กลับมาทำเพลงอีกครั้งในรอบ 8 ปี สาวอารมณ์ดี ซาร่า-นลิน โฮเลอร์ เปิดตัวเพลงใหม่ “Tigerz” พร้อมปล่อยเพลง 8 ก.ค.นี้ และเปิดตัว หนุ่มคู่ใจ Ash Jordan (แอช จอร์แดน) แร็ปเปอร์ชาวอเมริกัน ในนามศิลปินดูโอ “จังเกิ้ล ซิตี้” 

จุดไฟจุดฝันให้ ซาร่า ร่วมทำเพลงนี้ด้วยกัน แล้วยัง ร่วมสร้างมิตรภาพที่ดีต่อกันไปด้วย ซาร่า ควง แอช เล่าถึงเพลงนี้ว่า

“ชื่อเพลงไทเกอร์ส เราทำกันในฐานะดูโอ ชื่อจังเกิ้ล ซิตี้ ก็มีจะมีซาร่าและแอช จอร์แดน เป็นทั้งโปรดิวเซอร์และศิลปิน เป็นซิงเกิลแรก ส่วนของซาร่าได้กลับมาทำงานเพลงในรอบ 8 ปี เพลงล่าสุดคือตอนไปจีน หลังจากนั้นไม่ได้ทำเพลงอีกเลยเพราะเรายังไม่เจอแนวทางที่เราถนัดจริงๆ จนได้มาเจอแอช จอร์แดน ที่เป็นโปรดิวซ์จากอเมริกา ด้วยคอนเซปต์เพลงต่างๆเค้าให้ทำเพลงที่เป็นตัวเราเองจริงๆ ปลุกความเป็นตัวเราออกมา”

จุดเริ่มต้นของซาร่ากับแอช มาเจอกันได้ยังไง ถึงเชื่อมโยงสู่การทำเพลงครั้งนี้? ซาร่า

“เริ่มเจอกันครั้งแรกที่ H&M ที่เอ็มควอเทียร์ ไปซื้อของปกติ เค้าเดินเข้ามาทักก่อน เค้าเห็นเรา ระยะไกลแต่ซาร่าหายไปเข้าห้องน้ำ ก็เลยเดินตามหา พอเรากลับมาในร้านอีกครั้งเค้าเดินเข้ามาขอเบอร์ ถามชื่อ ตอนที่ขอเบอร์เราก็ไม่ได้อยากให้เบอร์ด้วยและไม่ได้ให้ไอจีด้วยเพราะกลัวเค้ารู้ว่าเราเป็นใครเดี๋ยวเค้าจะตกใจ ก็เลยแลกไลน์กัน ผ่านไปอาทิตย์นึงเค้าติดต่อกลับมาแต่เรายังไม่ตอบ จนกระทั่งผ่านไป 2 อาทิตย์ เค้าชวนทานกาแฟ ประโยคที่เราตัดสินใจไปเจอคือประโยคที่ว่าเค้าอยากรู้จักเป็นเพื่อนเค้าบอกว่าคุณเคยรู้สึกว่าคุณจำเป็นต้องรู้จักใครสักคนมั้ย เค้ารู้สึกว่าเค้าต้องรู้จักซาร่า ซาร่าก็เลยโอเค ตัดสินใจเจอกันร้านวีแกน เป็นร้านอาหารสุขภาพ เค้าทานอาหารสุขภาพ เป็นจุดนึงที่คลิกกัน ตอนนั้นซาร่ากำลังอินกับการทำงานอาหารวีแกน หลังจากนั้นต่อมาไปเจออีกครั้งที่สตูดิโอทำเพลงของเค้าเอง เค้าพูดถึงเพลงที่เขาทำ ซาร่าแชร์ประสบการณ์ว่าเคยเป็นศิลปินมาก่อน แค่ไม่ได้ทำในสิ่งที่เราอยากทำสักที ไม่เชื่อว่า จะทำได้ ไม่เชื่อว่าตัวเองจะแต่งเพลงเองครีเอตเพลงได้”

...

แอช “ผมเลยบอกว่ามีสตูดิโออยู่ที่นี่ ผมมีพื้นที่ตรงนี้ คุณสามารถเข้ามาทำเพลงเมื่อไหร่ก็ได้ เอาความสบายใจของคุณ ตามความรู้สึกของคุณ ให้เป็นที่ที่ คุณรู้สึกปลอดภัยที่จะทำเพลงเพราะผมก็มีแพชชันด้านการทำเพลงเหมือนกัน”

แว้บแรกเค้าชวนแอบตกใจว่าเค้าจะมาหลอกเรามั้ย?

