เป็นความสูญเสียครั้งใหญ่ในชีวิตของ ไอซ์ ณพัชรินทร์ ไพบูลย์รัตนกิจ เมื่อต้องสูญเสียคุณพ่อ ค่อม ชวนชื่น ไปอย่างไม่มีวันกลับเพราะติดเชื้อโควิด-19 ล่าสุด ไอซ์ ณพัชรินทร์ มาร่วมงาน “Facebook Live : เพจร้อยเรื่องโรคเบาหวาน ในหัวข้อ ฉีดดี ไม่ฉีดดี?” ณ The Eyes Live Studio (PM Live Studio) ซอยนวลจันทร์ 56 ซึ่งเป็นงานอีเวนต์ครั้งแรกของไอซ์หลังสูญเสียคุณพ่อ จึงได้ถามถึงการทำงานในวันนี้

พร้อมทั้งถามถึงอาการของคุณแม่ เอ๋ ประภาศรี ที่ป่วยเป็นโรคเบาหวานขึ้นตา การเตรียมงานครบรอบ 100 วันของคุณพ่อ รวมถึงประเด็นดราม่าต่างๆ ที่เกิดขึ้นหลังน้าค่อมเสียชีวิต และถามถึงเรื่องโฆษณา Krungsri Auto ของ Suneta House ที่น้าค่อมเล่นไว้ คว้ารางวัล Cannes Lions Bronze Award ในหมวด Entertainment ที่เมืองคานส์ ประเทศฝรั่งเศส

ถามถึงการมาร่วมงานวันนี้ เป็นเรื่องใกล้ตัว?
“ใช่ เพราะว่าคุณพ่อเป็นเบาหวาน งานนี้ก็น่าจะเหมาะกับไอซ์ที่สุดแล้วค่ะ (หัวเราะ)”

...

ตอนที่ดูแลคุณพ่อ เราต้องดูแลยังไงบ้าง? 
“หลักๆ ก็เรื่องอาหาร การนอน และการทานยาค่ะ อีกนิดนึงก็คือเรื่องอารมณ์ของเขา เพราะคนเป็นเบาหวาน บางทีเฉพาะคุณพ่อหรือเปล่าไอซ์ไม่แน่ใจนะคะ ก็จะมีหงุดหงิดบ้างเป็นบางเวลา”

คุณพ่อเป็นระดับไหน?
“เป็นเบาหวานระดับปกติค่ะ ทานแค่ยาอย่างเดียว ไม่ต้องฉีดอินซูลินเข้าไปค่ะ”

ส่วนมากคนที่เป็นเบาหวานจะดื้อ คุณพ่อดื้อมั้ย?
“ดื้อมากค่ะ (หัวเราะ) คือคุณพ่อกับคุณแม่เขาจะทะเลาะกันตลอด คุณแม่จะพยายามให้พ่อทานอาหารแบบนี้ๆ แต่เวลาคุณพ่อออกไปทำงานข้างนอก พี่ๆ ที่ทำงานเขาก็ตามใจ เขาก็ได้ทานอะไรที่สุขเกษมเปรมปรีดิ์เหลือเกิน แต่เขาก็คุมตัวเองอยู่ตลอดค่ะ เพราะคุณพ่อค่อนข้างจะซีเรียสในสิ่งที่ตัวเองเป็น เวลาเขาเป็นเบาหวาน ความดัน หรือมีอะไรเพิ่มเติม เขาจะค่อนข้างซีเรียสในการดูแลตัวเอง”

เห็นว่าคุณแม่ก็เริ่มเป็นเบาหวานแล้ว? 
“ใช่ค่ะ คุณแม่ก็เป็นเบาหวานขึ้นตา แต่ของคุณแม่ไอซ์เขาเป็นคนไม่เคยตรวจสุขภาพร่างกายเลย พอเบาหวานขึ้นตาก็คือตาเขาพร่า พอพร่าก็มองไม่เห็น ก็ต้องรักษาโดยการฉีดยาเข้าไปในตา แล้วก็เลเซอร์เข้าไปในลูกตา เพื่อให้ดันลมอะไรสักอย่างออกมาได้”

มีความกังวลมากแค่ไหน? 
“คุณแม่นี่เห็นได้ชัดเลยค่ะว่าค่อนข้างจะกังวล และประจวบกับเรื่องคุณพ่อด้วย เห็นได้ชัดเลย”

ไม่ได้เป็นผลข้างเคียงจากโควิดใช่ไหม?
“ไม่ค่ะ เขาน่าจะเป็นเบาหวานมาอยู่แล้ว แต่เขาไม่เคยตรวจ คือเขาดื้อ พอเป็นโควิดก็เช็กปุ๊บว่าเป็น แถมเบาหวานมาด้วยเลย”

