- มาร์ค คณัสนันท์ ชีวิตในวงการบันเทิงที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ
- แม้ผิดหวังจากการเป็นเด็กฝึกที่เกาหลีแต่ไม่เคยคิดน้อยใจในโชคชะตา
- ทำตัวให้พร้อมรับโอกาสที่จะเข้ามาอยู่เสมอ
หลายคนอาจจะคุ้นชื่อและคุ้นหน้าของ มาร์ค คณัสนันท์ นักตะเฆ่ กันมาบ้างแล้ว เพราะหนุ่มคนนี้มีความสามารถรอบด้านทั้งการเป็นนักร้องและนักแสดง
และบทบาทล่าสุดที่ มาร์ค คณัสนันท์ ได้มารับเล่นคือบท แม็กซ์ อีกหนึ่งตัวละครที่จะทำให้ละครไอ้ข้าวแกง สนุก และมีเรื่องราวมากยิ่งขึ้น ซึ่งละครเรื่องนี้เป็นผลงานการผลิตของค่ายทวินเฟลม ที่ออกอากาศทางไทยรัฐทีวี ช่อง 32
ที่ตอนนี้ละครไอ้ข้าวแกง กำลังออนแอร์ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 21.30-22.30 น. หลังจากที่ออกอากาศไปก็ได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากคนดู เพราะเป็นละครน้ำดี และสะท้อนสังคมได้เป็นอย่างดี
พลิกบทบาทเล่นเป็นตัวร้ายครั้งแรก
วันนี้เราได้มีโอกาสมาสัมภาษณ์ มาร์ค คณัสนันท์ กับการได้มีโอกาสมารับเล่นบทร้ายเป็นครั้งแรก และมาร่วมงานกับค่ายทวินเฟลม ซึ่งงานนี้หนุ่มมาร์คได้บอกเล่าความรู้สึกของการทำงานละครเรื่องนี้พร้อมกับพูดคุยเรื่องราวชีวิตส่วนตัวให้ได้ฟังว่า
"ในละครเรื่องไอ้ข้าวแกง เรื่องนี้ผมรับบทเป็นแม็กซ์ครับ เป็นคนที่พ่อคอยสปอยล์ทุกอย่าง เป็นเด็กที่โตมาในครอบครัวที่เลี้ยงแบบเอาแต่ใจ ติดเพื่อน ติดปาร์ตี้ เป็นอีกหนึ่งตัวละครที่ทำให้เกิดเรื่องขึ้นในละครเรื่องนี้
ก่อนหน้านี้ผมเคยเล่นละครมาก่อน 3-4 เรื่อง แต่เรื่องนี้เป็นการเล่นร้ายเรื่องแรกของผม ที่ผ่านมาจะเป็นแนวคนดี พอได้มาเล่นร้ายก็ตื่นเต้นมากที่ได้ลองเล่นบทร้าย และชอบบทร้ายมาก ซึ่งจริงๆ ผมอยากจะแสดงบทโรคจิต ฆาตกร บทร้าย
...
