- ชื่นชอบเพลงแจ๊ส แต่สุดท้ายทำงานโปรดิวเซอร์ ก่อนจะเป็นนักร้องเพลงร็อกชื่อดัง
- บทบาทใหม่กับการเป็นผู้บริหารค่ายเพลง พร้อมผลักดันศิลปินรุ่นใหม่
- ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น เมื่อ น้องทิกเกอร์-น้องแจสเปอร์ ฉายแววศิลปิน
เอ่ยชื่อ แมว จิรศักดิ์ ปานพุ่ม แฟนๆ ยุค 90 มักจะติดภาพความเป็นร็อกเกอร์ เจ้าของเพลงฮิต อาทิ นักโทษประหาร, ดาวประดับฟ้า, เลิกรา, ทางใครทางมัน, รับได้ไหม ฯลฯ รวมไปถึงภาพโปรดิวเซอร์ฝีมือดีของวงการเพลง แต่ในความเป็นจริง เขาคนนี้นิยามตัวเองว่าเป็น Music Lover พร้อมเข้าหาเพลงทุกแนว ตราบใดที่ฟังแล้วมีความสุข
ตลอด 1 ชม. กว่าๆ ที่บันเทิงไทยรัฐออนไลน์ได้มีโอกาสพูดคุยกับเขา บทสนทนาเต็มไปด้วยเรื่องราววันวาน ทั้งการเป็นนักดนตรีตั้งแต่สมัยมัธยม มาจนถึงการได้รับโอกาสเป็นโปรดิวเซอร์ ก่อนจะก้าวสู่คนเบื้องหน้าคือการเป็นร็อกเกอร์ชื่อดัง
แต่หลังจากนั้นเขาตัดสินใจลาออกจากจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ทำงานเพลงที่ตัวเองรัก คือการทำเพลงแจ๊ส การวาดรูป รวมถึงชีวิตปัจจุบัน คือการเป็นผู้ผลิตงานเพลงในฐานะ Executive Producer ค่าย YES i AM และอีกความภาคภูมิใจ เมื่อลูกชายทั้งสองคน น้องทิกเกอร์ และ น้องแจสเปอร์ ฉายแววศิลปินนักร้อง เป็นลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น
...
ที่มาของคนดนตรี
แม้ในวัยเด็ก แมว จิรศักดิ์ จะไม่ได้สนใจดนตรีตั้งแต่แรก แต่เพราะมีคนชวนไปเล่นดนตรีเพื่อหารายได้ จึงเป็นที่มาของคนดนตรีในวันนี้ “ถ้าเอาเด็กๆ เลย ผมอยู่ จ.อุดรธานี เป็นเด็กบ้านนอกที่อยากเป็นหมอ เป็นตำรวจ (หัวเราะ) ทั้งๆ ที่พ่อสีไวโอลินให้ฟังทุกวัน แต่ไม่ได้สนใจดนตรี จนสอบเข้า ม.1 ได้ อยู่ดีๆ พี่เขาชวนให้ไปเล่นดนตรี บอกว่าได้ตังค์นะ พอได้ยินว่าได้ตังค์ก็ไปเลย ไปทั้งๆ ที่เล่นดนตรีไม่เป็น ก็กะว่าไปฝึกเอาและค่อยเรียนรู้ไป ฝึกอยู่ได้ 3 เดือน มือกีตาร์คนเดิมเขามีปัญหาและออกไป ผมก็เลยขึ้นไปยืนแทน ตอนนั้นยังเล่นไม่เป็นเลย ขึ้นไปยืนทำแอ็กติ้งงั้นครับ พอมีท่อนที่โซโลกีตาร์ก็วิ่งเอาโน้ตไปให้มือคีย์บอร์ดโซโล่เป็นเสียงกีตาร์
เล่นเสร็จก็ตี 1 หอบโน้ตกลับบ้านไปฝึกถึง 7 โมงเช้าทุกวัน ทำอยู่ 2-3 ปี จนอ่านโน้ตคล่อง เล่นดนตรีได้ทุกแนว เพราะในยุคนั้นเป็นเพลงแบบไนต์คลับ จะเป็นเพลงสำหรับคนมาเต้นรำ จังหวะรุมบ้า ควิกสเตป วอลซ์ แทงโก้ ผมเล่นทุกอย่าง มาจนถึงหมอลำ ดิสโก้ ร็อก คาราบาว แจ๊ส พอผมอายุ 19-20 ปี ก็ย้ายเข้ามากรุงเทพฯ ก็ได้มาประจำที่ห้องอัดเสียงให้กับเพลงลูกทุ่ง อัดเพลงให้พี่แอ๊ว (ยอดรัก สลักใจ) พี่พุ่มพวง ดวงจันทร์ พี่สายัณห์ สัญญา ฯลฯ ทำให้เราเริ่มเติบโตในแวดวงเล่นดนตรี อยู่งานเบื้องหลัง นับย้อนกลับไปก็ 30 กว่าปีแล้วครับ ผมเป็นคนที่ทำอะไรก็ทำสุดมาตลอด ถ้าเล่นดนตรีก็เอาให้รู้ว่าคืออะไร รู้ในที่นี้ก็บอกไม่ได้ว่าขนาดไหนถึงพอใจ (หัวเราะ) ผมก็ฝึกไปเรื่อยๆ”
ถามว่าสุดท้ายแล้วก็ค้นพบว่าชอบเพลงร็อกหรือเปล่า นักร้องหนุ่มกลับบอกว่า “จริงๆ ผมชอบแจ๊ส เล่นแจ๊สมาตลอด แต่ว่าพอมาทำงานเบื้องหลัง รู้จักกับพี่เต๋อ (เรวัติ พุทธินันทน์) ก็รู้ว่าการตลาดคืออะไร ถ้าเราจะทำแจ๊ส ณ วันนั้น เราคงต้องกินแกลบแน่ เลยมาดูว่าสิ่งที่คนชอบคืออะไร ในยุคนั้นดนตรีร็อกเป็นที่นิยมมาก เพลงแดนซ์แบบพี่เจ เจตริน ก็จะมีเขาเป็นเจ้าพ่อในเวลานั้น แต่มันไม่ใช่ทาง ก็เลยคิดว่าร็อกนี่แหละ เขาก็เลยจำภาพนั้นมาตลอด”
