เพิ่งลงทุนเปิดร้านคาเฟ่กัญชา 420 cannabis bar silom ไม่นาน พระเอก อาเล็ก-ธีรเดช เมธาวรายุทธ ก็ได้รับผลกระทบหนักจากโควิด-19 รอบนี้ ถ้าสถานการณ์ยังเป็นแบบนี้มีแววว่าจะไปต่อไม่ไหว เจอ อาเล็ก มาเป็นพิธีกรงานอีเวนต์ครั้งแรกในงานอีเวนต์งาน “Facebook Live : เพจร้อยเรื่องโรคเบาหวาน” ในหัวข้อ “ฉีดดี...ไม่ฉีดดี” จัดขึ้นโดย บริษัท โนโว นอร์ดิสค์ ฟาร์มา (ประเทศไทย) ทำเอาเจ้าตัวสุดตื่นเต้นกับบทบาทใหม่ เลยเปิดใจหลายเรื่อง

เริ่มจากป็นพิธีกรครั้งแรกเป็นยังไงบ้าง?

“ตื่นเต้นครับ เพราะว่านี่เป็นครั้งแรกเลยที่มารับหน้าที่เป็นพิธีกรในงานอีเวนต์ ก็ต้องเตรียมตัวมากเหมือนกัน เพราะคิดว่าเป็นอีกบทบาทหนึ่งที่เราไม่เคยได้ ทำแล้วเราก็ได้มาทำ คือที่ผ่านมา เราเป็นพิธีกรก็จะเป็นรายการของตัวเองในรายการอาหารของอาเล็ก แต่พอมาเป็นพิธีกรในงานของคนอื่น ที่เราต้องมาเป็นพิธีกรให้เค้าจริงๆ มันจะเป็นอีกฟีลหนึ่งเลย ซึ่งเราก็จะต้องเตรียมตัว แล้วเราก็ทำการบ้านมาเยอะกว่าที่เราทำเอง เพราะของเรามันก็จะสบายๆ แต่อันนี้ต้องจริงจังอ่ะ แล้วมันสนุกอ่ะครับ เล็กอยากทำ”

ในอนาคตหากมีโอกาสทำพิธีกรในทีวี ก็คือสนใจ?

“สนใจ เพราะนักแสดงเราก็ทำการบ้านอีกอย่างนึง การเป็นพิธีกรมันต้องมีการใช้การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า มีไหวพริบในการตัดสินใจต่างๆตรงนั้นด้วย ก็เลยคิดว่ามันจะเป็นการพัฒนาตัวเองไปอีกลู่ทางนึง”

...

ถามถึงร้านชา 420 cannabis bar silom ที่เพิ่งเปิด ก็ได้รับผลกระทบจากโควิดเหมือนกัน?

“คือเราเปิดไปเมื่อวันที่ 20 เม.ย. แล้ววันที่ 1 พฤษภาคม ก็คือห้ามนั่งกิน แล้วก็มาเปิดอีกที 14 พ.ค. แต่ตอนนั้นเล็กก็ยังไม่ให้คนมานั่งกินนะ เพราะตอนนั้นมันยังมีติดเชื้อ 2 พันกว่าอยู่ ยังกลัวอยู่ ก็เลยยังไม่ให้นั่ง เพิ่งมาให้นั่งเมื่อต้น มิ.ย. พอเปิดมาได้เกือบเดือน ก็โดนปิดอีก ก็เรียกว่าเราไม่เคยทำร้าน แล้วมันเป็นแบบนี้ก็ต้องประชุมกันบ่อยๆ เราก็ต้องหาวิธีการขาย เราเองก็ต้องเข้าร้านบ่อยๆ คือต้องขอบคุณแฟนคลับของเล็กกับเฟยมากๆเลยที่มาอุดหนุนเรา แล้วก็มาหาเรา เรียกว่าเป็นผู้อุปการคุณ ผู้เกื้อหนุนจุนเจือให้เราผ่านวิกฤติครั้งนี้ไปได้ เค้าจะรู้ว่าวันไหนเล็กมาเค้าก็จะมาซื้อกัน มาถ่ายรูป มาซื้อของกิน”

ก็อยู่ได้ด้วยแฟนคลับ?

“ก็ถ้าไม่มีก็คงลำบากกว่านี้ครับ (หัวเราะ)”

ในส่วนของค่าใช้จ่ายเราต้องแบกรับยังไงบ้าง ถ้าวันไหนที่เราไม่เข้าร้าน มันจะเป็นยังไง?