โดยส่วนตัวผมชอบเล่นบทที่ท้าทายที่ไม่เคยเล่นมาก่อน แต่เรื่องนี้ถึงผมจะเล่นร้าย แต่อย่าเพิ่งเกลียดผมนะ (หัวเราะ) เพราะมันจะมีจุดพลิกผันของตัวละครอยู่ รอติดตามและให้กำลังใจว่าผมจะเอาชีวิตรอดจากในเรื่องได้หรือเปล่า
มาร์คยังเล่าความรู้สึกของตัวเองให้เราฟัง เมื่อได้รู้ว่าตัวเองจะได้มาเล่นละครเรื่องนี้ ที่แม้จะผ่านมาเกือบ 2 ปีแต่ยังจำความรู้สึกนั้นได้ดีว่า
"ตอนที่เขาติดต่อมาให้ผมมาเล่นละครเรื่องนี้ ผมรู้สึกตื่นเต้นมากและก็รับเล่นทันที เพราะผมชอบการแสดงและบทมันท้าทาย อ่านไปรู้สึกตื่นเต้นกับการที่จะได้เป็นตัวละครใหม่ ผมจะได้เล่นเป็นใครก็ได้ที่ไม่ใช่ตัวเอง มันเป็นจุดที่น่าสนใจของการแสดง"
เพราะในชีวิตจริงหนุ่มมาร์คเป็นนักร้อง และการมารับบทแม็กซ์ในเรื่องนี้ที่เป็นนักร้อง ดูจะไม่ยาก เพราะเป็นเรื่องใกล้ตัว แต่งานนี้มาร์คบอกกับเราว่า ความยากของบทแม็กซ์อีกมุมหนึ่งสำหรัวตัวเขาก็มีเช่นกัน โดยเจ้าตัวเล่าให้เราฟังว่า
"ความยากของบทนี้คือเรื่องของความเจ้าชู้ เป็นเรื่องที่ไม่ถนัดเลย บทห่างไกลจากตัวผม เขาเป็นผู้ชายที่เจ้าชู้ที่สามารถไปนอนกับเพื่อนของนางเอกได้โดยที่ยังเป็นแฟนกับนางเอก และฉากเล่นยาก็จะมีผู้กำกับมาคอยบอกว่าคนเล่นยาจะมีอาการแบบไหน และตัวผมก็มีศึกษาบทจากหนังต่างประเทศบ้างครับ (ยิ้ม)"
ละครน้ำดีที่จะต้องดู
เพราะไอ้ข้าวแกง เป็นละครน้ำดีของค่ายทวินเฟลม งานนี้ มาร์ค คณัสนันท์ เลยต้องรีบบอกต่อให้แฟนๆ ของเขามาดูละครเรื่องนี้ให้มากขึ้น เพราะเป็นละครที่ให้ข้อคิดให้กับคนดูผ่านตัวละครในเรื่อง
"ละครไอ้ข้าวแกงเป็นละครที่น่าสนใจที่นำเรื่องราวความฝันของวัยรุ่นมาเล่า และความฝันนี้มันมีได้หลายทางที่จะไปทำให้ไปถึงจุดหมายได้ มันจะมีข้อคิดไว้ด้วยในเรื่อง อันนี้น่าจะเป็นจุดที่น่าสนใจของเรื่อง
หลังจากที่ละครออกอากาศไป โดยส่วนตัวผมกระแสตอบรับดี เพื่อนๆ และคนรอบข้างดูแล้วบอกว่าบางฉากในเรื่องดูแล้วอิน เพื่อนๆ ที่ผ่านการประกวดมาจะรู้สึกอิน
เพราะดูใกล้ตัวกับวัยรุ่นสมัยนี้ ที่มีการไปประกวด ไปแข่งขันเพื่อที่จะได้เป็นนักร้องอย่างที่ฝันเอาไว้ และการที่ได้มาเล่นละครเรื่องไอ้ข้าวแกง ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ทำให้ผมมีประสบการณ์ทางการแสดงเพิ่มขึ้น"
ยังไงก็ฝากละครเรื่องไอ้ข้าวแกงกันด้วยนะครับ นักแสดงทุกคนรวมไปถึงทีมงาน ตั้งใจเล่นละคร ตั้งใจผลิตละครน้ำดีเรื่องนี้ออกมากันเต็มที่จริงๆ ฝากติดตามกันด้วย กำลังสนุกเลย ติดตามได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 21.30-22.30 น. ครับ"
...
ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ
อย่างที่บอก หลายคนอาจจะรู้จักและคุ้นหน้าคุ้นตาหนุ่ม มาร์ค คณัสนันท์ กันมาบ้าง ถ้าในแวดวงเพลง มาร์คเคยเป็นศิลปินดูโอ้มาก่อน และปัจจุบันก็เป็นแร็ปเปอร์ที่มีผลงานเพลงให้แฟนๆ ได้ฟังกัน
แต่ถ้าเป็นทางด้านการแสดงเจ้าตัวนั้นเคยมีละครกับทางช่อง 3 ก่อนจะออกมาเป็นนักแสดงอิสระ แต่กว่า มาร์ค คณัสนันท์ จะมาเป็นนักแสดงและนักร้อง ชีวิตของเขาผ่านการผิดหวังสมหวังมาไม่น้อย ซึ่งมาร์คเล่าเรื่องราวชีวิตของเขาให้เราฟังว่า
"เรื่องผิดหวังในชีวิตผมก็ผ่านมาเยอะเหมือนกันครับ (ยิ้ม) ตอนนั้นอายุประมาณ 16-17 ปี ผมเคยไปอยู่เกาหลี ผ่านไป 2 ปี ผมโดนให้กลับไทย เพราะว่าผมต้องใส่เฝือกประมาณ 8 เดือน เนื่องจากไม่ทันโปรแกรมของเขา
ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าผิดหวัง แต่ผมก็ไม่ได้ไปนั่งจมทุกข์อยู่กับมัน เพราะมีคนเคยบอกผมว่าการที่สิ่งหนึ่งจากเราไปมันทำให้เราไปเจอสิ่งอื่นที่ดีกว่า ซึ่งผมก็เอามาคิดและปรับใช้กับตัวผมมาตลอด คิดว่ามันไม่ใช่สิ่งที่ผิดหวัง แต่มันคือประสบการณ์ชีวิตที่ได้ไปเจอมามากกว่า ที่ได้ไปเรียนรู้ที่นู่น ก็ทำให้ผมได้สกิลและทักษะมากขึ้น (ยิ้ม)"
...
เราถามหนุ่มมาร์คตรงๆ ว่าตอนนั้นต้องเสียใจและผิดหวังมาก เพราะไปตั้ง 2 ปีแล้ว และมาร์คพาตัวผ่านความรู้สึกนั้นมาได้อย่างไร งานนี้เจ้าตัวตอบคำถามนี้กับเราด้วยรอยยิ้มว่า
"จริงๆ ผมไม่ค่อยทุกข์ใจหรือน้อยใจที่จะต้องถูกส่งตัวกลับในตอนนั้น แต่แอบเศร้าเพราะไปอยู่ที่นู่นมา 2 ปี ก็มีคิดถึงเพื่อน คิดถึงการใช้ชีวิตอยู่ที่นู่นบ้าง แต่ผมไม่ค่อยเสียดายกับเรื่องที่ผ่านมา เพราะอยากจะทำปัจจุบันให้มันดีกว่ามากกว่าครับ"
ชีวิตไม่เคยเจอทางตัน
แต่ดูเหมือนว่าชีวิตของ มาร์ค คณัสนันท์ จะได้พบเจอโอกาสที่ดีอยู่เสมอ โดยมาร์คเล่าให้ฟังต่อว่า หลังจากที่กลับจากเกาหลีก็มาได้โอกาสการเป็นศิลปินที่ไทย
"พอกลับจากเกาหลี ผมก็มีโอกาสได้เดบิวต์เป็นดูโอ้กับเพื่อนเกาหลีที่ผมพามาด้วยคนนึง ตอนนี้ผมใช้ชื่อว่า MJ (Mark-Jin) เป็นคู่ดูโอ้ไทย-เกาหลี แต่หลังจากนั้นก็มีเหตุการณ์ที่ทำให้วงต้องยุบไป ทางค่ายที่ดูแลผมเขายกเลิกสัญญา
และหลังจากนั้นผมก็มีโอกาสได้เล่นละคร พอมีทางนึงที่ตันก็ทำให้ผมเจอทางใหม่ตลอด ผมก็พยายามเดินไปในทางที่เรามีโอกาสก่อน และเรื่องของการทำเพลงเป็นเรื่องที่ผมชอบ สามารถแวะทำระหว่างทางได้ คือจุดหมายของคนเรามีอยู่หนึ่งเป้าหมาย แต่ทางที่จะไปถึงมันสามารถมีได้หลายทาง"
...