จากนั้นแมวเล่าถึงที่มาของการมาอยู่ในสังกัดแกรมมี่ว่า “ผมอัดเพลงลูกทุ่งเสร็จ ก็รู้สึกว่าโหยหาสิ่งที่เราชอบ เลยรวมวงกับพี่ๆ ที่เล่นดนตรีด้วยกันไปเล่นแจ๊สแถวหลังสวน ผมก็เล่นแจ๊สกับพี่ต๋อง (เทวัญ ทรัพย์แสนยากร) แล้วเจอพี่ที่แกรมมี่มาชักชวน บอกว่าเฮ้ย เสียงกีตาร์สำเนียงดีนี่หว่า ไปอัดเพลงให้หน่อยสิ ผมก็เลยได้ไปอัดเสียงที่แกรมมี่ งานแรกๆ ก็ของพี่อ่ำ (อัมรินทร์ นิติพน) อ้อม สุนิสา คุณยู่ยี่ ขจรศักดิ์ ฯลฯ ก็เริ่มศึกษาเพลงร็อกมากขึ้น”
คนเบื้องหน้า
จากคนเบื้องหลังแล้วมาทำงานเบื้องหน้าเป็นศิลปินได้ยังไง นักร้องดังบอกว่า “พี่เต๋อสอนผมคุมร้อง เราก็คุมร้องไปตามหลักการนั้น พอวันนึงผมต้องร้องไกด์ให้กับศิลปินตามหลักการที่พี่เต๋อบอก พอร้องไกด์ไปหลายๆ เพลงมากขึ้น เราก็รู้สึกว่าทำไมเวลาเราคุมร้องศิลปิน เขาร้องไม่ได้อย่างที่เราไกด์ ไหนลองร้องเองซิ (หัวเราะ) พอไปร้องปุ๊บ ในความรู้สึกมันชอบอะไรที่มันยากๆ ท้าทาย เลยบอกว่าพี่ ผมขอไปลองของข้างนอกหน่อยได้มั้ย คือขอไปร้องเพลงที่ค่ายอื่นข้างนอก ยังไม่อยากทำที่แกรมมี่เพราะเดี๋ยวมันเจ๊ง (หัวเราะ)
พอไปทำข้างนอก ชุดแรกทำที่เทโร ผลตอบรับก็ไม่ได้ขี้เหร่ แต่ไม่ได้เปรี้ยงปร้างมากมาย แล้วพี่เขาก็บอกว่ากลับมาทำด้วยกัน เราก็เลยได้กลับมาทำที่แกรมมี่ในชุดที่ 2 มีเพลง “เลิกรา” ที่ทำให้คนรู้จักวงกว้างมากขึ้น ก็เป็นจุดที่เราอยากรู้อยากลองทั้งนั้นเลย ถามว่ารู้สึกยังไงที่แฟนๆ ยังชื่นชอบเพลงเยอะมาก ศิลปินเอาเพลงไปร้องคัฟเวอร์ ก็ภูมิใจนะครับ ดีใจที่เพลงเราเป็นส่วนนึงของชีวิตเขา บางคนบอกว่าพี่ ผมได้เมียเพราะเพลงพี่เลยนะ (หัวเราะ) เขาใช้เพลงของเราไปจีบ อย่างเพลงดาวประดับฟ้า, คนของเธอ บางคนอกหักก็ฟังเพลงนักโทษประหาร บางคนบอกว่าฟังแล้วฮึกเหิม ได้กำลังใจ ก็โอเคครับ”
...
แมวบอกว่าทุกวันนี้คอมมูนิตี้การสื่อสารเปลี่ยนไป ตอนนี้เขาเข้าไปสู่ในแอป Discord ก็เข้าไปคุยกับเด็กรุ่นใหม่ๆ ชอบเข้าไปคุยโดยที่เขาไม่รู้จักว่าเราเป็นใคร “เขาเห็นว่างานวาดรูป NFT (Non-Fungible Token) เป็นแพะ เขาก็จะบอกว่าชอบงานพี่มากเลย แต่พอสักพักก็มีคนบอกว่าแต่ผมคุ้นๆ ว่าพี่แพะคือพี่แมว จิรศักดิ์ รึเปล่า เด็กก็งงว่าคือใคร สักพักก็มีคนเอาเพลงเรามาโพสต์ในกลุ่ม เด็กๆ ก็จะมาคอมเมนต์บอกว่าเท่ว่ะพี่ เราก็แอบยิ้มอยู่ว่าเรายังเท่อยู่ (ยิ้ม) เราก็ภูมิใจว่าเพลงเราก็สามารถเชื่อมต่ออะไรหลายอย่าง แม้กระทั่งเด็กรุ่นใหม่ที่ไม่รู้จักเราตอนแรกๆ เขาก็ชอบงาน NFT เรา พอรู้ว่าเราเป็นใครก็ยิ่งชื่นชอบเราไปอีก ทั้งที่จริงๆ เราไม่ได้อยากใช้ชื่อเสียงตรงนั้นหรอก”
ถามว่ารู้สึกยังไงที่งานของเราก็เป็นเอกลักษณ์จนคนจำได้ แม้จะไม่ได้บอกว่าเป็นเรา แมวบอกว่า “ดีครับ แต่เบื้องต้นผมประทับใจกับมิตรภาพมากกว่า เขาก็ดีใจ บอกว่าเป็นเกียรติมาก จริงๆ น้องชื่นชอบงานก็ดีใจ ไม่ต้องรู้หรอกว่าพี่เป็นใคร ก็ขอบคุณที่ต้อนรับเราด้วยมิตรภาพ จริงๆ ชื่อเสียงไม่ได้อยู่นานหรอก มิตรภาพอยู่นานกว่า”
...
