เรียกได้ว่าเป็นปีทองมีละคร 2 เรื่องออนแอร์ต่อเนื่อง ล่าสุดกับ “ปมเสน่หา” ทางช่อง 3 พระเอกคมเข้ม เกรท-วรินทร ปัญหกาญจน์ ก็มาเบอร์แซ่บเชือดเฉือนแถมเลิฟซีนแน่น สำหรับเรื่องความรักแม้จะไร้สาวแบบเพื่อนในแก๊ง แต่ก็ขึ้นแท่นหนุ่มโสดสุดฮอตในวัย 37 ปี เลยขอถาม เกรท เริ่มจาก
ช่วงหลังถอดเสื้อโชว์ในละครบ่อย?
“ก็มีถอดเสื้อบ้าง ตามฟีลลิ่งของอารมณ์ตัวละคร ถามว่าเตรียมตัวยังไง ผมพูดจริงๆว่ายังไม่พึงพอใจกับรูปร่างตัวเองเท่าไหร่เรื่องดูแลตัวเอง ยิ่งรู้สึกว่าพอเราโตขึ้น เราต้องดูแลให้มากกว่าเดิม จะไม่เห็นผมอ้วนแน่นอน”
ไม่มั่นใจส่วนไหน?
“จริงๆมั่นใจหลายส่วนนะ (ยิ้ม) แต่ที่ไม่ค่อยมั่นใจหลายอย่างมันยังไม่ล่ำพอ ก็มีทำตารางออกกำลังกาย ผมว่าช่วงโควิดทำให้เรามีระเบียบวินัยมากขึ้น ในเรื่องของการกินและการดูแลตัวเอง แต่ยังไงก็แล้วแต่ คือไม่หักโหม แต่ว่าเราต้องมีวินัยกับตัวเอง”
ฟิตหุ่นพร้อมถอด?
“ผมแค่รู้สึกว่ามันเป็นอุปกรณ์การใช้งานของเรา เราเป็นนักแสดง มีหน้าที่แสดงให้ดี และรูปลักษณ์ของเราที่คนจะชื่นชอบ เราก็อยากคงสภาพไว้ให้นานๆให้มันดีขึ้นไปเรื่อยๆ ผมก็มีการตั้งเป้าไว้กับตัวเองว่า ยังไงเราต้องดีขึ้นในทุกวัน”
...
มัวแต่เอาเวลาไปออกกำลังกายหมด เลยไม่มีเวลาไปเดตกับสาว?
“ไม่มี ดูแลตัวเอง ไม่ได้ไปเดตกับใครเลย ความเหงาทำอะไรผมไม่ได้หรอกครับ (หัวเราะ) ถามว่าเหงามั้ยมันมีบ้าง แต่ว่าผมเคยชินด้วยแหละ อยู่คนเดียวผมก็มีความสุขดี เดี๋ยวไปเตะบอล เข้ายิม เจอเพื่อน ผมสามารถจัดการกับเรื่องนี้ได้ เลยไม่ได้เป็นปัญหาที่ว่าเหงาแล้วต้องไปหาใคร รู้สึกชินกับความโสดและจริงๆ ก็ชอบครับ”
ปลงแล้ว?
“ใช้คำนั้นเลยเหรอ ก็มีบ้าง (หัวเราะ) ส่วนที่มีหลายคนเชียร์ ถามว่าใจอ่อนบ้างมั้ย คือผมพูดจริงๆ การมีความรัก แค่คนเชียร์ไม่ได้ มันต้องเกิดขึ้นจากใจ เราก็รู้สึกดีที่มีคนให้ความสนใจ ถ้าเลือกได้ ผมก็ไม่อยากให้คนมาโฟกัสผมเรื่องความรักเท่าไหร่หรอก แต่เข้าใจได้ ว่ามันเป็นเรื่องที่เพื่อนมันแรดออกนอกหน้ากันไปแล้ว คนก็เลยมาโฟกัสผม แต่ถึงใครจะยุยังไง สุดท้ายก็อยู่ที่เราอยู่ดี”
คนโสดชอบประโยคที่เกรทบอกว่า เพื่อนมีแฟนแล้วเราก็ไม่จำเป็นต้องมีด้วย?
“ใช่ คือผมคิดอย่างนั้นจริงๆแม้จะโดนล้อบ้าง ก็เข้าใจได้ แต่สุดท้ายก็อยู่ที่เราอยู่ดี ผมคิดว่าถ้าวันนึงอยากมีเองเดี๋ยวก็มีได้”
หลายคนยกให้เป็นไอดอลคนโสด?
“ก็มาคุยกับผมได้ โดยเฉพาะผู้หญิง (ยิ้ม) ถามว่าโอเคมั้ยกับการเป็นไอดอลคนโสด คือผมก็ดีใจนะที่คนมองแบบนั้น แต่ผมพูดแบบนี้ดีกว่า ผมอยากเป็นไอดอลทางด้านที่ว่าคนทุกคนความสุขมันขึ้นอยู่กับตัวเอง อย่าเอาไปไว้กับคนอื่นมาก ผมเป็นอย่างนั้นครับ”
แจ็คกี้ ชาเคอลีน ไปออกรายการ ก็ยังบอกว่าเค้าก็ตรงสเปกของเกรทอยู่?
