กลับมาลุยงาน รวมทั้งมาเล่นละครพีเรียดเป็นครั้งแรก นักแสดงหนุ่ม โทนี่ รากแก่น ร่วมบวงสรวงละครอิงประวัติศาสตร์แห่งปี “บุษบาลุยไฟ” ทางช่องไทยพีบีเอส เลยได้อัปเดตเรื่องราวชีวิตที่ลุยดงดราม่าฝ่ารถทัวร์ลงในช่วงที่ผ่านมา รวมทั้งเรื่องที่ภรรยาสาว แก้ว-จริญญา ตอกกลับชาวเน็ตหลังถูกบูลลี่
โทนี่ เผยเริ่มจาก “เรื่องนี้ผมรับบทเป็นฮุน ชายชาวจีนที่เข้ามาใช้แรงงานเป็นกรรมกร แต่ต้องการที่จะถีบตัวเองให้มีฐานะที่ดีขึ้น จึงใช้การเขียนภาพในการพัฒนาตัวเอง เป็นการเล่นละครพีเรียดเรื่องแรกในชีวิตก็ต้องขอบคุณผู้ใหญ่ที่ให้โอกาส”
ถามถึงเรื่องสร้างเรือนหอแนวเรียบง่าย พึ่งพาตนเองจริงจังขนาดไหน?
“อยากให้ลองไปดูในยูทูบ (หัวเราะ) ตอนนี้กลับมาทำงานแล้วตรงนั้นก็ต้องแบ่งเวลาเลย เพราะพอเรื่องนี้เปิดกล้องก็กลายเป็นทำงาน 7 วัน ซึ่งตรงนั้นผมว่าก็อาจจะ 2-3 เดือนถึงจะเสร็จ แล้วก็จะย้ายไปอยู่ที่นั่น”
เรื่องมีทายาทยังไม่เปลี่ยนใจเหรอ?
...
“ช่วงโควิดที่ผ่านมาก็คุยกันเยอะนะครับ เพราะพอเราได้อยู่ในภาวะที่ไม่ต้องทำงานเยอะเหมือนเดิม เราก็รู้สึกว่าเมื่อก่อนเรานึกไม่ออกเพราะทำงานทุกวัน แต่พอไม่ได้ทำงาน ได้อยู่ด้วยกัน ก็รู้สึกว่าถ้าเกิดมีลูกมันจะเป็นยังไง ก็คิดไว้บ้าง แต่น่าจะต้องวางแผนกันดีๆ”
จริงๆอยากมีมั้ย?
“นิดนึงครับ อย่างละครเรื่องล่าสุดที่เราไปเล่นก็เกี่ยวกับเราได้มีโอกาสเลี้ยงลูก เบบี๋เหมือนได้เทสต์ไปในตัว”
แก้วว่ายังไงบ้าง?
“คุยกันเรื่องนี้ก็คิดเห็นเหมือนกัน อีกสักพักนึง ให้เราได้มีโอกาสได้เดินทางด้วย ก็ค่อยมองถึงเรื่องนี้กัน ปีหน้ายังครับ ผมว่า 3-4 ปี”
ถามเรื่องดราม่าของแก้วมีคนทักแก้วเรื่องขาเล็ก แก้วเลยออกมาชี้แจง?
“คือเค้ามองถึงคนอื่นมากกว่า ผมก็ถามว่าแก้วเองรู้สึกยังไงกับเรื่องนี้ เค้าก็บอกว่าไม่ได้รู้สึกแย่กับสิ่งที่คนพูด แต่เค้ารู้สึกแย่กับทำไมคนยังทักกันแบบนี้อยู่ในสังคมปัจจุบันที่มันมีความหลากหลายมากขึ้น ผมรู้สึกว่าความสวยงามมันคงเปลี่ยนไปเยอะในยุคปัจจุบัน บางคนชอบแบบนี้ก็ชอบแบบนี้ ก็เลยอยากจะฝากบอกไปมากกว่า”
โดนหลายครั้งมั้ย?
“เค้าก็โดนอยู่เรื่อยๆเค้าก็เล่าให้ฟังว่าตั้งแต่เด็กแล้วเค้าก็โดนแบบนี้ เหมือนทรงหน้าเค้าคนก็จะมองว่าอดอาหารเหรอ กินไม่พอเหรอ ซึ่งจริงๆเค้ากินเยอะมาก แต่เค้าไม่อ้วนเอง เป็นคนที่สรีระแบบนั้น”
ให้กำลังใจยังไงบ้าง?