ทำสิ่งที่ชอบ เปิดรับทุกสิ่ง
เราถามต่อถึงการทำงานเพลงแจ๊สแบบที่เจ้าตัวชอบ ซึ่งนักร้องหนุ่มเล่าด้วยสีหน้าสดใสว่า “จะบอกว่างาน NFT ของผมตอนนี้เป็นเพลงแจ๊ส คอนเซปต์ NFT ผมเป็นรูปแพะ ที่ทำเป็นคอนเซปต์แพะเพราะว่าแพะคือ Goat ใช่มั้ย พี่เอามาจากคำว่า Greatest of All Time คือยิ่งใหญ่ตลอดกาล และอีกอย่างคือแพะเป็น symbolic ที่แบบชาวร็อกอะ อันนี้มันคือแพะที่มันกระโดดชนกัน มันมีความแข็งแรง ความห้าว แพะคือตัวยิ่งใหญ่ของชาวร็อก ผมเลยเอาคอนเซปต์นี้มาทำ NFT ตั้งชื่อว่า Goat Republic และผมมี OpenSea ที่ไว้ขาย NFT ตลาดใหญ่มาก ใช้ชื่อว่า Goatatonic ทำคอลเลกชันเกี่ยวกับแพะโซโลกีตาร์ ก็จะเป็นเพลงแจ๊สที่ผมโซโลอยู่ในนั้น”
แมวเล่าต่อว่า งานที่อยากทำซึ่งเป็นงานเพลงแจ๊ส และเป็นงานชุดแรกของเขา เขาจะมาปล่อยใน NFT เพลงที่แต่งมา 10 กว่าปีที่แล้วเป็นเพลงแจ๊ส ไม่ได้ปล่อยที่ไหนเพราะปล่อยไม่ได้ ไม่มีใครซื้อ เลยเอามาขายบน NFT ลงไม่ถึง 5 นาทีก็มีคนซื้อแล้ว ไม่น่าเชื่อว่ามีคนจ้องรอ จำได้ว่าลงตอน 2 ทุ่ม พอจะก๊อบปี้ข้อความเพื่อแจ้งว่าดร็อปงานลงไปแล้ว ใครจะซื้อก็ซื้อ ยังไม่ทันโพสต์ก็มีอีเมลแจ้งว่ามีคนซื้อไปแล้ว
...
ไม่น่าเชื่อว่ามีคนจ้องรออยู่ คือเขาติดตามงานเราจริงๆ และงานนี้เป็นงานที่ทำเองแบบอิสระ ไม่เกี่ยวกับค่าย ทำให้รู้ว่าขั้นตอนเป็นอย่างไร ปัญหาคืออะไร ทำแบบไหนขายหรือไม่ขาย โดยแบ่งงานตัวเองหลายแบบ ทั้งแบบ common คือวาดรูปทั่วไป มีเพลงทั่วไป งาน special จะเป็นเพลงที่แต่งเอง เพลงยาวหน่อย งาน rare เป็นงานที่แต่งเอง เพลงยาวหน่อย และไปฟีเจอริ่งกับคนอื่น รวมถึงงาน super rare เป็นงานที่แต่งเพลงเอง ทำเอง มีความยาว และฟีเจอริ่งกับคนที่ทุกคนคาดไม่ถึง และทำโรดแม็ปงานใน NFT ให้คนติดตามด้วย
อีกทั้งยังเล่าถึงความชอบในการวาดรูปว่า แต่ก่อนครอบครัวจน ไม่ได้ส่งไปเรียนวาดรูป ไปยืนดูตามโรงหนังเวลาเขาวาดโปสเตอร์หนัง จนพี่เขาสงสารก็ให้เราหัดตีสเกล ลงสี ตอนนั้นเรียน ป.6 ไปยืนดูทุกวัน เขาก็ค่อยๆ สอน แต่หลังจากนั้นก็ไปเล่นดนตรี ก็ไม่ได้วาดรูปอีกเลย จนตอนนี้อายุ 51 ปีแล้วก็ได้กลับมาวาดรูปอีกครั้ง รื้อฟื้นการวาดรูปนานอยู่ จากที่วาดมือ ทุกวันนี้ใช้โปรแกรมวาดเอา ตอนนี้ไม่ว่าในแพลตฟอร์มไหนก็ใช้รูปแพะทั้งหมด เอาสกิลการวาดรูปมาใช้กับงานด้วย
โลกหมุนเวียนเปลี่ยนไป ทุกสิ่งย่อมเปลี่ยนแปลงเสมอ แมว จิรศักดิ์ ก็เป็นอีกหนึ่งคนที่เปิดรับกับสิ่งใหม่ๆ ที่เกิดขึ้น เขาเล่าถึงการสลัดคราบร็อกเกอร์เล่น TikTok เพราะอยากรู้ว่าตลาดเป็นยังไง “คนก็บอกว่าผมว่านี่ไม่ใช่พี่แมว (ยิ้ม) เป็นคนหน้าเหมือนพี่แมวแน่ๆ เลย บางคนแนะนำให้ไปประกวดเดอะวอยซ์ รับรองดังแน่ ผมก็บอกว่าขอบคุณครับ ผมจะลองดู (หัวเราะ) บางคนบอกว่าร้องดีกว่าพี่แมวอีก โอ๊ย อันนี้ฮาจริง” ก่อนจะยิ้มอารมณ์ดี
