เจ๊ติ๋ม ทีวีพูล ได้เปิดใจผ่าน ยูทูบ Nickynachat ของหนุ่ม นิกกี้ ณฉัตร เล่าเบื้องหลังแยกทาง ทิดสมปอง พร้อมพูดถึงหนี้ 16 ล้านของอดีตพระนักเทศน์ชื่อดังว่า
มันจำเป็น ถึงเวลามันต้องเจอกัน ถึงเวลามันต้องจากกัน เจ็บแต่ต้องจบดีกว่าคาราคาซัง เจ็บนะ ไม่ใช่ไม่เจ็บ เจ็บมาก วันที่ขึ้นไปบนห้องเขา เขามาอยู่ที่นี่ 1 เดือนกับอีก 5 วัน ช็อกใจสั่น เต้นตุ้บๆ วูบเลยนะ มันไม่เหลือเลยของเรา
ของในห้อง ของของเขา ของที่เราซื้อให้บ้าง ของเขาบ้าง แฟนคลับซื้อให้บ้าง ของเยอะแยะ แต่เข้าไปมันร้าง เหลือรูปเรารูปเดียว เขาเคยวางรูปพี่กับรูปเขาคู่กัน ใครมาก็จะเห็นว่ามีรูปพี่กับรูปเขาอยู่ที่หัวเตียง รักกัน (หัวเราะ) ย้ำอยู่นั่นแหละ
ที่ได้มาทำงานด้วยกันเพราะเลขาฯ ไปสัมภาษณ์ปกติ ปรากฏว่าเขาก็ขอสายพี่ พอคุยเขาก็บอกว่าจะสึกแล้ววันที่ 29 นี้ จะขอมาเช่าบ้าน เช่าออฟฟิศเล็กๆ แล้ว เพราะต้องทำมาหากิน ก็เหมือนช่วยคนที่เขาทำบุญทางด้านศาสนาช่วยคนมาเยอะ
ก็บอกว่าบ้านไม่ต้องมาเช่า บ้านนี้มีห้องว่างเยอะมาก มาอยู่ได้เลย เพราะลูกอยู่คอนโดฯ มากกว่า แล้วเขาก็มาในทันใดนั้น ตอนนั้นยังเป็นพระ ยังต้องกราบเขาอยู่เลย เขามาดูที่พักว่าชอบมั้ย เขาก็เดินดูหมด และเขาก็ชอบมาก
...
เขาจะมาอยู่ที่นี่บอกจะมาช่วยกัน มาช่วยทีวีพูล มาทำงานให้เต็มที่ เป็นสัญญาจากเขา แต่ไม่กี่วันต่อมา เขาโทร.มาบอกมีเจ้าสัวใหญ่คอยดูแล และเขาก็บอกว่ามีหนี้อยู่ 10 กว่าล้าน เล่าให้ฟัง
แต่เราก็มองในมุมดีว่าเขามีความกตัญญูกับครอบครัวเขา อยากจะมีสวนยาง เพราะมีคนบอกเขาว่า ถ้ามีสวนยาง 300 ไร่ จะมีเงินเดือนเป็นแสน เผื่อที่จะมีเงินมาดูแลครอบครัวทั้งครอบครัว ที่มีหนี้เพราะเอาไปซื้อที่กะให้ครอบครัวทำ
แต่การทำสวนยางไม่ง่ายเพราะทำไม่ไหว เลยประกาศขายแต่ขายเท่าไรก็ขายไม่ได้ เงินที่ซื้อก็เป็นเงินนอกระบบ เป็นเงินกู้มา ทำให้เขามีค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยเดือนละ 3 แสนบาทฟังแล้วตกใจ ว่าเป็นพระทำไมมีหนี้ และคิดการใหญ่ขนาดนี้ ชีวิตมันควรจะสมถะ แต่ก็อยากช่วยเขา