มาร์คเล่าให้เราฟังต่อว่า การที่เขาได้ลองมาเป็นนักแสดง จึงทำให้เขารู้สึกชอบในอาชีพนี้ และรู้สึกอยากจะลองได้รับบทที่ท้าทายมากขึ้น
"พอมาเป็นนักแสดงผมก็ชอบมันนะ ผมชอบที่ได้รับโอกาส ผมชอบอาชีพนักแสดง เพราะจะได้เป็นคนอื่นที่เราไม่มีโอกาสจะได้เป็น และได้ทำอะไรที่เราไม่ได้ทำบ่อยๆ เช่น การขี่ม้า หรือการเป็นคนในสมัยก่อน ถือว่าเป็นประสบการณ์ชีวิตของตัวผมที่ครั้งหนึ่งผมได้ลองเป็นตัวละครนี้ ได้ทำอาชีพนี้ ได้เป็นคนแบบนี้
ส่วนพาร์ทของการเป็นศิลปินอันนี้ผมชอบ แต่ก็เป็นงานอดิเรกที่ผมจะทำโดยที่ไม่หวังผมตอบแทน เป็นอีกอาชีพที่ผมมองว่า ถ้าในอนาคตมันจะเป็นทั้งความฝันและเป็นสิ่งที่ผมสามารถหารายได้จากมันได้ก็คงจะเป็นอีกหนึ่งอาชีพที่ดีมากๆ แต่ผมชอบทุกเส้นทางและทุกโอกาสที่เข้ามาในชีวิตผมมากๆ"
จากนั้น มาร์ค คณัสนันท์ ก็บอกกับเราว่า ตัวเองนั้นโชคดีที่มักจะได้โอกาสดีๆ ให้ทำอะไรใหม่ๆ อยู่เสมอ นั่นอาจจะเป็นเพราะเขาทำให้ตัวเองพร้อมรับกับทุกโอกาสที่เข้ามา
"ผมถือว่าตัวเองโชคดีนะที่ได้มีโอกาสดีๆ เข้ามาในชีวิตอยู่เสมอ ผมพยายามทำตัวให้พร้อมกับทุกโอกาสที่จะเข้ามา คือผมไม่รู้ว่าโอกาสจะมาอีกตอนไหน เพราะตอนนี้ผมก็ใกล้จะ 30 แล้ว ผมก็เลยทำตัวให้พร้อมรับโอกาสที่จะเข้ามา ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะมาตอนไหน"
เคยท้อแต่ไม่ถอย สู้และทำให้ดีกว่าเดิม
เพราะชีวิตดูผ่านอะไรที่ผิดหวังมาไม่น้อย เราจึงถาม มาร์ค คณัสนันท์ ตรงๆ ว่า รู้สึกท้อหรือไม่อยากจะทำงานในวงการบันเทิงต่อมั้ย เพราะต้องยอมรับว่าการแข่งขันในวงการบันเทิงค่อนข้างสูง มีตัวเลือกเยอะแยะมากมาย และบางครั้งเราอาจไม่ได้ถูกเลือก งานนี้หนุ่มมาร์คบอกกับเราด้วยรอยยิ้มอีกครั้งว่า
"เอาจริงนะๆ ความกดดันในวงการบันเทิงที่ไทยถือว่ายังน้อยเมื่อเทียบกับที่เกาหลีนะครับ ที่เกาหลีพลาดจุดเล็กๆ ก็คือพลาดเลย การแข่งขันของเขาสูงมาก การแข่งขันดุเดือด เขาซ้อมกันโหดมาก
ศิลปินใหม่เยอะมาก พร้อมที่จะขึ้นมาแทนที่ได้ตลอด ที่ไทยถือว่าความกดดันไม่สูง แต่ถ้าจะกดดันผม คือเป็นเรื่องของรายได้มากกว่า (ยิ้ม) เพราะยุคโควิดมันก็จะหางานทำยากพอสมควร เราก็ต้องปรับตัวกับมัน
และตัวผมก็โดนผลกระทบโควิดเยอะมาก และน่าจะกระทบทุกวงการกับทุกคน แต่อยู่ที่เราจะต้องพยายามปรับตัวเพื่อให้เข้ากับมันให้ได้มากกว่า เราต้องอยู่กับมันให้ได้ มันไม่น่าจะหายไปในเร็วๆ นี้ครับ"
