• เบื้องหลังกว่าจะเป็นนักร้องไอดอลไม่ง่าย ฝึกหนักจนต้องพักเรียน มาเรียนนอกระบบ
  • แจ้งเกิดจากเซ็นเตอร์เพลง "คุกกี้เสี่ยงทาย" สู่วันที่เป็นเซ็นเตอร์อีกครั้งในเพลง "ดีอะ"
  • แพลนชีวิตในอนาคต สิ่งที่อยากทำต่อไปเมื่อไม่ได้อยู่ในวง

เป็นหนึ่งในนักร้องไอดอลสาวที่เป็นขวัญใจแฟนๆ สำหรับ โมบายล์ พิมรภัส ผดุงวัฒนะโชค หรือ โมบายล์ BNK48 ที่แจ้งเกิดแบบเต็มตัวจากการเป็นเซ็นเตอร์เพลง “คุกกี้เสี่ยงทาย” ซึ่งในเวลานั้นโมบายล์อายุเพียง 15 ปีเท่านั้น แต่เบื้องหลังกว่าจะกลายเป็นไอดอลของวัยรุ่นแม้ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องผ่านการฝึกฝนอย่างหนัก แต่เธอก็ภูมิใจที่ได้อยู่ที่นี่และได้ประสบการณ์ที่ดีมากมาย

บันเทิงไทยรัฐออนไลน์ชวนโมบายล์พูดคุยถึงชีวิตการเป็นนักร้องตั้งแต่อายุยังน้อย พร้อมทั้งถามถึงผลงานล่าสุด ทั้งเพลง “ดีอะ” ที่เป็นการกลับมาเป็นเซ็นเตอร์เพลงอีกครั้งของโมบายล์ รวมถึงการร่วมงานกับคู่จิ้นดัง หยิ่น อานันท์ หว่อง และ วอร์ วนรัตน์ รัศมีรัตน์ ในภาพยนตร์ “ผ้าผีบอก” และถามถึงแพลนชีวิตของเธอในอนาคต หากวันหนึ่งที่ไม่ได้เป็นนักร้องไอดอลแล้วจะทำอะไรต่อไป

...

กว่าจะเป็นนักร้องไอดอล

พอเราถามถึงวันวานก่อนมาเป็นนักร้องไอดอล โมบายล์บอกว่า การมาอยู่ในวงไอดอลดัง BNK48 เหมือนเป็นโรงเรียนหนึ่ง เมื่อก่อนรู้สึกว่าการที่จะเข้ามาอยู่ในวงได้ ทุกคนต้องมีความสามารถเก่งพร้อมทุกอย่าง รวมถึงเรื่องหน้าตา แต่การได้รับคัดเลือกมาอยู่ใน BNK48 ตั้งแต่อายุ 14 ปี เป็นเรื่องที่เธอไม่เคยคิดว่าจะเข้ามาอยู่ที่นี่ได้

“หนูเคยไปออดิชั่นหลายอย่าง ก็ไม่คิดว่าจะสามารถติดได้ พอมาอยู่ที่นี่ปุ๊บ เหมือนทุกคนมาด้วยความฝันว่าชอบร้องชอบเต้น อยากเป็นไอดอล ปกติหนูไม่เคยเรียนร้องเพลง ไม่เคยเรียนเต้นมาก่อน พอมาอยู่ที่นี่ได้ร้องได้เต้น ได้มิตรภาพ ได้ทักษะเพิ่มขึ้น สามารถต่อยอดให้เราไปในวงการบันเทิง การที่เรามาเป็นไอดอลก็ไม่คิดว่าจะได้เล่นหนัง ทำให้เราฝึกฝนพัฒนา เป็นคนในวงการที่แข็งแรงค่ะ”