“ถ้าพูดถึงว่าคาแรกเตอร์แบบแจ็คกี้ เขาเป็นคนสนุกสนาน ซึ่งผมก็ชอบมุมนี้ เพียงแค่ว่า ณ ตอนนี้เวลาน้องพูดถึงผมดีมากๆ เราก็รู้สึกเขินนะ รู้สึกขอบคุณเค้า น้องเค้าพูดถึงเราดีขนาดนั้น แต่มันก็เป็นตัวเราเองจริงๆที่ยังไม่คิดมีใคร เลยไม่ได้คุยไปในแบบนั้น เป็นความบริสุทธิ์ใจในการเป็นพี่น้องมากกว่า”
พอช่วงหลังมีข่าวย้ำบ่อยๆว่า เกรท เป็นหนุ่มโสด มันทำให้เราเนื้อหอมมากขึ้นมั้ย สาวๆอยากเข้ามาดูแลมากขึ้นรึเปล่า?
“อันนี้ต้องถามสาวๆนะ เอาจริงๆผมก็รู้สึกไม่เห็นมีใครมาอะไรเท่าไหร่ แต่ก็มีบ้างนะที่ได้ยินคนแซวๆว่า เฮ้ย! คุณแม่มีคนช่วยขายทองหรือยัง เจ๊กุ้งยังรับลูกสะใภ้อยู่มั้ย อันนี้มีเรื่อยๆเลยครับ ก็รู้สึกขำๆ แต่ถ้าเข้ามาอย่างจริงจัง ไม่มีครับ”
เปิดรับมั้ย?
“ผมหรือแม่ (หัวเราะ) ตอนนี้ผมยังเฉยๆนะ แต่ว่าผมก็ไม่ได้ปิด ต่อไปนี้ไม่มีแฟนก็ไม่ได้ขนาดนั้น แต่ถามว่าเรายังหวงความโสดและชีวิตที่เป็นแบบนี้มั้ย ก็ใช่ เราค่อนข้างชัดเจนว่าเราแฮปปี้กับชีวิตแบบนี้ แต่วันนึงถ้าต้องมีจริงๆก็ค่อยว่ากัน”
หลังจากลงโพสต์รับสมัครลูกสะใภ้นั้น คุณแม่ว่ายังไงบ้าง?
“โพสต์อันนั้นก็เป็นหนึ่งในการตลาดของทางแอดมินน้องผม แต่ว่าเราไม่ได้จะสมัครจริงๆ เพราะสุดท้ายแล้วมันก็อยู่ที่เราอยู่ดี”
แม่บอกอยากให้มีแฟนมั้ย?
“ผมก็พูดกับแม่เหมือนกัน คือเราก็รักพ่อรักแม่นะ แต่ต้องถามก่อนว่าเพราะอะไรถึงอยากให้ผมมีแฟน ซึ่งแม่บอกว่าแม่กลัวผมเหงา ผมก็บอกแม่ว่าไม่เหงา ผมแฮปปี้ ถ้าวันนึงจะต้องมีก็ต้องเกิดจากความรู้สึกสบายใจและพร้อมจริงๆ”
มองอนาคตบ้างมั้ย ถ้าโสดบั้นปลายชีวิตจะไปทำอะไร?
“ไม่ได้มองไกล ก็ยังพูดเหมือนเดิมนะว่าเราก็ยังมีความสุขในการทำงานตรงนี้อยู่ ได้ทำงาน ได้ดูแลตัวเอง ยังสนุกกับการทำงาน ก็เลยไม่ได้มองถึงอนาคตว่าจะโสดไปอีกนานแค่ไหน ตราบใดที่ยังรู้จักตัวเองมากพอ พร้อมหรือไม่พร้อมก็ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ จริงๆ ไม่ค่อยเข้าไปจีบใครก่อน เราไม่ได้เป็นแบบเห็นคนนี้สวยอยากจีบ มันต้องรู้จักนิสัยใจคอกันก่อน ดูแล้วน่าจะคลิกกับเราได้ ชอบเค้าจังเลยแล้วค่อยเข้าไปจีบ ส่วนอนาคตที่ผมจะทำ คงเป็นธุรกิจที่ผมจะทำ ผมทำกับ กิก-ดนัย เป็นเซรั่มบำรุงผม และจะทำรายการเพราะละครยังไม่เปิด ผมอยากจะทำรายการให้เห็นว่าแต่ละคนมีความสามารถมีดีในของตัวเองโดยไม่ลอกเลียนแบบใคร เป็นรายการแนวฟีลกู๊ดอยากสะกิดให้คนคิดว่าทุกวันนี้เรามีความสุขกันจริงๆหรือเปล่า ผมอยากทำออนทีวีทางช่อง 3 เริ่มทำเดโมกันบ้างแล้ว ตอนนี้ผมทำเกี่ยวกับมูลนิธิกระจกเงาเข้าไปสัมภาษณ์เพื่อเอาเรื่องราวของเค้ามาแชร์ ผมเริ่มทำแล้ว ช่วงนี้เป็นช่วงชิมลางไปเรื่อยๆ และอยากให้ออนช่อง 3 เป็นที่แรก คุยกับที่ช่องแล้ว เป็นการเบนเข็มแนวทางการทำงานนะ เพราะผมยังอยากทำงานอยู่เบื้องหน้า อยากให้คนเห็นผมในอีกบทบาทหนึ่งที่ไม่ใช่การเล่นละคร อยากให้คนเห็นในมุมที่เป็นตัวผมจริงๆ”.
...
เม้าท์ชัด จัดทุกตอน ติดตามได้ที่ www.thairath.co.th/novel และ Facebook Fanpage : นิยายไทยรัฐ