แมวเล่าต่ออีกว่าตอนนี้ภรรยาบังคับให้ไว้เครา เพราะเป็นซิมโบลิกของเจ้าตัว ก่อนจะเล่าว่ามีช่วงหนึ่งที่โกนเครา แล้วไปแอบเต้นในติ๊กต๊อก ทำอะไรที่คนไม่คิดว่าจะทำ เพราะอยากปลดแอกตัวเอง ไม่อยากให้คนจำภาพเดิมๆ เพราะเพลงที่เริ่มร้องมี R&B ฮิปฮอปบ้าง อยากให้งานดนตรีเราหลากหลาย ไม่ใช่แค่เพลงร็อก พอเล่นติ๊กต๊อกคนก็ชอบ บางคนก็ทักว่านี่พี่ทอม Room39 หรือเปล่า ถามว่ารู้สึกยังไง แมวตอบว่า “สงสารน้อง (ยิ้ม) น้องเขาอยู่ดีแล้ว เราอย่าไปดึงเขาลงมา (หัวเราะ)”
แมวบอกว่าที่เปิดรับทุกสิ่งเพราะอยากใช้ชีวิตให้มีความสุข บางทีการจำกัดตัวเองมันไม่มีความสุข เชื่อว่าทุกคนมียิ้ม หัวเราะ ร้องไห้ ไม่มีใครจะหล่อสวยเท่เก๊กตลอดเวลา ปล่อยให้ชีวิตเป็นไปอย่างธรรมดาในช่วงที่ไม่ใช่เวลางาน บางทีอยู่บ้านใส่กางเกงขาก๊วย ผมรุงรัง “เมียปวดใจมากกับการไว้ทรงผมของผม (ยิ้ม) วันนี้ทำผมไง แต่จริงๆ พอผมยาวแล้วมันจะเละเทะไปหมด”
ออกจากค่ายเพลงดัง
จากนั้นเราพูดคุยถึงช่วงที่เขาออกจากค่ายจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ซึ่งเขาได้ให้เหตุผลไว้ว่า “ส่วนหนึ่งเรามีความรู้สึกว่าเอาจริงๆ เราอายุมากแล้ว ร้องเพลงได้อีกไม่เท่าไร เราอยากให้เป็นศิลปินใหม่ๆ ของค่ายดีกว่า พูดง่ายๆ ว่าเราไม่สดเหมือนเด็กรุ่นใหม่ๆ อย่ามาลงทุนกับเราเลย อีกอย่างเราเบื้องหลังได้ไม่ลำบาก ทุกวันนี้ก็ยังทำเพลงให้แกรมมี่ เรามองในแง่ของคนทำงาน เราไม่ได้มองในแง่คนที่ถูกจ้าง
ถ้าผมจะจ่ายค่าการตลาดให้กับงานใดงานหนึ่ง เอางานที่มีศักยภาพดีกว่า ศักยภาพของเรามันมีในรูปแบบของเรา แต่วันนี้คนบริโภค เขาบริโภคงานที่เป็นปัจจุบัน เราลงทุนกับตรงนั้นดีกว่า งานของเราให้เป็นงาน rare ไป เป็นงานหายาก นานๆ มีทีดีกว่า ดีลกันเป็นงานๆ ไป สนุกกว่า ผมอยู่กับแกรมมี่มาไม่ต่ำกว่า 15-20 ปี ออกจากแกรมมี่มาหลายปีแล้วเหมือนกัน
ถามว่าใจหายมั้ย ไม่ใจหายหรอกครับ เพราะทำด้วยความที่เรารู้ตัวอยู่แล้ว และเราก็ตัดสินใจเอง บอกเขาเองว่าผมขอเป็นอิสระดีกว่า ถ้าถูกปลดมันอาจจะใจหาย แต่เรามองว่าเป็นประโยชน์กับทั้งสองฝ่ายมากกว่า ถ้าเราอิสระ เราก็ทำงานให้เขาได้เหมือนเดิม แล้วเราก็ทำงานของเราในรูปแบบที่เราอยากทำ ไม่ต้องรอค่ายมาคิดโปรเจกต์ให้เราอีก”
ผู้บริหารค่ายเพลง
เราถามเขาถึงบทบาทการเป็น Executive Producer ค่าย YES i AM ภายใต้บริษัท Brite Panther Entertainment ซึ่งเขาเล่าถึงการทำงานในบทบาทนี้ว่า “ผมมาดูแลด้านการผลิตงานเพลงที่นี่ เป็นช่วงที่เรารีแบรนด์จากไอแอมเป็น YES i AM มีทั้งศิลปินเก่า 4 คน และศิลปินใหม่ที่เราเพิ่มเข้ามาเรื่อยๆ เน้นสายงานบริตป๊อปทั่วๆ ไป ในระยะแรกเราจะใช้ศิลปินที่มีอยู่ก่อน ส่วนใหญ่จะมาจากเดอะวอยซ์ เอเอฟ ผมก็จะทำตลาดวัยรุ่นที่ยังไม่ได้เป็นตลาดร็อกมาก คือตลาดร็อกก็ยังอยู่ เพียงแต่ช่วงนี้อาจจะยังเงียบๆ อาจจะทำงานตามช่วงโอกาส เพราะตอนนี้คนฟังเพลงที่มันไม่หนักมาก ก็มีคุยๆ กับวงบางวง แต่หลักๆ จะทำศิลปินเดี่ยวก่อน