ส่วนเรื่องที่มีเจ้าสัวนามสกุลดังของประเทศไทย เขาบอกว่าทางนู้นให้เท่านี้ พี่จะสู้มั้ย นี่ก็บอกว่าไม่ซื้อตัวใครอยู่แล้ว จะมาก็มา ไม่ได้นี้ด จะไปอยู่กับเขาก็ได้ แต่ทางนู้นเขาให้เงิน 16 ล้านบาทให้เลยทันที ให้บ้านอีก 1 หลัง ให้เงินอีก 100 ล้านเพื่อตั้งบริษัทแม่ปอง ที่จะทำอะไรก็ได้
นี่ก็บอกเขาว่าเขาเอาไปเพื่อเป็นนักธุรกิจหรือว่านักการเมือง สัญญา 5 ปี กำไรอีก 20% เป็นดีลที่ดีมาก แต่รู้สึกว่ามันผิดปกติ เขาอาจจะให้ไปคอลเอาต์เพื่อให้มันเป็นกระแส ก็ลองคิดดู เพราะคิดว่าน่าจะเป็นเรื่องอื่นมากกว่าธุรกิจแล้ว ก็คิดว่าเขาคงจะไม่มาแล้วเพราะข้อเสนอทางนู้นดีมาก
แต่ปรากฏว่าวันที่ 29 เขามา ก็ตกใจและถามว่าตกลงจะมาอยู่กับพี่เหรอ เขาก็บอกว่าใช่ จะมาอยู่กับพี่ ถามว่าชื่นใจมั้ยที่เขาทิ้งเงินทางนู้นมาอยู่ด้วยก็ไม่ชื่นใจนะ ต้องมาดู มาตอนแรกเขาก็บอกว่าจะทำให้ทีวีพูลกลับมายิ่งใหญ่กว่าเดิม
ส่วนเรื่องเซ็นสัญญา 4 เดือน 1 ล้าน ลูกชายของเจ๊ติ๋ม อธิบายว่าเป็นสัญญาปกติ มีซิตคอม รายการไลฟ์สดช่วยเกษตรกร และโทรติดทิดตอบ ตอบปัญหาชาวบ้าน เจ๊ติ๋ม ก็เสริมว่า เพราะรักเขามาก อยากจะให้เขาทำได้ยาวๆ เพราะกระแสอยู่ได้นานก็แค่ 5 เดือน ก็จบแล้ว
แต่อยากให้เขายาว เลยให้ทำ CSR และได้เงินด้วยเพราะเอ็นดูเขา และเรารู้ว่าเขาต้องใช้หนี้ ก็เลยให้ลูกศิษย์ที่รวยๆ มาช่วยปิดหนี้อันนี้ จะได้ไม่ต้องเครียดมาก จะได้ไม่ต้องเสียดอกเบี้ยเอามาจ่ายเงินต้นแทน ให้ผ่อนไปเรื่อยๆ
...
ตอนที่มาเจอก็เหลือ 10 ล้าน 9 แสน เขาก็บอกให้พี่ช่วยเคลียร์ เราก็คิดให้เขาหมดเลย และลงรายการของลูกชายพี่ 1 ปีหมดเลย อันนี้แค่ส่วนของรายการ
นอกจากนี้ มีค่ายใหญ่ 2 ค่าย บอกให้ทำเป็น The journal of สมปอง ล็อกคิวหมดแล้ว จะเปิดตัววันที่ 30 นี้ เตรียมไว้หมดแล้ว หาสปอนเซอร์แล้ว วางคิวไว้หมดแล้ว ดีลดีมาก ทางค่ายให้ 1 ล้านบาท แล้วค่ายนี้ทำไม่เคยต่ำกว่า 20 ล้านบาทเลย ได้ส่วนแบ่งสินค้าอีก 20%
ลูกชายเจ๊ติ๋มเล่าต่อว่า ปัญหามันไม่ได้มีอะไรชัดเจน แต่ส่วนตัวมองว่าเป็นเรื่องของเงิน อาจจะมีการไปเปรียบเทียบกับตอนไปออกรายการ หรือรับงานรีวิว เรตงานแบบนั้นมันต่างกับเรตของรายการเสริมภาพลักษณ์อยู่แล้ว