“อยู่ด้วยกันทุกวันก็เป็นกำลังใจที่ดีแล้วครับ (ยิ้ม)”
เค้าปรึกษาเราก่อนมั้ยว่าควรจะโพสต์มั้ย?
“คือต่างคนต่างมีความคิดเป็นของตัวเองอยู่แล้วครับ เราก็เคารพในการตัดสินใจในกันและกันอยู่แล้ว”
รู้สึกยังไงที่มีคนมาจับจ้องตลอด?
“ผมเองเป็นเหมือนคล้ายๆตัวตลกในกลุ่มอยู่แล้ว ก็จะโดนแซวตลอดว่าเท้าผมเหมือนตีนหมี อ้วนบวม เหมือนเราชินกับเรื่องนี้ แต่ทุกวันนี้เราเห็นสังคมพูดถึงเรื่องนี้กันเยอะ เราก็รู้สึกว่าจริงๆแล้วมันมีวิธีการทักทายกันอีกแบบนึงนี่หว่า มันมีมุมมองอีกแบบนึง ก็แค่มองเห็นว่ามันมีมุมมองหลากหลายมากขึ้น”
ต้องพาแก้วไปโด๊ปให้มีน้ำมีนวลมากขึ้นมั้ย?
“ตอนนี้เราเน้นออกกำลังกาย มีฟิตเนสเทรนเนอร์มาคอยดูแลเรื่องกล้ามเนื้อ เรื่องสุขภาพ พอเราไปทำสวนเราจะรู้เลยว่าถ้าร่างกายเราไม่พร้อมมันจะเหนื่อยง่าย และจะบาดเจ็บได้ง่าย”
ช่วงที่ผ่านมาตัวเราเองก็เจอดราม่าหลายเรื่อง?
“ก็ได้เรียนรู้ครับ เป็นประสบการณ์ชีวิตอย่างนึงที่เราได้รู้จักตัวเองมากขึ้นด้วยว่า สิ่งที่เราคิดบางอย่างไม่ถูกต้อง ก็ไม่จำเป็นต้องไปยึดติดความคิดของเรามากไป เราก็เปลี่ยนแปลงได้ ผมว่าต้องขอบคุณหลายๆอย่างที่เกิดขึ้นช่วงที่ผ่านมานะครับ ที่ทำให้เราได้เห็นตัวเองมากขึ้น ได้เห็นภาพกว้างของสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่งั้นเราก็จะเห็นมุมแคบๆของเราอยู่แค่นี้ จริงๆมันมีความหลาก หลายมากครับ”
...
ตอนนั้นมีหลายคนแสดงความคิดเห็นหลากหลายมุมกลับมา เรารู้สึกยังไง?
“รู้สึกว่าได้เรียนรู้หลายๆอย่างคือเราในฐานะนักแสดง ศิลปิน ความรู้เราก็จะมีแค่ความเป็นศิลปิน เราไม่สามารถที่จะรู้อะไรมากกว่านั้น เพราะสิ่งเหล่านั้นมันเป็นเรื่องของวิชาการ พอเรามองในมุมมองแคบๆ มันก็ทำให้หลายๆคนตักเตือน เค้าคล้ายๆว่าสอนว่าจริงๆมันมี 4 5 6 7 8 เราก็เออจริงด้วย ทั้งๆที่เราก็นึกว่าเราอายุมากแล้ว ก็น่าจะรู้เยอะ กลายเป็นเข้าใจเลยว่าจริงๆ เรารู้น้อยมาก ก็เลยขอโทษ และพยายามศึกษาเรียนรู้ให้มากขึ้นครับ”
ต้องระวังมากขึ้นมั้ยในการที่จะโพสต์อะไร?
“ผมว่าก็เป็นเรื่องธรรมดาของคนที่อยู่ในแสงสว่างมั้งครับ ที่อาจจะต้องคิดมากกว่าปกตินิดนึงว่าจะโพสต์จะพูดอะไร”
กับคอมเมนต์ที่แย่ๆเรารู้สึกยังไง?
“ก็ขอบคุณทุกคอมเมนต์เลยครับไม่ว่าจะดีจะแย่ เพราะเราไม่รู้ตัวเองหรอกจนกว่าจะมีคนบอกเราว่าเราเป็นยังไง จนคนบอกว่ามันไม่ดีอย่างนู้นอย่างนี้นะ คือรับเต็มที่เลยครับ เราเข้าใจเลย เราโลกแคบเกินไปจริงๆครับ”.
...