เราทำงาน on site ไม่ได้ ก็เลยเน้นออนไลน์ส่วนใหญ่ ประกอบกับงาน NFT หรืองานดิจิทัลอาร์ตต่างๆ เริ่มบูมขึ้นมา เราก็จะเอา Music NFT เข้ามาผสมในงานของค่าย ศิลปินแต่ละคนจะอยู่บนงานดิจิทัลแพลตฟอร์ม แต่พวกงานไลฟ์อีเวนต์ถ้าเราสามารถทำได้ก็ทำอยู่แล้ว แนวเพลงก็เป็นป๊อป ฮิปฮอป R&B ตามยุคสมัย ก็น่าจะไม่เกิน 2 เดือนนี้ที่จะปล่อยงาน NFT ของค่าย และในปีนี้คิดว่าจะทำ Metaverse Live Concert ประกอบกับโลกดิจิทัลกำลังบูม เราก็จะทำงานดิจิทัลอาร์ต ผสมกับดนตรีเข้าไป ผมว่าหลายๆ ค่ายเปลี่ยนกลยุทธ์มาทางนี้ แต่ยังไม่เริ่มทำมากสักเท่าไร เพราะกลุ่มผู้บริโภคอาจจะยังจำกัด แต่เชื่อว่าในอนาคตจะมาทางนี้แน่นอน”
ในยุคที่ศิลปินมีมากมาย ค่ายต่างๆ ก็มีมากมายเช่นกัน การแข่งขันสูง ถามว่าทำยังไงให้ยังอยู่ตรงนี้ได้ แมวบอกว่า “ผมมองว่าตรงนี้เป็นเรื่องธรรมดา เป็นเรื่อง Demand Supply เราอยู่ฝั่งซัพพลายสร้างสินค้า ถ้าไม่มีซัพพลายก็ไม่มีดีมานด์ หมายความว่าค่ายเพลงหรือศิลปินผมมองว่าเป็นผู้ผลิตสินค้า ยิ่งมีมากผมว่ายิ่งดี ผมไม่ได้มองว่าจะขายยังไง อยู่ยังไง แล้วมานั่งแพนิกว่าคู่แข่งเยอะ อันนั้นแสดงว่าเราคาดหวังกับยอดขายมากเกินไป ถ้าเราโฟกัสที่คุณภาพของงานเรา มีความสุขกับการทำงาน เราจะเอาเวลาไปกังวลกับเรื่องการขายน้อยลง
ไม่ได้หมายความว่าจะไม่วางแผน เราวางแผน แต่ไม่ได้กังวลเรื่องคู่แข่ง อีกอย่างถ้ามีคู่แข่งเยอะ เราได้เรียนรู้ด้วยนะ ถ้าไม่มีคู่แข่ง เราไม่ได้เรียนรู้เลย ถ้าเรามองว่าเราเรียนรู้ไปด้วยกัน เราเป็นฝ่ายที่สร้างซัพพลายให้เกินดีมานด์ เพราะสินค้าที่เราทำคือสินค้าฟุ่มเฟือย ต้องสร้างวอลลุ่มเพื่อให้เกิดกระแส คนก็เริ่มมาสนใจ พอเกิดกระแส เราก็ไปกับกระแสตรงนั้น การทำงานบันเทิงมันเป็นการสร้างคอนเซปต์ ดีมานด์ ด้วยการทำซัพพลายเยอะๆ ฉะนั้นผมมองว่าคู่แข่งเยอะไม่ใช่ปัญหา คู่แข่งน่ะแหละเป็นตัวที่ทำให้เราทำงานได้ดีขึ้น”
ผู้บริหารหนุ่มมองว่าปัจจุบันศิลปินนักร้องอยู่ค่ายเพลงน้อยลง ทำเพลงเองเป็นส่วนใหญ่ถ้ามี know-how แต่ที่ทำค่ายเพลงไม่ได้ทำเพื่อผลิตศิลปินนักร้องอย่างเดียว ทำเพื่อซัพพอร์ตเขา บางคนที่ไม่มี know-how ในเรื่องการทำการตลาดเพราะคอนเน็กชันอาจจะน้อย เขาก็จะมาหาที่นี่ เรียกว่าเป็นพี่เลี้ยง ศิลปิน in-house ก็ทำทั้งงานผลิตและการตลาดให้ ส่วนศิลปินข้างนอกยังจอยกันได้
“ผมมองไว้ในอนาคตเราจะเป็น Music Service Platform คือความเป็นค่ายเพลงมันจะไม่เหมือนแต่ก่อน ไม่เหมือนกับยุคที่ผมทำกับแกรมมี่ที่เป็นค่ายเพลงจริงๆ ทำเพลงขายเพลงให้ distribute ต่างๆ แต่ตอนนี้เราทำได้ในส่วนที่ให้บริการทางด้านการตลาด อันนี้พูดถึงศิลปินข้างนอกที่จะมาร่วมกับเรา”
เพลงไทยจะโกอินเตอร์ได้รึไม่
