้วบอกว่าใช้มือถือเยอะหรือเปล่า ใช้มือถือตอนไม่มีแสงหรือเปล่า เราก็งงว่ามันเกี่ยวกับปวดท้องด้วยเหรอคะ (หัวเราะ) คุณหมอก็บอกว่าเห็นมีเยื่อขาวๆ อยู่ในตาเราข้างขวา คุณหมอก็บอกว่าเพราะเราใช้มือถือเยอะ และใช้ในช่วงที่แสงน้อยๆ เพราะเป็นคนที่ตื่นมาปุ๊บก็ไถมือถือเลย ไฟยังไม่ได้เปิด จริงๆ คุณหมอบอกว่าต้องหลีกเลี่ยงพฤติกรรมนี้ แต่อาการเป็นต้อลมมันไม่จำเป็นต้องผ่าตัดนะคะ และไม่ได้ต้องรักษาอะไร เพียงแต่แค่พยายามใช้มือถือให้น้อยลง แต่ถามว่าจะหายมั้ย มันเป็นแล้วก็เป็นเลย”

ต้องงดใช้เลยมั้ย?
“เมื่อก่อนทุกโพสต์ในไอจีตู่จะตอบคอมเมนต์ทุกคน ไม่ว่าจะคนส่งมาซ้ำแค่ไหนก็จะตอบ ตู่คิดว่าการตอบของเราอาจจะเป็นกำลังใจให้เขาก็ได้ ตอนนี้ก็ตอบน้อยลง ก็คือเลือกแค่ว่าถ้ารูปนี้ไม่ตอบก็ไม่ตอบเลย แต่ถ้ารูปนี้ตั้งใจจะตอบก็จะตอบทุกคนเหมือนเดิม แต่อาจจะไม่ได้ตอบทุกรูปเหมือนสมัยก่อนแล้วนะคะ และพยายามเวลาที่ตื่นมาจะไปเปิดม่านก่อน แล้วค่อยเล่นมือถือ ก็ให้มันมีแสงเข้ามาในห้องบ้าง หรือตอนกลางคืนก็เปิดไฟไว้ก่อนถ้ายังเล่นโทรศัพท์อยู่”

แต่ถ้าไม่ปรับพฤติกรรมจะเป็นหนักกว่านี้มั้ย?
“ถ้าเกิดไม่แก้ไขก็อาจจะเป็นมากขึ้นๆ จนกระทั่งเยื่อขาวๆ อาจจะมีผลต่อการมองเห็น และจะลามไปเรื่อยๆ ตอนนี้มันยังอยู่แค่ขอบๆ ค่ะ แต่ถ้าต่อไปมันลามมาถึงตาดำก็อาจจะทำให้ตาแห้งมากขึ้น หรือมีผลต่อการมองเห็นค่ะ”

...

เป็นทั้งบนและล่างเลยตอนนี้?
“ตอนแรกก็รู้สึกว่าเป็นก็รักษาไป แต่ตอนนี้ก็เริ่มมาคิดเรื่องเจ้ากรรมนายเวรแล้วล่ะ เพราะป่วยบ่อยมากจริงๆ ตั้งแต่ต้นปีมานี่ก็เข้าโรงพยาบาล 3 รอบแล้ว ตอนนี้ก็เริ่มสวดมนต์ เริ่มแผ่เมตตา เริ่มขอขมากรรมทุกอย่าง (หัวเราะ)”

อันนี้มีใครบอกหรือเปล่า?
“คิดเอาเองค่ะ เพราะว่ามันหนักทุกอันเลย”

ต้องมีเช็กดวงตลอดมั้ย?
“ยังไม่ได้เช็กเลย แต่ว่าตอนนี้เราเริ่มสวดมนต์ เริ่มแผ่เมตตา เราก็รู้สึกว่ามันดีกับเราด้วย เราทำอะไรมีสมาธิขึ้น และตู่หลับง่ายขึ้นมาก ปกติเมื่อก่อนเป็นคนนอนไม่หลับ แต่เดี๋ยวนี้สวดมนต์แล้วรู้สึกว่าทำไมเราหลับสนิทดีจัง”

อะไรที่ทำให้คิดว่าเป็นเจ้ากรรมนายเวร?
“หมอชอบพูดว่าปกติไม่เจอนะ เคสแบบนี้น้อยมากคนที่เกิดมาแล้วกระดูกเข่าสองชิ้นใหญ่ไม่เท่ากันเนี่ย และแบคทีเรียที่ลงกระเพาะก็เป็นตัวที่คุณหมอบอกว่าเจอยากมาก หมอไม่ได้เจอมาหลายปีมากแล้ว ก็เลยรู้สึกว่าแล้วทำไมมันมาอยู่ที่เรา”

...

ตั้งเป้าจะเดินสายทำบุญยังไง?
“คิดว่าอาจจะทำบุญที่เกี่ยวกับโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ไปโรงพยาบาลสงฆ์อะไรแบบนี้ค่ะ”

หลังจากนี้ก็ไม่มีอะไรที่น่ากลัวแล้วใช่มั้ย?
“หวังว่านะคะ (หัวเราะ) เพราะเป็นเกือบจะครบแล้ว”

เป็นปีชงหรือเปล่า?
“ไม่ชงนะ จริงๆ ปีนี้เป็นปีที่ดีของตู่ด้วย หมอดูทุกคนก็บอกว่าดีมาก เงินจะเข้าปังๆ เลย แต่ปรากฏเงินเข้าโรงพยาบาลปังๆ เลย (หัวเราะ)”

สามีให้กำลังใจยังไงบ้าง?
“เขาก็มาเฝ้าตลอด เขาก็ให้กำลังใจ บอกว่าตู่ไม่ต้องกังวลนะ เข้าโรงพยาบาล เพราะว่าของกินรอบโรงพยาบาลอร่อยมาก ไม่ต้องห่วงเขา (ยิ้ม) เขาจะเอ็นจอยกับชีวิตในโรงพยาบาลมาก ก็จะหากิจกรรมอะไรมาทำ เขามีไมโครเวฟเครื่องนึงก็ทำได้หลายเมนูมาก พอเห็นเขาเอ็นจอย เราก็รู้สึกว่าไม่ได้ทำให้เขาลำบาก”.