ซาร่า “ใช่ค่ะ แว้บแรกที่มาเจอก็ตกใจ เค้ารอ 2 อาทิตย์ จนครั้งที่ 3 เค้าส่งมาว่าจะส่งมาเป็นครั้งสุดท้าย เค้าส่งข้อความมาว่า โฟกัสความเป็นเพื่อนไม่อยากให้เราคิดมาก ตอนนั้นเรายังไม่พร้อมเริ่มต้นความสัมพันธ์อย่างอื่นแต่กลายเป็นจุดเริ่มต้นของมิตรภาพดีๆ เราชอบไลฟ์สไตล์คล้ายกัน ไม่ว่าเรื่องการกิน เรื่องเพลง เหมือนไฟเรามอดไปแล้วแล้วเค้ากลับมาจุดความฝันวัยเด็กของเราติดอีกครั้งนึง ครั้งแรกในชีวิตที่แต่งเพลงเอง ทำเพลงเอง กล้าที่จะใช้ความรู้สึก กล้าแต่งเนื้อเพลงเองไม่กลัวถูกหรือผิด”

เพลงนี้ต้องการสื่อสารอะไร?

แอช “อย่าทิ้งความฝันและความเชื่อของเรา ถ้าคุณมีเป้าหมายอะไรแล้วจงเชื่อมันค่อยๆทำ ลงมือทำทีละขั้นอย่างน้อยไม่ปล่อยมือ ทุ่มเททำให้เต็มที่ที่สุด เป็นแรงบันดาลใจให้คนมีความฝันกล้าที่จะทำในสิ่งที่อยากทำ”

ซาร่า “ชื่อเพลงเสือ เราทำในปีเสือ เราลิงก์หลายๆอย่าง หลายๆคนตั้งเป้าไว้แต่อาจจะยังทำไม่สำเร็จ แต่ไม่เป็นไร เรายังมีโอกาส เราอย่าปล่อยมันแค่ให้โอกาสมันผ่านไป ขอให้มีความเชื่อ เหมือนเสือต้องใช้เวลาตะคุ่มๆหาเหยื่อ จนมีโอกาสก็ต้องรีบคว้าไว้ สัญชาตญาณของการเป็นนักล่าเชิงการล่าฝัน รู้สึกกลับมาเป็น AF เลย (หัวเราะ)”

ทำไมเลือกให้เค้ามาร้องแร็ปในเพลงนี้ให้ด้วย?

ซาร่า “ความที่เค้าเป็นโปรดิวเซอร์ความมีแร็ปเปอร์เข้ามาทำให้เพลงมีมิติมากขึ้น ด้วยความถ้าเราโกอินเตอร์เพลงนี้เป็นการแชร์วัฒนธรรมมากกว่า ด้วยความซาร่าเป็นเอเชียนำเสนอด้านเอเชีย เค้าเป็นตัวแทนของชาวตะวันตกผสมผสานกัน เรามองว่าจังเกิ้ล ซิตี้ เป็นการรวมสองวัฒนธรรม เพลงนี้กลายเป็นฟังได้ทั้งโลก ด้วยความเป็นซิงเกิลแรกก็เลยแต่งท่อนนึงเป็นภาษาไทย ทำอีกหนึ่งเวอร์ชันทำให้คนไทยเข้าใจมากขึ้นด้วย”

ต่างคนมีมุมของตัวเองมีขัดแย้งกันเองมั้ย?

แอช “เราต่างเรียนรู้ซึ่งกันและกันบนพื้นฐานของเราทั้งคู่ ถึงต่างวัฒนธรรมก็ตามแต่เราสองคนมีความคล้ายกัน ใส่ใจและแคร์ครอบครัว เราพร้อมทุ่มเททุกอย่างเพื่อคนที่เราแคร์ อยากทำให้คนอื่นมีความสุข”

...

คาดหวังซิงเกิลนี้ขนาดไหน?

แอช “อยากให้เพลงนี้อีก 10ปีกลับมาฟังเพลงนี้ ลูกหลานจะได้ฟังมีแรงบันดาลใจในสิ่งที่ทำ คงจะทำเพลงไปเรื่อยๆไม่จำเป็นจะต้องเป็นเพลงตลาดหรือในเชิงพาณิชย์ เป็นเพลงที่ทำมาจากใจในการทำเพลง อยากทำค่ายเพลง ENLIGHTM และอยากผลักดันเด็กรุ่นใหม่ ให้คนไทยเอาผลงาน ไปสู่ข้างนอก”

เริ่มต้นจากความเป็นเพื่อนตอนนี้ถือว่าคบหาศึกษาดูใจกันรึเปล่า?