แต่เบื้องลึกเบื้องหลังกว่าจะเป็นนักร้องไอดอลโด่งดังอย่างทุกวันนี้ก็ไม่ง่าย โมบายล์บอกว่า “ช่วงแรกที่เข้ามาหนักมากค่ะ เป็นสาเหตุให้หนูต้องพักการเรียนก่อน และมาเรียนนอกระบบ มันหนักจริงๆ เพราะต้องซ้อมทุกวัน เสาร์-อาทิตย์ต้องซ้อมตั้งแต่ 9 โมงเช้าจนถึง 3 ทุ่ม เราซ้อมวันละ 8 ชม. ก่อนที่เราจะเดบิวต์ เราต้องเก็บตัวมา 1 ปี ช่วงนั้นก็หนักหน่อย แต่ว่าพอเป็น BNK48 ปุ๊บก็มีการซ้อมเหมือนกัน แต่หนูสนุกมากกว่าเหนื่อย คือมันก็เหนื่อย แต่เราอยู่กับเพื่อนๆ พี่ๆ สร้างเสียงหัวเราะให้เรา ทำให้เรามีความสุขค่ะ เวลาเดินสายก็มีเพื่อน รู้สึกเหมือนไม่ได้มาทำงานค่ะ มันเป็นสิ่งที่เราชอบ เลยรู้สึกว่าไม่ลำบาก”

กับคำถามว่าวันที่ต้องฝึกฝนอย่างหนัก และวันที่ประสบความสำเร็จมากๆ จากเพลง “คุกกี้เสี่ยงทาย” ซึ่งโมบายล์เป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จในฐานะเซ็นเตอร์ของเพลง รู้สึกยังไงบ้าง โมบายล์บอกว่า “รู้สึกดีมากที่ตำแหน่งนั้นมีเราอยู่ด้วย หนูว่าไม่ใช่แค่หนู แต่เป็นทั้งวงเลย ทั้งพี่ทีมงาน เมมเบอร์ทุกคนมาด้วยความฝัน แรกๆ วงเราค่อนข้างลำบากในตอนที่ยังไม่บูม ทีมงานมีอยู่ 3 คน ทั้ง 3 คนก็รักวงมาก ไม่คิดว่าจะประสบความสำเร็จได้ เหมือนเราทำด้วยใจรักของเรา ก็เป็นสิ่งที่ดีมีคุณค่ามากค่ะ หนูว่าถ้าไม่มี BNK48 ก็ไม่รู้ว่าชีวิตมีอะไรแล้ว (หัวเราะ) นี่คือชีวิตเราค่ะ เป็นประสบการณ์ที่ดีมากค่ะ

ช่วงที่ทำเพลง “คุกกี้เสี่ยงทาย” ซึ่งบูมมากๆ ตอนนั้นเรายังเด็กมาก เราไม่ได้หวังว่าจะอยู่องค์กรใหญ่ดูอลังการโด่งดัง เคยคิดแค่ว่าจะทำยังไงให้มันออกมาดี พอโตมาแล้วย้อนกลับไปดูแล้วรู้สึกว่าวงเราเจ๋งมาก สามารถมาจากจุดเล็กๆ จนยิ่งใหญ่ มีครอบครัวใหญ่ ก็ดีใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งที่อยู่ในนี้ เราก็อยากทำให้องค์กรนี้ดีขึ้นเรื่อยๆ เป็นแรงเล็กๆ ที่ทำให้วงเราดีขึ้น มีคุณภาพค่ะ”

โมบายล์บอกว่า BNK48 เปรียบเสมือนเป็นโรงเรียน ได้ออกไปทำงาน ได้รับการดูแลอบรม เป็นโรงเรียนหนึ่งที่มีครอบครัวอยู่ในโรงเรียน มีเพื่อนๆ มีคนที่เรารัก มีคนคอยซัพพอร์ต BNK48 เปรียบเหมือนเป็นชีวิตส่วนหนึ่งในตอนนี้ที่ยิ่งใหญ่ เวลาออกไปทำงาน แม้จะเจอความลำบากบ้าง แต่ภูมิใจที่ได้อยู่ที่นี่ นี่คือสิ่งที่ดี ทำให้ได้พัฒนาตัวเอง และไม่ได้สู้คนเดียว เพราะมีเพื่อนๆ พี่ๆ ทีมงาน ที่สู้ไปด้วยกัน

รีวิวชีวิตการทำงาน

เมื่อให้โมบายล์ลองรีวิวชีวิตวันแรกที่เดบิวต์เป็นนักร้องไอดอลตั้งแต่อายุ 15 ปี มาจนถึงปัจจุบันอายุเกือบ 19 ปี โมบายล์หัวเราะเสียงสดใสก่อนบอกว่า “มันคือชีวิต 4 ปี ที่แบบ...มันดูแค่ 4 ปี แต่มันดูยาวนานมากเหมือน 10 กว่าปีแล้ว (หัวเราะ) หนูยังบอกกับเพื่อนว่าเหมือนเรารู้จักกัน 10 ปีแล้ว รู้สึกว่าโตเร็วมาก วิธีการทำงานทำให้เราต้องปรับตัว