ต้องดูแลใกล้ชิดมากแค่ไหน?
“ของคุณแม่ก็เรื่องตรวจตานะคะ ก็จะตรวจเดือนละ 2 ครั้ง ตั้งแต่ออกมาถึงตอนนี้คุณแม่ได้รับการฉีดยาเข้าไปในลูกตา 2 รอบ รอบที่ 2 คุณหมอก็ค่อนข้างที่จะชมว่าดีขึ้น ตอนนี้ก็กลับมามองได้ปกติบ้างแล้ว”

คุณหมอบอกว่ามีโอกาสหายไหม?
“มีค่ะ คือโรคเบาหวานมันสามารถหายได้อยู่แล้ว อยู่ที่เราดูแลและควบคุม คือเขาเคยดูแลพ่อมาแล้ว เขาก็กลับมาดูแลตัวเอง เรื่องการดูแลคนที่เป็นเบาหวาน ถ้าคนที่เป็นเบาหวานแล้วง่ายๆ เลยไอซ์ว่าก็คือควบคุมอาหาร สองถ้าเป็นผู้ใหญ่ก็อย่าดื้อนะคะ ทำตามที่ลูกหลานแนะนำดีกว่า”

ถามถึงงานที่จะจัดให้คุณพ่อได้วันหรือยัง? 
“งาน 100 วัน คุณแม่เขาก็มีเคาะๆ มาบ้างแล้ว แต่ยังไม่ได้สรุปแน่นอน อีกอย่างตอนนี้ยังทำอะไรที่เป็นพิธีการใหญ่หรือเอิกเกริกไม่ได้ ก็เลยอยากทำเฉพาะคนในครอบครัวค่ะ”

...

ช่วงที่ผ่านมาไอซ์กับคุณแม่รับมือกับสิ่งที่เกิดขึ้นยังไงบ้าง? 
“คือมันต้องมองบวกอย่างเดียวเลยค่ะ (นิ่งไป น้ำตาคลอ)”

หลายคนก็ชื่นชมว่าเราเข้มแข็งมากๆ เป็นเสาหลักให้ครอบครัวได้เร็วมาก?
“ต้องทำค่ะ เพราะถ้าเราไม่ทำ (ร้องไห้) ทุกวันนี้หนูยังดูทุกอย่างที่เป็นรูปพ่อไม่ได้เลย ไม่ได้จริงๆ ไม่ใช่ว่าหนูออกมาสัมภาษณ์แล้วหนูร้องไห้นะ คือมันไม่ได้จริงๆ”

เพราะความที่เราเป็นลูกคนโตด้วย เราต้องเข้มแข็งให้กับน้องๆ กับคุณแม่ด้วยใช่ไหม?
“ต้องเข้มแข็งค่ะ เพราะว่าตอนนี้คุณแม่ก็ไม่เหลือใครแล้ว น้องก็คือน้อง อย่างเราเป็นพี่ก็คือต้องดูแล ถ้าเราไม่เข้มแข็ง ไม่ทำให้เขาเห็นว่าเราสามารถดูแลเขาได้ เขาก็คงอาจจะหมดหวัง”

ตอนนี้ดูแลคุณแม่เรื่องสภาพจิตใจยังไง? 
“ทุกอย่างเลยค่ะ ในบ้านก็จะมีพี่น้อง และมีแบงค์ด้วย ทุกครั้งที่ไปหาหมอก็จะเป็นหน้าที่ไอซ์กับแบงค์ อย่างน้องก็จะมีหน้าที่ดูแลแม่ตอนอยู่บ้านตลอด”

สภาพจิตใจแม่โอเคไหม?
“ไม่โอเคค่ะ ไอซ์ว่านานค่ะ”

ไอซ์รับมือกับสิ่งที่เกิดขึ้นหรือกระแสต่างๆ ที่เข้ามายังไงบ้าง?
“ถ้าเป็นแต่ก่อนเห็นอะไรที่ด่า หนูก็จะร้องไห้ตลอดเลย แต่เรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างที่พ่อไม่สบาย คนด่า คนว่า มันกลับกลายเป็นเราเข้มแข็งขึ้น เพราะสิ่งที่เราเจอ ที่พ่อเราประสบพบเจอ มันแย่กว่าบุคคลที่เขาเข้ามาว่าเรา เราก็มองบวก อ่านแต่กำลังใจค่ะ ถ้าคนถามเยอะหนูก็ไม่ตอบเลย อย่างที่ทุกท่านจะเห็นว่าหนูจะสรุปอาการคุณพ่อในรูปภาพในอินสตาแกรม เพื่อหลีกเลี่ยงการย้ำคิดย้ำทำ หลีกเลี่ยงการร้องไห้ ค่อนข้างที่จะหลีกเลี่ยงในเรื่องพวกนี้”

...