กับคำถามว่ามีแพลนที่จะทำตรงนี้ไปสู่ตลาดโลกด้วยมั้ย เพราะมีการทำ NFT รวมถึง Metaverse แมวบอกว่า “ใช่ๆ ผมมองว่านั่นเป็นประตูมากเลยนะ โลกที่เปิดอยู่ตอนนี้มันทำให้เราก้าวไปสู่ความเป็นอินเตอร์เนชันแนลได้ง่ายขึ้น เพราะศิลปินในค่ายบางคนเขาถนัดเขียนเนื้อเพลงภาษาอังกฤษมากกว่า ผมต้องมาแปลเป็นภาษาไทยให้เขา เรามองว่าเราอาจจะเล่นภายในประเทศก่อน พอจะไปอินเตอร์เราก็ไปได้ไม่ยากเพราะของเราพร้อมอยู่แล้ว อีกอย่างช่องทางในการปล่อยงานค่อนข้างเปิดกว้างมากขึ้น ถ้าเกิดเรามีพาร์ตเนอร์ตรงนี้ ซึ่งมีมั้ยมี แต่ยังบอกไม่ได้ว่าจะเป็นใคร ตอนนี้กำลังพูดคุยกันอยู่
ถามว่าเพลงไทยจะมีโอกาสไปสู่ตลาดโลกเหมือน K-POP มั้ย มีครับ โอกาสมีเสมอนะ เอาจริงโปรดิวเซอร์ที่เกาหลีเขาชอบศิลปินไทยนะ เขาบอกว่าเด็กไทยมีความมุ่งมั่น มีไฟ มีแพสชันที่จะทำงาน ฉะนั้นเรื่องความสามารถ ความมุ่งมั่น ผมเชื่อว่าเด็กไทยไม่ด้อย เขาไปได้อยู่แล้ว และยิ่งน้องๆ ที่กำลังจะเป็นศิลปิน เรื่องศักยภาพในการทำเพลงนี่ผมยอมรับว่าตอนผมอายุเท่าเขา ผมทำไม่ได้เท่าเขาครับ (หัวเราะ) ผมเชื่อว่าเด็กไทยโกอินเตอร์ได้ เพราะตอนนี้โลกมันเท่ากัน มันแคบลงมากเลย ทุกวันนี้ไม่มีใครมาบอกแล้วว่าประเทศนี้ชาตินี้ด้อยเรื่องศิลปะ เขาไม่สนใจว่าประเทศไหนชาติไหน ถ้างานคุณดี สะดุดตา เขาก็จะชื่นชมครับ งานศิลปินเราเจ๋งๆ เยอะครับ”
ส่วนการเปรียบเทียบกันระหว่างศิลปินไทยและระดับโลก แมวแสดงความคิดเห็นตรงนี้ว่า “จริงๆ เป็นธรรมดาที่เขาจะเปรียบเทียบ ถ้าเราละความเปรียบเทียบออกไป โฟกัสดูว่างานของเราน่าสนใจมั้ย ดีมั้ยในความเป็นเรา ในข้อจำกัดที่มีอยู่เพียงเท่านี้ ถ้าเราได้ศิลปินที่มีทีมเวิร์กทั้งโปรดิวเซอร์ ทีมงานทั้งบริษัท ถ้าเราได้แบบนั้น ผมเชื่อว่าเราก็ไม่ด้อยกว่าเขาหรอก ถ้าเราโฟกัสงานของไทย งานดีๆ มีไม่น้อยครับ ถ้าตัดการเปรียบเทียบออกไป เราจะภูมิใจกับงานศิลปินประเทศเรา
ศิลปินเก่งๆ เยอะแยะมากมาย บางคนอาจจะบอกว่าศิลปินรุ่นใหม่เขียนเพลงอะไร ร้องอะไรฟังไม่รู้เรื่อง แต่ผมว่ามันเป็นเรื่องรสนิยม ถ้าเราโฟกัสที่งานของศิลปินในประเทศเราและช่วยกันสนับสนุน ผมว่าในวันนึงการที่ทั่วโลกจะยอมรับศิลปินไทยเป็นเรื่องไม่ยาก เพราะต่างประเทศค่อนข้างเปิดใจมากกว่าด้วยซ้ำไป ถ้าเราเก่ง งานน่าสนใจจริงๆ ก็ยินดีต้อนรับมากๆ ครับ”
ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น
อีกหนึ่งภาพที่เป็นภาพจำของแฟนๆ คือบทบาทการเป็นคุณพ่อของ น้องทิกเกอร์ ลูกชายของเขากับ นิโคล เทริโอ อดีตภรรยา พอได้ยินคำถาม คุณพ่อก็อดแซวลูกตัวเองไม่ได้ว่า “หล่อจนน่าหมั่นไส้” ถามว่ารู้สึกยังไงที่คนจับตามอง เจ้าตัวบอกว่า “ก็เฉยๆ เป็นธรรมดาที่เขาพูดถึงเรา เรามีส่วนเกี่ยวข้องกับชีวิตเขาทั้งสองคน มองว่าเป็นเรื่องดี เร็วๆ นี้ทิกเกอร์ก็คงมีอะไรให้ได้ฟังกัน
ทิกเกอร์อยู่กับแกรมมี่ แต่จากที่ผมเคยทำเพลงให้กับแจสเปอร์ ลูกชายคนเล็กของผม คนก็บอกว่าทำไมไม่ทำให้ทิกเกอร์เลย เราก็บอกว่าน้องมีค่ายอยู่ เราจะไปเอาน้องมาฟีททำเพลงก็ไม่ถูกกาลเทศะ ต้องขอทางค่ายก่อน แต่ถ้าน้องเขาทำอะไรสนุกๆ ส่วนตัว เขาก็คงไปคุยกับทางค่ายว่าขอทำเอง ก็คงได้ฟังเพลงของเขาภายในปีนี้ครับ น่าจะเร็วๆ นี้ แต่จะเป็นยังไงอุบไว้ก่อนครับ