ถ้าเรายังเป็นเด็กทำการบ้าน เล่นกับเพื่อน ดูหนัง เล่นเกม มันก็อาจจะไม่ต้องวางตัวอะไรมาก แต่พอเรามาอยู่บนพื้นที่สื่อ มาอยู่ใน BNK48 ก็มีความเป็นทางการมากขึ้น รู้ว่าอะไรควรหรือไม่ควรทำ ทำให้เราเติบโต มีความคิด การที่เราอยู่ที่นี่ก็มีความสุข เพราะว่าได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก แต่มันก็มีอะไรที่บั่นทอนจิตใจเราได้เหมือนกัน ทำให้เราสามารถผ่านมันไปได้ เข้มแข็งขึ้น เป็นบทเรียนสอนเรา ทำให้เราโตขึ้น”

...

โมบายล์พูดถึงสิ่งที่ดีที่สุดในการอยู่ใน BNK48 คือการได้อยู่กับเพื่อนๆ พี่ๆ ไม่เคยคิดว่าจะได้เจอมิตรภาพดีๆ เพื่อนๆ เราร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา ถ้าคุยกับเพื่อนสมัยเรียนว่าเราเหนื่อยแบบนั้นแบบนี้ เพื่อนอาจไม่เข้าใจเท่าเพื่อนที่อยู่ในวง เพราะว่าเจอด้วยกันมา อีกเรื่องก็คือได้ความรักจากแฟนๆ ด้วย ไม่คิดว่าจะมีคนรักเราขนาดนี้ รู้สึกว่าเราจะมอบความรักยังไงให้หมดดี เพราะว่าเขาดูรักเรามาก แล้วเราคนเดียวจะมอบความรักให้พวกเขายังไงดี แต่เราก็จะทำให้เต็มที่ที่สุด ที่สบายใจทั้งเราและเขา

นอกจากนี้ โมบายล์บอกว่า การทำงานที่เซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน เป็นประสบการณ์ที่ดีมาก ไม่คิดว่าจะได้รับโอกาสนี้ “ช่วงที่ไปเซี่ยงไฮ้ เราไปทำการแสดงสดเป็นวงดนตรี เราเป็นวงไอดอล ก็ไม่คิดว่าจะได้มาเป็นนักดนตรี วงดนตรี เคยมีความฝันว่าจะมีวงเป็นของตัวเอง มีการร้องเพลง เพื่อนๆ เล่นดนตรี เราได้ทำแบบนี้บน 48 Group บนเวทีด้วย ภาคภูมิใจมาก ไม่คิดว่าจะได้ฝึกกีตาร์และได้ร้องอย่างจริงจัง ไปเอ็นเตอร์เทนคนดูชาวต่างประเทศ เราต้องพูดภาษาอังกฤษ เป็นอะไรที่ตื่นเต้นท้าทาย พอได้ทำแล้วมีความสุขมาก ทำกับเพื่อนๆ ที่เรารักด้วย”

...

แน่นอนว่ามีเรื่องราวดีๆ ก็ต้องมาพร้อมกับดราม่าในวันร้ายๆ เป็นธรรมดาของโลกใบนี้ เมื่อถามว่ารับมือกับดราม่าที่เกิดขึ้นยังไงทั้งที่อายุยังน้อย โมบายล์บอกว่า “คือเพื่อนในวงก็เจอปัญหาเดียวกัน ถ้ามีอะไรไม่สบายใจ เราก็สามารถปรึกษาพี่ๆ เพื่อนๆ ได้ พี่ๆ เขาก็อาจจะมีความคิดอย่างอื่นที่เราคิดไม่ถึงก็ได้ พอคุยก็จะได้ความรู้กลับมา และหนูชอบทำในสิ่งที่มีความสุข ถ้าเครียดก็ปล่อยให้ร้องไห้เลย วันต่อมาค่อยเริ่มใหม่ ไปกินข้าว ช็อปปิ้งให้ผ่อนคลายค่ะ”