“เราไม่เข้าก็ไม่ได้หมายความว่าขายไม่ได้เลย เราก็ยังพอไปได้ ด้วยความที่มันเพิ่งเริ่มด้วยอ่ะเนาะ มันก็ยังมีทุนที่พอที่จะดำเนินธุรกิจไปได้อยู่ แต่ถ้ามันเป็นแบบนี้ไปอีกเรื่อยๆ เราก็ต้องมาคิดกันอีกที”

รายได้ต่อวันได้เท่าไหร่ช่วงที่ผ่านมา?

“มันแค่ 10% ถึง 20% ของเป้าหมายที่เราตั้งไว้เองมันน้อยมาก”

วางแผนคุยกันยังไงบ้าง?

“มันก็ยากนิดนึงครับ เพราะว่าเล็กเปิดร้านแถวๆสีลม เป้าคือพนักงานออฟฟิศ แต่ตั้งแต่เปิดร้านมาออฟฟิศยังไม่เปิดเลย เวิร์กฟรอมโฮมกันหมดเลย (หัวเราะ) คือมันคิดเยอะครับ จะทำนู่นทำนี่ เอาโบรชัวร์ไปแจก แต่ตอนเนี่ยมันดีลิเวอรีได้อย่างเดียว คือต้องมาซื้อที่ร้านได้อย่างเดียวเลย ก็เลยทำโปรโมชันออนไลน์เยอะขึ้น”

แต่ก่อนหน้านี้ได้คิดเผื่อมั้ยว่าเปิดในช่วงโควิด มันจะอันตราย?

“ก็คิดเผื่อ แต่ว่ามันก็ไม่ได้เผื่อขนาดนั้น เราไม่ได้คิดว่าจะมาเจออะไรแบบนี้ แต่อย่างที่บอกว่า เราก็มีวางแผนไว้เผื่ออนาคต เราก็เลยยังดำเนินธุรกิจของเราตอนนี้ได้อยู่”

แต่ถ้าสถานการณ์มันยังไม่ดีขึ้น เงินทุนที่เราสำรองไว้ มันจะประคองธุรกิจไปได้อีกนานขนาดไหน?

“ไม่เคยคิดครับ แต่ว่าถ้าให้คิดตอนนี้ก็น่าจะสักประมาณ 3-4 เดือน ก็น่าจะแย่แล้ว น่าจะไปต่อไม่ไหวแล้วกับธุรกิจนี้ แต่ตอนที่เปิดได้มันดีมากเลยนะ เราได้จากช่วงนั้นเยอะเหมือนกัน มันก็เลยพอที่จะดำรงต่อไปได้”

ถามถึงละคร “แค้นรักสลับชะตา” หลายคนแซวว่าถอดเสื้อเยอะแยะเลย?

“เราไม่ได้ถอดเยอะแยะ กระทิงถอดเยอะ กระทิงหุ่นดีไง เราเองก็ลำบาก เพราะมานั่งฟิตหุ่นด้วยตอนนั้น เพราะถ้ากระทิงถอดปุ๊บ มันจะต้องมีสะท้อนกระจก อ้าว เป็นอาเล็กไป”

...

เหมือนต้องประชันหุ่นกัน รู้สึกยังไง?

“ก็ไม่รู้สึกยังไง ช่วงนั้นก็คือกินอาหารเหมือนกันหมดเลย แล้วก็ฟิตไปด้วยกัน ก็ดีอยู่ครับ”

กระแสละครเป็นไงบ้าง?

“คือดีมากเลย หลายคนบอกม้ามืด คือตัวเราเองก็ไม่คิดว่ากระแสตอบรับจะดีขนาดนี้ เรารู้ว่าละครสนุกมันแปลกใหม่ แต่เรารู้นะว่ามันไม่มีตบจูบไม่แมส แต่คือความที่ละครแปลกใหม่ มันเลยทำให้คนดูรู้สึกว่ามันไม่เหมือนละครไทยเรื่องอื่น คนก็เลยชมเยอะ แล้วก็ดูเยอะครับ”

คนอินมั้ย เพราะตอนยังไม่สลับร่าง เราเพลย์บอยมาก?

“อันนั้นเราก็ต้องทำการบ้านหนัก ทั้งเล็ก ทั้งกระทิง ที่ต้องเล่นเป็น 2 บุคลิก ให้แตกต่างกันอย่างชัดเจน ซึ่งจากกระแสตอบรับที่เราได้รับ เราก็พอใจครับ”.

เม้าท์ชัด จัดทุกตอน ติดตามได้ที่ www.thairath.co.th/novel และ Facebook Fanpage : นิยายไทยรัฐ

...