รู้สึกยังไงที่เขาตามรอยพ่อแม่ ดีแล้วครับ ถ้าไม่ตามรอยก็รู้สึกแปลก (หัวเราะ) พ่อแม่เป็นนักร้องขนาดนี้ แล้วบังเอิญว่าเป็นทางที่เราซัพพอร์ตเต็มที่ ถ้าลูกอยากเป็นนักกฎหมายพ่อคงเอาเท้าก่ายหน้าผากว่าจะช่วยลูกยังไงดี (ยิ้ม) ผมก็ซัพพอร์ตน้องเต็มที่ในการทำเพลง คุยกันบ่อยมาก น้องขยันมาก น้องทำเอง เรียนกีตาร์ก็แอบไปเรียนเองไม่ให้พ่อสอน เพราะเขาน่าจะมีความเป็นผม คืออยากเรียนรู้ อยากทำอะไรด้วยตัวเอง ถ้าเรียนรู้กับพ่ออาจจะมีทะเลาะกัน (หัวเราะ)”
กับความรู้สึกที่สาวๆ กรี๊ดลูกชาย มีฝากเนื้อฝากตัว แมวบอกว่า “รู้สึกดี รู้สึกว่าเราเป็นใหญ่ (ยิ้ม) เราสามารถเรียกทุกคนว่าเป็นลูกได้หมดเลย สนุกดีครับ ทำด้วยความเอ็นดู ก็น่ารักดี เขาชอบลูกเรา เรารู้สึกดี ว่าที่ลูกสะใภ้อาจจะเยอะหน่อย ถามว่ามีเป็นห่วงมั้ย ก็เป็นห่วงครับ แต่ไม่ได้กังวล เราก็แนะนำเขาว่าวางตัวแบบนี้นะ ที่เหลือให้เขาพิจารณาเอง การที่คนเข้ามาหาเรา ชื่นชมเรา เราก็รับรู้ไว้ แต่อย่าไปหลง เพราะบางทีการที่เราอยู่กับคำชื่นชมมากๆ ทำให้เราหลงระเริงได้
ทิกเกอร์เป็นเด็กที่ถูกเลี้ยงดูแบบฝรั่ง เราจะไม่ไปยัดความคิดเราให้เขา เขาก็มีปรึกษาเรื่องงานมากกว่า แต่เรื่องชีวิตเขายังไม่ได้เจอตรงนั้น อยู่ในระหว่างการฝึก แต่ทิกเกอร์เป็นเด็กสมาธิดี สติดี ทำให้เวลาทำอะไรจะไม่บุ่มบ่าม เขาจะคิดรอบคอบ เป็นเด็กที่ไม่เด็ก เขาโตแล้วแหละ”
ส่วน น้องแจสเปอร์ ลูกชายคนเล็กของเขาและ แหนว อาจารีย์ ม่วงพลับ ภรรยาคนปัจจุบัน เขาเล่าว่าน้องชอบร้องเพลง เขาเห็นพ่อร้องเพลงอยู่บ่อยๆ แล้วเขาจะก๊อบปี้ บางทีลูกดูทีวี เราทำเพลงและร้องไกด์ เขาเห็นก็ซึมซับ แล้วอยู่มาวันนึงก็ร้องเพลงได้ ทำให้รู้สึกงง แล้วก็ทำเพลงให้เขาร้อง คนก็ชอบกัน “อันแรกคือทำเพลงคัฟเวอร์ของพี่เก่ง ธชย ยอดวิว 5 ล้านนะครับ ของพ่อทำมาตั้งนาน โปรดักชันเลิศหรู ยอดวิวหลักพัน (หัวเราะ) ของน้องพ่อก็อัดให้แบบง่ายๆ ถ่ายด้วยกล้องไอโฟน ขึ้นไปถ่ายบนดาดฟ้าคอนโด ถ่ายแล้ว edit บนมือถือและโพสต์ ก็ได้ 5 ล้านวิว ตอนนี้เขาก็มาทักว่าพ่อ ค่ายูทูบเดือนนี้เท่าไร (ยิ้ม)
น้องเพิ่งร้องช่วงปลายปีที่ผ่านมา ก็ให้น้องร้องเพลงคัฟเวอร์ไปเรื่อยๆ แต่เร็วๆ นี้จะมีเพลงของตัวเอง แต่งไว้แล้ว แต่ทำไปทำมา น้องบอกว่าพ่อ มันเด็กไปรึเปล่า เราแต่งเพลงแบบเด็กๆ แต่ลืมไปว่าทุกวันเขาฟังเพลงพ่อ เขาบอกว่าพ่อ ผมอยากได้แบบมุมมืดน่ะ แบบนักโทษประหารอะไรแบบนี้ มาสายดาร์กเลย เขาชอบเพลงร็อก เห็นพ่อบนยูทูบ ได้รับการยอมรับในมุมนี้ งาน NFT นางไม่สนใจเลย บอกฟังไม่รู้เรื่อง (หัวเราะ) แต่เพลงที่เขาจะออก เขาไม่ได้ชอบ แต่เขาบอกว่าถ้าได้ตังค์ก็เอา โอเคลูกอยู่ได้ อยู่เป็น