เมื่อกลับมาเป็นเซ็นเตอร์อีกครั้ง

โมบายล์เล่าถึงการทำงานเพลง “ดีอะ” ซิงเกิลหลักลำดับที่ 10 ของ BNK48 ซึ่งเพลงนี้มีความพิเศษ เพราะเป็นเพลงของ BNK48 ที่แต่งขึ้นมาเอง “ความพิเศษคือว่าเป็นเพลง Original Song ด้วย เพราะปกติเราเอาเพลงจาก AKB48 ที่ญี่ปุ่นมาแปลเป็นภาษาไทย แต่ครั้งนี้เราแต่งเพลงขึ้นมาเอง เป็นของ BNK48 เลยค่ะ ทีมงานไทยเป็นคนแต่งเอง มันก็เลยมีความเข้าปากหน่อย คนไทยจะชอบฟัง มีท่อนที่ติดหู

ส่วนที่มาที่ไปของโปรเจกต์นี้ เพราะตามจริงมันมีคอนเสิร์ตออนไลน์ AKB48 Group Asia Festival เป็นคอนเสิร์ตที่รวมวงน้องสาวแต่ละประเทศ และเขาอยากให้งานนี้น่าสนใจ เขาก็เลยให้วงน้องต่างๆ แต่งเพลงขึ้นมาเอง เลยทำให้มีเพลงนี้เป็นของตัวเอง ซึ่งถ้าเป็นซิงเกิล ก็เป็นเพลงแรกของ BNK48 ที่แต่งขึ้นมาเอง แต่ก่อนหน้านี้เราเคยแต่งเพลงออริจินัลมาแล้ว เป็นเพลงประกอบภาพยนตร์ ประกอบโฆษณาบ้าง”

...

เราถามต่อถึงการกลับมาเป็นเซ็นเตอร์ของเพลงอีกครั้งของโมบายล์ หลังจากเคยเป็นเซ็นเตอร์เพลง “คุกกี้เสี่ยงทาย” เพลงดังที่แจ้งเกิดวง BNK48 อย่างเต็มตัว โมบายล์บอกว่า “ไม่คิดไม่ฝันเลยค่ะ (หัวเราะ) คือเราห่างหายจากตำแหน่งนี้มา 3 ปี ไม่ได้คาดหวังว่าจะกลับมาเป็นอีก พอได้มาเป็นอีกครั้งก็รู้สึกดีใจ เพราะเพลงนี้เป็นเพลงออริจินัล ยิ่งต้องทำให้ดีมากขึ้น ก็เป็นตัวของตัวเอง ถามว่ากดดันมั้ย มันก็มีคนคาดหวังนิดนึงว่าเฮ้ย วงกลับมาแล้ว เพลงนี้ต้องดัง แต่จริงๆ ไม่ได้เป็นเพราะหนู เป็นเพราะเพื่อนเพราะเพลงค่ะ ก็ไม่กดดันมากหรือคาดหวัง แต่อยากให้ทุกคนชอบ ถ้าทุกคนชอบ เพลงก็สามารถทำงานของมันเองได้ค่ะ”

เบื้องหลังการทำงาน โมบายล์เล่าว่า ทุกคนสนุกกับการทำงาน ทำให้ชิ้นงานที่ออกมาดี ตอนอัดเสียง ครูจะบอกว่าเพลงนี้อัดแล้วเป็นยังไงบ้าง และให้เรากำหนดเองในตอนอัดเสียงว่าพอใจรึยัง หรืออัดใหม่ สามารถครีเอตได้เลย อย่างท่าเต้น ด้วยเพลงนี้เป็นเพลงออริจินัล ทางทีมประเทศไทยก็เป็นคนคิดท่าขึ้นมา เขาก็จะถามว่าท่านี้เป็นยังไง ถ้าอยากเปลี่ยนก็เปลี่ยนได้ เราก็ทำการบ้าน อันไหนที่เป็นตัวเอง ดีที่สุดสำหรับเรา เราก็จะบอกครูและทำออกมา