ขออนุญาตถามถึงเรื่องหลังจากน้าค่อมจากไป ก็มีเรื่องข่าวต่างๆ มากมาย ดราม่าบ้าง เรื่องเชื่อมโยงบ้าง เราคิดเห็นอย่างไร?
“อ๋อ ไอซ์ขออนุญาตไม่พูดถึงคนอื่นนะคะ พี่เข้าใจหนูใช่ไหม ตอนนี้ก็โฟกัสที่ครอบครัวก่อนอย่างเดียว เพราะว่าสัมภาษณ์ไปก็ร้องไห้ อย่างที่พี่ๆ เห็นค่ะ เหมือนเราเห็นคุณพ่อทุกวัน เพราะคนก็แท็กมาให้เราทุกวัน ก็ยังไม่ค่อยแกร่งได้สักที”

เคยคิดไหมว่าทำไมเราถึงต้องมาอยู่ในจุดที่มีอะไรเข้ามาเยอะขนาดนี้?
“คิดค่ะ แต่ว่าก็มองในแง่บวก หนูไม่รู้ว่าในความคิดหนูจะถูกหรือเปล่า ประสบพบเจอก่อน ทำใจได้ก่อน เก่งและแกร่งได้ก่อน”

หลานๆ เป็นยังไงบ้าง ที่ผ่านมาพ่อค่อมค่อนข้างติดหลาน?
“อย่างลูกสาวไอซ์หอมคุณตาทุกวัน หอมในรูป ก่อนจะเรียนออนไลน์หอมทุกวัน แต่ถ้าเป็นหลานคนเล็กก็ยังจะไม่ค่อยรู้เรื่องมากเท่าไร แต่เห็นรูปคุณพ่อก็จะเรียกปู่ตลอดค่ะ”

คนในครอบครัวเป็นอย่างไรบ้าง?
“น้องสะใภ้กับหลานชายที่ติดโควิด ก็ดีขึ้น ทุกคนในครอบครัวตอนนี้โอเคและคลีนหมดแล้ว แต่ก็ต้องใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังกันต่อไปค่ะ”

...

ณ วันนี้ไอซ์เป็นหัวหน้าครอบครัว?
“น่าจะใช่อย่างนั้นเลยค่ะ กับคุณแม่ก็ให้กำลังใจกันตลอด แต่พอเราแค่จะเอื้อมมือไปจับเขา น้ำตาเขาก็มาแล้ว”

ยังมีแพลนงานเกี่ยวกับคุณพ่ออยู่ไหม?
“ยังมีค่ะ ยังมีตลอด เราก็ยังให้เกียรติแฟนคลับคุณพ่อทุกคนตลอด แต่ขอให้พ้นผ่านช่วงที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ไปก่อน ยังไงก็ขอขอบคุณทุกท่านนะคะ (ไหว้) ที่ยื่นมือมาช่วยเหลือครอบครัวพวกเรา พวกเราน้อมรับและขอบคุณทุกท่านค่ะ”

ล่าสุดผลงานคุณพ่อได้รางวัลด้วย?
“ใช่ เราเป็นลูกก็จุดธูปบอกพ่อ เพราะเขาทำงานมาทุกอย่างแล้ว และสิ่งที่เขาอยากทำคืออยากเป็นพรีเซ็นเตอร์ และช่วง 2 ปีหลังเขาค่อนข้างได้งานพรีเซ็นเตอร์ แล้วงานนี้ได้รางวัล ถ้าเขาอยู่บ้านคงอุทานประสาเขา (ยิ้ม) ตอนจุดธูปก็บอกว่าพ่อได้รางวัลนี้นะ สิ่งที่พ่อทำประสบความสำเร็จตามที่พ่อคาดหวังแล้ว หนูจะพูดกับพ่อตลอด”

ถามถึงเรื่องแบงค์ อธิกิตติ์ สามีของไอซ์ โพสต์ถึงชาวเน็ต?
“มีคนมาคอมเมนต์ว่าน้าค่อมไม่อยู่แล้วนะ เดี๋ยวสามีก็ทิ้งหรอก ไม่มีใครอยากจะเอาเธอแล้วนะ เราก็เอ๊ะ ทำไมถึงรู้ดีกว่าครอบครัวพวกเรา แต่แบงค์เขาไม่ชอบอะไรเรื่องชู้สาวแบบนี้อยู่แล้ว เขาเลยค่อนข้างที่จะโมโหนิดนึง ก็ปล่อยผ่านค่ะ”