ตอนนี้ผมก็ให้เขาเรียนเปียโนเบาๆ ยังไม่ได้ยัดเยียดการเรียนให้เขามาก คือเด็กเวลาสนใจอะไรเดี๋ยวเขาไปของเขาเอง พอเขาสนใจ เขาจะทำได้ของเขาเอง ถามว่าห่วงมั้ย ก็มีห่วงเรื่องเบสิกธรรมดา แต่กังวลไม่มีแน่นอน เพราะไม่รู้จะกังวลเรื่องอะไร เรื่องห่วงก็แค่เราอยากให้เขามีมายด์เซตบางอย่างที่เหมาะสมในการใช้ชีวิต ผมเน้นเลี้ยงลูกให้ใช้ชีวิตเป็น ถ้าเรียนเก่งแต่เอาตัวรอดไม่ได้ ผมว่าไม่มีความหมาย ผมอยากให้ลูกเอาตัวรอด อยู่ในสังคมนี้ให้ได้ ไม่ต้องถึงขั้นเก่ง แต่คิดหนทางเอาชีวิตรอด ใช้ชีวิตให้เป็น อยู่บนพื้นฐานคุณธรรม แค่นี้ก็พอครับ”
เกือบ 30 ปีวงการเพลง
เมื่อเราถามถึงชีวิตในวงการเพลงเกือบ 30 ปี นักร้องหนุ่มพูดติดตลกว่า เวลาพูดถึงว่าอยู่กี่ปี ตัวเลขเยอะๆ ฟังดูขลัง แต่อีกมุมก็รู้สึกว่าแก่ ก่อนจะบอกว่า “งานอัลบั้ม Catarock ก็เกิน 25 ปีแล้ว อยู่งานเบื้องหลังก็ตั้งแต่อยู่แกรมมี่ เรียนรู้กับพี่เต๋อ เรวัติ พุทธินันทน์ นี่คืออาจารย์ของผมเลยในเรื่องการทำเพลง ร้องเพลง มุมมองการตลาด ซึ่ง ณ วันนั้นเราอาจจะยังเด็กไปที่จะเข้าใจ แต่พอวันนี้เราโตขึ้น ประสบการณ์มากขึ้น ก็นึกถึงคำพูดพี่เต๋อเคยสอนทั้งหมด กลายเป็นตกตะกอนในตอนนี้ พี่เต๋อเคยพูดว่างานศิลปะทุกงานมีคุณค่าอยู่แล้ว แต่เราจะสร้างมูลค่าจากคุณค่านั้นยังไง ผมก็มาคิดถึงว่านี่มันคือวิธีคิดในการทำ Commercial Art ที่ดีเลย”
ถามว่านิยามความเป็นตัวเองในวงการเพลงอย่างไร แมว จิรศักดิ์ บอกชัดเจนว่า “ผมเป็น Music Lover ผมไม่ได้เป็นร็อกเกอร์ ไม่ได้เป็นฮิปฮอป อะไรที่เป็นดนตรี ผมรักมันและเข้าหาได้ทุกแนวเพลง เพราะฉะนั้นผมก็อยากจะให้คนที่ฟังเพลงเป็น Music Lover เหมือนกัน ไม่ได้เป็นคนฟังเพลงเฉพาะแนวแจ๊ส ร็อก ฮิปฮอป ถ้าเพลงมันจรรโลงชีวิต ผมอยากจะให้เราเอาเพลงมาจรรโลงชีวิตเราได้ในหลายวิถีทาง หลายรูปแบบ
ไม่ว่าจะหมอลำ เร็กเก้ สกา ถ้าฟังแล้วมีความสุขก็ฟัง อะไรที่ทำแล้วมีความสุขก็ทำ เพราะผมเคยจำกัดตัวเองในมุมๆ หนึ่งมาแล้ว และผมมีความรู้สึกว่ามันไม่ได้สร้างความสุขสักเท่าไร ในขณะที่โลกมันเปลี่ยนไปเรื่อย มันไม่ได้อยู่มุมเดียว เราจะอยู่มุมเดียวเพื่ออะไร ผมก็เลยรักเสียงเพลง ในขณะที่เสียงเพลงก็เคลื่อนไหวไปเรื่อยๆ เราก็อยู่กับมัน”
ปิดท้าย แมว จิรศักดิ์ ฝากถึงแฟนๆ ของเขาว่า “เดี๋ยวเราคงมีอะไรดีๆ ได้แบ่งปันกัน ทั้งในเรื่องของเพลง ศิลปะ หรือแม้กระทั่งในการใช้ชีวิตธรรมดา ใครที่ติดตามเฟซบุ๊ก ผมจะโพสต์ธรรมะไปเรื่อยๆ ตามวัยที่เป็นวัยรุ่น (ยิ้ม) ใครบอกวัยรุ่นไม่โพสต์ธรรมะ นี่คือตัวอย่าง (หัวเราะ) ก็ขอบคุณทุกคนที่ติดตามกันมา แม้ระหว่างทางจะมีอะไรที่ทำให้ผิดหวังบ้างในชีวิตตามประสา เพราะทุกคนมีมุมที่เวิร์กและไม่เวิร์กอยู่แล้ว แต่โดยรวมเป็นอะไรที่ทำให้หลายคนมีความสุขกับการดูเราเป็นแบบอย่าง อยากขอบคุณมากๆ ที่ยังชื่นชอบและติดตามกันอยู่ครับ”.
ผู้เขียน : Penguin บินได้
ภาพ : เอกลักษณ์ ไม่น้อย
กราฟิก : Theerapong Chaiyatep