ถามว่าท่าเต้นยากแค่ไหน รู้สึกว่าไม่ได้ยากมาก ถ้าซ้อมก็สามารถเต้นได้ แต่ยากกว่าปกติที่เคยเต้นมา เพราะคุณครูใส่ความเป็นเบสิกแดนซ์ไปด้วย ปกติถ้าญี่ปุ่นจะเน้นความน่ารักหรือเท่ในสไตล์ญี่ปุ่น แต่ครั้งนี้ครูไทย 3 คนแต่งขึ้นมา แต่ละครูมีสไตล์ของตัวเอง ครูติ๊กจะเท่ๆ หน่อย ครูวรรณจะเป็นสาวสวย ครูนนท์จะเป็นจริตแซ่บๆ ฟาดๆ พอเอามารวมกันก็มีหลายมิติ ก็สนุกดี

ภาพรวมของเพลงนี้ โมบายล์บอกว่า แค่ฟังเพลงครั้งแรกก็รู้สึกชอบมาก ตอนถ่ายเอ็มวีไม่ค่อยลำบาก เขาจะถ่ายโมเมนต์อารมณ์เหมือนเล่นกับเพื่อน อาจไม่ได้จริงจังมาก ก็งงว่าจะออกมาเป็นยังไง พอได้เห็นเอ็มวีแล้วก็รู้สึกว่าไม่เคยได้ทำแบบนี้มาก่อน รู้สึกดีและแฟนๆ ก็ชอบ มีสตอรี่ ความน่ารักสดใส สำหรับกระแสตอบรับที่ดีจากแฟนๆ โมบายล์บอกว่า “ก็ต้องขอบคุณทุกคนที่ช่วยกันปั่นวิว มีคนนำเพลงเราไปเต้นใน TikTok รู้สึกดีใจมาก ตื่นเต้น เหมือนเราห่างหายจากการมีคนเต้นเพลงของเราไปนานมาก แต่พอกลับมาอีกทีก็รู้สึกปลื้มปริ่มมากค่ะ ถามว่าแฟนๆ บอกว่าไงบ้าง ก็ชมว่าสวย (หัวเราะ) ชอบดูรีแอ็กชั่นทุกคนเลย ดีใจที่ทุกคนชอบค่ะ”

สเปกหนุ่มที่โดนใจ

ด้วยเนื้อหาเพลง “ดีอะ” เป็นแนวผู้หญิงเม้าท์เรื่องสเปกหนุ่ม ถามว่าค่อนข้างใกล้ตัวมั้ย โมบายล์บอกว่า “บอกเลยว่าฟังเพลงครั้งแรกก็เอ๊ะ เหมือนแต่งมาจากตัวหนู (หัวเราะ) มันก็เป็นอารมณ์โมเมนต์นึง คือเพลงที่มีเนื้อหาแบบนี้ เขาแต่งมาได้ก็เพราะมีเค้าโครงเรื่องคล้ายๆ มาจากเราเหมือนกัน อย่างที่หอมันจะมีห้องที่ดูทีวี พวกเราก็จะดูไอดอลต่างประเทศบ้าง เราก็หวีดกันบ้าง ดูซีรีส์ เอาไว้เป็นแรงบันดาลใจ ครูก็ชอบเดินผ่านไปผ่านมาพอดี เขาก็เห็นเราชอบเม้าท์มอยในชีวิตประจำวัน เขาก็เลยเอ๊ะ น่าเอาเนื้อหานี้มาแต่งเพลง แต่ในเพลงนี้ตลกนะ แอ๊วเขาแล้วแบบแค่มโนก็มีความสุขแล้ว คืออารมณ์แค่นั่งเม้าท์กันกับเพื่อน แต่ไม่ได้บอกเขาว่าฉันชอบเธอ”

แต่เมื่อถามถึงสเปกหนุ่มในดวงใจของโมบายล์ที่เคยบอกไว้ในแฟนเพจ BN8 แค่พูดฮาๆ ใช่มั้ย นักร้องสาวหัวเราะหนักมากก่อนตอบว่า “ใช่ เขาบอกว่าเอาอะไรก็ได้ที่ดูหลุดโลก ก็เลยคิดว่าน่าจะสร้างเสียงหัวเราะได้ดี ถ้าบอกรายละเอียดดูจริงจังไปคนอาจจะเครียดก็ได้ ช่วงนี้ก็เลยหาอะไรที่มันครื้นเครงดีกว่า ก็เลยบอกแบบนี้ละกัน คือขอมีพลังจิต เป็นแวมไพร์ และอัจฉริยะ (หัวเราะ) เขินนะเนี่ย บอกแล้วว่ามโน ชีวิตจริงมันไม่มีอยู่แล้ว”