แล้วเวลาที่เจอคำวิจารณ์ทางการแสดง หรืองานเพลง มาร์ครับมือกับเรื่องพวกนี้อย่างไร เพราะคอมเมนต์แรงๆ ของหลายๆ คนก็ทำให้ตัวนักแสดง ตัวศิลปินแอบท้อแท้ได้เหมือนกัน ซึ่งเจ้าตัวยอมรับว่าเคยรู้สึกท้อเช่นกันเมื่อได้อ่านคำวิจารณ์ที่มันแทงใจ
"ผมมีช่วงเวลาที่ท้อเหมือนกัน คือโซเชียลมันมีทั้งดีและไม่ดีแล้วอยู่แล้ว อย่างบางคอมเมนต์อ่านแล้วมันอาจจะแทงใจนิดนึง แต่ถ้าลองมองกลับกันว่าคอมเมนต์นี้มันเป็นปัญหาสำหรับชีวิตเรา ก็ควรเอาคำคอมเมนต์นั้นมาแก้ไขให้มันดีขึ้น
ผมเคยโดนคอมเมนต์ที่ทำให้รู้สึกไม่ดี ครั้งหนึ่งไปประกวดเต้นแล้วได้รางวัลชนะเลิศ ก็มีคนมาคอมเมนต์ว่าเพราะทีมของผมหน้าตาดีทั้งทีม ทำไมจะไม่ได้ล่ะ เขาให้รางวัลที่หน้าตาหรือเปล่า ผมก็คุยกับเพื่อนแล้วพัฒนาทีมให้มันดีขึ้น ก็เอาคอมเมนต์ที่คนติติงมาปรับใช้กับตัวเอง
พวกคอมเมนต์ที่ทำให้ผมรู้สึกเจ็บ ผมก็จะไม่ไปจมอยู่กับมันมาก ผมไม่เคยไปมองว่าคอมเมนต์ที่ไม่ดีสำหรับตัวผมไม่เคยมองว่ามันทำให้ผมท้อได้
มันเหมือนเป็นข้อความหนึ่งที่ผมสามารถเอาข้อความนั้นมาพัฒนาต่อยอดทักษะของผมได้ ไม่เอามาทำให้มันหนักใจ เพราะคนที่หนักใจคือตัวเรา
คนที่เขาคอมเมนต์เขาไม่มารับรู้ หรือรู้สึกอะไรกับเราด้วยอยู่แล้ว สู้เราเอาคำคอมเมนต์เหล่านั้นมาปรับและทำให้เขาเห็นว่าเราทำมันได้ดีขึ้นดีกว่า
ผมอยากจะฝากบอกถึงคนที่มีความฝัน ถ้าฝันอยากจะเป็นอะไร อยากทำอะไร ก็อยากให้ลองดูนะครับ จริงๆ มันไม่มีถูกหรือผิด แต่ขอให้คิดถึงคุณธรรมและจริยธรรมว่าทำแบบนี้ได้หรือเปล่า อยากให้ทุกคนสู้ๆ และพยายามต่อไปกัน ดีกว่าไม่ลองเริ่มทำกันเลย (ยิ้ม)"
ก่อนจะจากกัน เราให้หนุ่มมาร์คได้ฝากผลงานให้แฟนๆ ที่รักและชื่นชอบในตัวผู้ชายคนนี้ที่มีความสู้ไม่ถอยให้ได้ติดตามกัน ซึ่งเจ้าตัวก็ได้บอกว่า
"ตอนนี้ผมทำงานหลายอย่าง มีงานที่เป็นครีเอทีฟด้วย และงานที่ทำกับเพื่อนต่างชาติด้วย ทำเพลงด้วยกับค่ายของพี่แม็กซ์ ศรัณย์ ด้วย ซึ่งผมก็ยังทำเพลงมาเรื่อยๆ แต่ว่ายังไม่ได้ปล่อย เพราะถ้าปล่อยไปช่วงนี้ก็กลัวว่าจะไม่มีงานเข้ามา ก็เลยหยุดไว้ก่อน ถ้าสถานการณ์ดีขึ้น เราก็ค่อยๆ ปล่อยออกมาก็ได้"
ผู้เขียน : จันทร์เจ้าขา
กราฟิก : Varanya Phae-araya