ซาร่า “เป็นเพื่อนที่แชร์และเป็นพาร์ตเนอร์ในการทำโปรเจกต์ร่วมกัน เค้าเล่าว่าอดีตเคยยึดติดการเป็นมากกว่าเพื่อน มันเหมือนเป็นการตีกรอบ มันเหมือนไม่มีกุญแจสำคัญในการเชื่อมโยงให้ศึกษาต่อกันไป ซาร่ากับเค้าเลยใช้คำว่าเพื่อนกันนั่นแหละ เฟรนด์ชิปเป็นกุญแจสำคัญที่จะทำให้เราได้เรียนรู้ด้วยกันต่อไปเรื่อยๆ หลังจากนั้นเราค่อยๆสร้างมันขึ้นมาภายใต้มิตรภาพนี้”

ถูกแซวเปิดตัวเพลงเปิดตัวแฟน?

ซาร่า “ด้วยความทำเพลงด้วยกันก็ต้องเปิดตัวกันอยู่แล้ว เราอยากให้เปิดตัวในเรื่องผลงานมากกว่า อยากให้มองถึงความตั้งใจของเราอยากทำเพลงเพื่ออะไร เหมือนเป็นเพลงบำบัดจิตใจจริงๆนะทั้งเค้าและเราเองด้วย เราคุยกันอยากทำเพลงช่วยให้กำลังใจคนอื่นได้ เป็นเป้าหมายของเรา”

ยังไม่อยากใช้คำว่าแฟน?

ซาร่า “ใช่ค่ะ ใช้คำว่าดูโอ พาร์ตเนอร์มากกว่า ในเชิงนำเสนอผลงาน การทำเพลงของเรากับเค้ามองไกลเลยว่ามันต้องไปถึงการทำค่ายเพลงกับเค้าตั้งเป้าไว้ไกล คงทำไปต่อเรื่อยๆ ตราบใดที่เยียวยาเราทั้งคู่และเป็นแรงบันดาลใจให้คนอื่นได้ เค้าเคยทำค่ายที่อเมริกาและเดบิวต์เพลงที่เกาหลีแล้วเค้ากลับมาเมืองไทย เค้าเห็นว่าคนไทยเด็กเก่งๆหลายคน หลงใหลความเป็นเอเชียเลยตัดสินใจทำค่ายเพลงเพื่อแชร์วัฒนธรรมของเค้าและผลักดันคนเอเชียได้เติบโตต่อไป”

...

ครอบครัวมีโอกาสได้เจอกันหรือยัง?

ซาร่า “ก็บอกครอบครัวให้รับรู้ ด้วยความคุณพ่อเป็นชาวต่างชาติเค้าก็ไม่ค่อยอะไร ก็คุยกับคุณแม่ เค้าสนับสนุนเราอยู่แล้ว ถ้าสิ่งที่เราทำเป็นความสุขสานฝันวัยเด็ก กับครอบครัวของเขาได้มีโอกาสวิดีโอคอลกันบ้างเพราะครอบครัวเค้าอยู่ต่างประเทศ เค้าคุยวิดีโอกับพ่อแม่บ่อยๆ ต่างคนต่างได้มีโอกาสเจอครอบครัวของอีกฝ่ายแล้วค่ะ”

มาเจอกันแบบนี้เชื่อเรื่องพรหมลิขิตขนาดไหน?

แอช “ใช้คำว่า เซเรนดิพิตี้ (Serendipity) คืออะไรที่มันใช่ก็คือใช่ การเจอกันอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องเกิด เราเคยผิดหวังเรื่องความสัมพันธ์ ใช้ชีวิตทำงานตลอด หันมาเริ่มดูแลตัวเอง ใส่ใจตัวเองมากขึ้นและช่วงนั้นเราก็หาความสุขให้ตัวเอง เข้มแข็งและมีความสุขได้ด้วยตัวเอง เราต่างคนต่างใช้ชีวิตด้วยตัวเองมาสักพักจนพอได้เจอซาร่า ซาร่าก็เป็นคนที่สร้างความสุขให้ตัวเองได้เราต่างมีความสุขเติมเต็มได้ด้วยตัวเองอยู่แล้ว สิ่งที่เราแชร์ให้กันก็แค่แรงบันดาลใจแก่กัน”

ซาร่า “ขนลุกเลยค่ะ ซาร่ามองเป็นจังหวะชีวิตพอดี ตอนแรกไม่คิดว่าทำงานด้วยกันแค่จังหวะ ตอนนี้เราไม่ได้มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน เรื่องเพลงเป็นสิ่งที่เราเริ่มตั้งแต่ต้น พอเราได้ทำเพลงนึงก็เริ่มอยากต่อยอดไปเรื่อยๆ”.