ส่วนสเปกหนุ่มที่ปลื้มจริงๆ โมบายล์ถึงกับร้องโอ้โหและหัวเราะ ก่อนจะนั่งคิดอยู่แป๊บนึงและพูดว่า “หนูไม่ค่อยมีสเปกหน้าตาตายตัว ส่วนมากจะชอบความชื่นชอบของเขา อย่างเช่นชอบฟังเพลง เล่นกีตาร์ อะไรที่เป็นไลฟ์สไตล์เดียวกันมากกว่า จะรู้สึกโอ้โห เท่จังเลย เขาเล่นเก่ง ชอบสไตล์นักดนตรีร้องเพลง ส่วนหน้าตาก็ไม่ได้ชอบตี๋ๆ หรือเข้มๆ ขนาดนั้น ชอบแบบกลางๆ รวมๆ น่าจะประมาณคนไทย คนญี่ปุ่น เกาหลี ที่ไม่ตี๋มากค่ะ แต่หนูเป็นคนตกหลุมรักคนง่ายเหมือนกันนะ (หัวเราะ) เห็นคนนี้ก็ดี คนนั้นก็ดี เหมือนในเนื้อเพลงเลยค่ะ แต่ไม่ได้มีสเปกตายตัวแบบนั้นค่ะ”

ร่วมงานกับคู่จิ้น หยิ่น-วอร์

อีกหนึ่งผลงานที่แฟนๆ จะได้ชมเร็วๆ นี้คือภาพยนตร์ “ผ้าผีบอก” ที่โมบายล์และเพื่อนสมาชิก BNK48 (วี-น้ำหนึ่ง-ปูเป้-จีจี้) มีโอกาสร่วมงานกับ 3 หนุ่มหล่อ ทั้งคู่จิ้นดัง หยิ่น อานันท์ และ วอร์ วนรัตน์ รวมถึง บอส สหรัฐ ซึ่งถ่ายทำเสร็จเรียบร้อยแล้วตั้งแต่ก่อนโควิดระลอก 3 ระบาด ส่วนบทบาทที่ได้รับ โมบายล์เล่าว่า “หนังจะเป็นแนว Horror คอมเมดี้นิดๆ บทบาทในเรื่องนี้คือจะเป็นผู้หญิงที่มาจากเมืองต่างๆ ส่วนบทบาทของหนูก็จะเป็นผู้หญิงที่ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไร เป็นคนอ่อนแอ แต่ว่าในคาแรกเตอร์ตัวนี้มีหลายมุมมาก ก็ลองไปติดตามในภาพยนตร์ดูค่ะ เรื่องนี้พี่อั้ม ณัฐพงษ์ เป็นผู้กำกับ พี่มะเดี่ยว (ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล) เป็นโปรดิวเซอร์ค่ะ”

ส่วนความแตกต่างจากการทำงานภาพยนตร์เรื่องก่อนหน้านี้ โมบายล์บอกว่า ถ้าเป็นภาพยนตร์ที่มีบทให้เลยคือเรื่องนี้ คือโมบายล์เคยแสดงเรื่อง “ไทบ้าน × BNK48 จากใจผู้สาวคนนี้” แต่เล่นเป็นตัวเอง ไม่มีบท อิมโพรไวส์เล่นกับเพื่อนได้เลย แต่มีการสร้างสถานการณ์ให้ทำนู่นนี่ ไม่ค่อยมีบทตายตัว แต่ครั้งนี้มีการเวิร์คช็อปจริงจัง มีนักแสดงคนอื่นมาร่วมด้วย เรียนแอ็กติ้งไม่ถึง 10 ครั้ง วันว่างๆ ก็สวมคาแรกเตอร์นั้นให้เคยชิน ต้องทำการบ้านเยอะ ตื่นเต้นมาก เราก็ใหม่มากด้วย แต่โชคดีที่บทอาจจะไม่ได้ยาวมาก เราไม่คิดว่าจะได้เล่นพีเรียดแบบนี้ ดูมีความย้อนยุคค่ะ”