เจ๊ติ๋ม ทีวีพูล เล่าต่อว่าได้เงิน 250,000 ต่อเดือน แต่ทำอยู่ไม่กี่ชั่วโมง ที่ทำคือความมั่นคงให้เขารู้สึกสบายใจ อีก 2 ปี ก็ยังได้แบบนี้เพราะมันมีในสัญญา แต่รู้ไหมว่าแบบนี้อีก 2 ปี ค่าตัวคุณจะไม่ใช่แบบนี้แล้ว เพราะกระแสมันจะดรอปลงเรื่อยๆ
เมื่อถูกถามว่าทิดสมปองจะต้องทำงานหนักมั้ย ลูกชายเจ๊ติ๋มอธิบายต่อว่า ซิตคอมวางไว้สองคิว แต่เขามองว่ามันหนักเกินไป จึงปรับเป็นเดือนหนึ่งแค่ 3 คิว 1 แสนบาท
ส่วนรายการ ถึงไหนถึงกัน รายการสด 45 นาที จาก 5 วันต่อสัปดาห์ เขาบอกมันมากไป ก็ปรับให้เหลือ 3 วันต่อสัปดาห์ ย้ำว่าเรื่องงานสามารถอะลุ่มอล่วยกันได้
...
รายการโทรติดทิดตอบ รายการออนไลน์ 2 ชั่วโมง สัปดาห์ละ 1 ครั้ง ยืนยันว่าวางคิวไม่ได้แน่น เหลือเวลาให้สามารถไปรับงานอื่นได้ ยืนยันว่าเรตที่ให้ถือว่าเป็นธรรมแล้ว แต่เขาอาจจะไปเปรียบเทียบ หรือไปได้ยินจากคนอื่นมา แต่ทั้งนี้จากนี้เราก็เดินไปต่อเหมือนเดิมทุกรายการ
จากนั้น เจ๊ติ๋มพาไปชมห้องพักที่ทิดสมปองเคยอยู่ ซึ่งเป็นห้องที่ใหญ่มาก แต่เจ๊ติ๋มบอกว่าห้องนี้เล็กมาก และยังเล่าต่อว่า ทิดสมปองนั้นมีสไตลิสต์ส่วนตัว เป็นเด็กที่จบจากญี่ปุ่นมาทำงานให้เขาเลย มาดูแลเสื้อผ้าให้
ส่วนเสื้อผ้าแบรนด์เนมที่ไปช็อป 1 แสน ลูกชายเป็นคนจ่าย และมีแบรนด์นึงให้เสื้อมาแต่เขาไม่ใช้ เพราะเขามีรสนิยม และเจ๊ติ๋มยังขอให้ทิดสมปองรักษาศีล 5 ภายใน 4 เดือนแล้วค่อยไปลองในสิ่งที่อยากจะลอง
ซึ่งงานนี้ นิกกี้ ณฉัตร ถามว่า ถ้าอยากให้รักษาศีล 5 แล้วเอาตู้ไวน์มาให้เขาทำไม พี่สปอยล์เขา เจ๊ติ๋มจึงบอกว่า ขออย่าทำให้ใครเห็น แต่นี่ก็ภาวนาขอให้เขาเจอคนดีๆ นะ อย่าเจอคนที่มาเกาะกินเขา ก็อวยพรเขาทุกวัน
เจ๊ติ๋มเล่าต่ออีกว่า เรื่องบ้านที่จะทำให้ เพราะเขาอยากได้บ้านสไตล์ลอฟต์เอามาทำออฟฟิศ นี่ก็ต้องทำให้เขาใหม่เพราะเขางอแงเป็นเด็กเลย ก็เลยยอมอีก สั่งทุบหมดเลย ตอนเขามาขนของออกจากบ้านก็ให้ทีมงานมาขน ไม่ได้ร่ำลากันเลย แต่พี่อโหสิแล้ว พี่จบแล้ว
...