ถามว่ามาร่วมงานกับหยิ่น-วอร์ และบอส เป็นไงบ้าง โมบายล์ตอบว่า “พี่หยิ่นพี่วอร์น่ารักมากค่ะ รู้สึกสนิทกันเพราะพี่เขาเข้าถึงง่าย เหมือนเราทำงานแวดวงเดียวกัน เขามีความเป็นนักร้องนิดนึง มีความเป็นนักแสดง เวลามีคำถามอะไรก็ปรึกษาพี่เขาได้ เพราะพี่เขาเล่นซีรีส์มาก่อน พวกหนูก็เป็นมือใหม่ ส่วนพี่บอสตลกมาก หนูรู้สึกว่าเขาเป็นสีสันในกอง ตั้งแต่เวิร์คช็อป เขาให้เล่นแบบไม่มีบท คือให้อิมโพรไวส์ รู้สึกว่าทำไมพูดเก่ง ตลก ฉากจริงจังทำให้ตลกได้ค่ะ เป็นเสียงหัวเราะให้ในหนังได้มากเลยค่ะ”

เมื่อถามถึงเรื่องเล่าสุดฮาในการทำงาน โมบายล์เล่าว่า “น่าจะเป็นพี่วอร์ค่ะ พี่วอร์ค่อนข้างปลีกวิเวกมาก เขาจะเป็นคนรักธรรมชาติมาก เดินไปดูสัตว์โน่นนี่ หยิบตัวอะไรมาบ้าง มีฉากนึงประทับใจมาก พวกเราจะนั่งที่เสลี่ยง แล้วหน้าเสลี่ยงหนูจะมีคนถือกล่องอะไรสักอย่าง พี่วอร์เดินมาหาหนูแล้วบอกว่าข้าฝากกล่องไว้ให้เจ้าแล้ว หนูก็งงว่าคืออะไร พอเดินไปดูก็ไม่กล้าเปิด พี่เขาก็บอกว่าเปิดสิ พอเปิดปุ๊บไม่เห็นมีอะไร เขาหยิบมาเป็นแมลงเต่าทองตัวเล็กๆ แล้วบอกว่านี่ไง (หัวเราะ)

คือรู้สึกว่าพออยู่กับพี่วอร์มันทำให้สัตว์โลกทุกตัวน่ารักที่สุดเลย ถึงจะกลัวจิ้งจกก็สามารถมองจิ้งจกน่ารักได้ รู้สึกว่าเขาน่ารักดี มีความอินดี้ เป็นเด็กซนๆ ค่ะ ก็ดีใจมากที่มาเล่นหนังเรื่องนี้ ถ้าไม่มีเพื่อน BNK48 ก็ไม่มีเพื่อนนอกวงแล้ว พอได้ทำงานกับพี่ๆ เราก็มีเพื่อนมากขึ้น หนูไม่คิดว่าจะมีเพื่อนผู้ชายในวงการบันเทิง พออยู่กับพวกพี่ๆ ก็สนิทกัน มีความตลกครื้นเครง ดีใจที่ได้รู้จักกันค่ะ”

แพลนต่อไปของโมบายล์

แม้จะต้องทำงานในฐานะนักร้องไอดอล แต่ในเรื่องการเรียน โมบายล์ก็ยังคงแบ่งเวลาไปเรียนด้วย ซึ่งนักร้องสาวเล่าให้ฟังว่า บางทีก็มีงานชนกับวันสอบบ้าง ก็พยายามเลือกอันที่ทำให้เราไปสอบได้ เพราะตัวเองเรียนนอกระบบอยู่แล้ว ตอนนี้อยู่ ม.6 แต่ด้วยช่วงนี้งานเยอะ มีการเลือกงานบ้าง มีการติว อ่านหนังสือ

ส่วนความใฝ่ฝันในเรื่องเรียน โมบายล์บอกว่า ชอบหลายอย่างมาก บางครั้งอินภาพยนตร์ ภาพถ่ายกล้องฟิล์ม ก็เลยคิดว่าอยากเรียนเบื้องหลัง ออกกอง และเคยสัมผัสงานจริงๆ มาแล้ว เลยคิดว่าอยากเรียนเกี่ยวกับการถ่ายภาพ ถ่ายวิดีโอ เบื้องหลังภาพยนตร์ และมีอีกหนึ่งทางที่ชอบคือการร้องเพลง ก็คิดว่าอยากเรียนด้านร้องเพลง หรือดุริยางคศิลป์ ตอนนี้ก็ต้องรอดูอนาคต เมื่อถามว่าเลือกได้รึยัง โมบายล์ตอบว่า “ยังไม่รู้เลยค่ะ แต่ว่าเราสามารถทำทั้งสองอย่างด้วยกันได้ค่ะ”

กับผลงานชิ้นต่อไป โมบายล์บอกว่า กำลังจะถ่ายทำซีรีส์ “The Rhythm of Life : จังหวะชีวิตลิขิตฝัน” ค่ายเจเอสแอล ทางช่องไทยพีบีเอส ซึ่งเป็นบทบาทที่ค่อนข้างท้าทายที่สุดตั้งแต่เคยเล่นมา “บทค่อนข้างยากค่ะ หนูอยากทำให้มันดี ตอนเปิดกล้องก็ไปถ่ายมาแล้วนิดนึง แล้วหยุดไปในช่วงโควิดค่ะ ตามกำหนดเดิมคือจะได้ดูปลายปี แต่ตอนนี้เลื่อนไป ไม่เคยเล่นบทแบบนี้เลยค่ะ ดูธรรมดาแต่ค่อนข้างไกลตัว เราอายุแค่ 18-19 แต่รับบทบาทที่โตขึ้น อายุ 24-25 โตกว่าอายุจริง ต้องทำความเข้าใจกับตัวละครมากๆ ค่ะ ในเรื่องนี้มีหนูคนเดียวที่มาจาก BNK48 ก็ตื่นเต้นค่ะ ถ้าผ่านไปได้คงเป็นโมบายล์คนใหม่เลยค่ะ (หัวเราะ) ก็ขอให้ทุกอย่างมันราบรื่น”

โมบายล์บอกว่า เอาจริงๆ ชอบการแสดงเหมือนกัน แต่ไม่ค่อยชอบความกดดัน อันนี้ค่อนข้างไกลตัว การร้องเต้นเมื่อก่อนก็ไม่ได้ใกล้ตัว ก่อนจะมาถึงทุกวันนี้ก็เป็นคนพูดไม่เก่ง ลำบากจากจุดนี้เหมือนกัน ต้องพยายามฝึกฝีมือเพื่อมาถึงตรงนี้ การแสดงก็เหมือนการร้องเต้น แรกๆ ก็ทำได้ไม่ดี ต้องฝึกพัฒนา ค่อนข้างมีความกดดัน แต่เราก็ก้าวข้ามผ่านมันไปได้ ต้องพยายามเข้มแข็งและต่อสู้กับสิ่งที่ต้องเจอ ตอนนี้ก็ชอบทั้งสองอย่าง ในเรื่องเพลงก็หลงใหลการแต่งเพลง เมโลดี้ต่างๆ ส่วนการแสดงมีศิลปะการเข้าใจคาแรกเตอร์ 2 อย่างนี้มีความคล้ายกัน แต่วิธีการแสดงออกต่างกัน

แต่เมื่อถามถึงการทำงานว่า หากต่อไปไม่ได้เป็น BNK48 แล้วจะเป็นยังไง โมบายล์บอกว่า ปัจจุบันอยากทำตรงนี้ให้มีความสุขที่สุด ถ้าวันนึงไม่ได้เป็น BNK48 แล้วก็ไม่เป็นไร เพราะได้อะไรจากตรงนี้มากแล้ว ที่ผ่านมาได้ประสบการณ์ที่ดี ฝึกสกิลให้พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ เอาไว้ต่อยอดให้เราในวันที่ไม่ได้อยู่ในวงแล้ว ส่วนสิ่งที่อยากทำต่อไปเมื่อไม่ได้อยู่ในวง โมบายล์บอกว่า “อยากเป็นนักร้องเหมือนเดิม เหมือนเราได้ความรู้จากที่นี่ไปต่อยอดในอนาคต ยังรักในการร้องเพลง ส่วนสไตล์เพลงคงต้องดูอนาคตอีกที เพราะความชอบเปลี่ยนไปเรื่อยๆ แต่ก็น่าจะเป็นตัวเองมากขึ้นในวันที่โตแล้วค่ะ”.

ผู้เขียน : Penguin บินได้
ภาพ : BNK48 Office
กราฟิก : Jutaphun Sooksamphun