• หม่ำ จ๊กมก ตลกแถวหน้าร้อยล้าน ชีวิตนี้ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ
  • ยอมรับการเป็นตลกชื่อดัง ต้องแบกความกดดันของคนดู
  • หม่ำ จ๊กมก ตลกรักลูก-เมีย เรื่องมีบ้านเล็กเป็นแค่ข่าวลือ 

กว่าจะเป็น หม่ำ จ๊กมก ตลกร้อยล้าน

หม่ำ จ๊กมก หรือ เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา ดาราตลกชื่อดังที่คนไทยให้การยอมรับและยกหม่ำเป็นเบอร์ 1 ของวงการนี้ แต่กว่าผู้ชายคนนี้จะเดินมาถึงจุดนี้ได้ ชีวิตต้องผ่านมาแล้วทุกเรื่องราว ทั้งดีและร้ายปะปน และทดสอบชีวิตตลกคนนี้อยู่บ่อยครั้ง

หม่ำ จ๊กมก ต้องออกจากบ้านตั้งแต่อายุ 16-17 ปี เพื่อหางานทำ โดยเจ้าตัวนั้นเริ่มทำงานกับวงดนตรีลูกทุ่งของ สดใส รุ่งโพธิ์ทอง ทำหน้าที่เป็นเด็กยกของ ได้ค่าแรงวันละ 40 บาท ทำอยู่ประมาณ 2-3 เดือน แต่เพราะเป็นคนสนุกสนานเฮฮา กลายเป็นตัวโจ๊กของวง จึงได้เลื่อนขั้นเป็นหางเครื่อง และเป็นตลกประจำวงดนตรี และตอนนั้นหม่ำกลายเป็นตลกดาวรุ่งที่มีอายุน้อยที่สุด ตอนที่อยู่คณะเก้ายอด

หม่ำได้ทำงานกับวงดนตรีอยู่หลายวง และในช่วง 3 ปี ก็เริ่มมีที่อยู่และอาชีพแน่นอน จึงเขียนจดหมายไปตามภรรยามาเป็นหางเครื่องเพื่อหารายได้ แต่เพราะช่วงนั้นเป็นช่วงขาลงของวงดนตรีลูกทุ่ง จึงทำให้หม่ำและเมียต้องอยู่กันอย่างประหยัด มีบางครั้งต้องกินข้าวคลุกน้ำปลา แต่ลำบากปากกัดตีนถีบอยู่พักหนึ่ง ในที่สุดหม่ำก็ได้ไปเล่นตลกในคณะของ เทพ โพธิ์งาม

...

หม่ำเล่นตลกอยู่กับ เทพ โพธิ์งาม ทำงาน 2-3 เดือน โดยไม่มีวันหยุด ตั้งแต่ 2 ทุ่มจนถึงตี 5 ได้เงินมาก็เก็บเอาไว้ในลิ้นชัก พอวันหนึ่งเปิดลิ้นชักออกมาดู ก็พบว่ามีเงินสดเกือบ 3 แสนบาท ชีวิตของหม่ำและเมียก็เปลี่ยนไป จากเสื่อผืนหมอนใบที่ผลัดกันใช้นอนหนุนกับเมีย ตอนนี้หม่ำพาเมียไปอยู่อพาร์ตเมนต์ห้องใหญ่ราคาแพง

เมื่อชีวิตเริ่มมีชื่อเสียง หม่ำ จ๊กมก ไม่ได้เล่นแค่ตลกตามคาเฟ่เท่านั้น เพราะในตอนกลางวันหม่ำต้องไปเล่นหนัง ส่วนในตอนกลางคืนก็วิ่งรอกเล่นตลกตามคาเฟ่เหมือนเดิม แม้ในช่วงที่หม่ำรุ่งเรืองในอาชีพนี้นั้นจะเป็นช่วงใกล้หมดยุคทองของตลกคาเฟ่ก็ตาม แต่หม่ำก็กอบโกยเงินทองจากช่วงนี้มาได้ไม่น้อย

แต่เมื่อคาเฟ่เริ่มทยอยปิดตัวลง ตลกหลายคนตกงาน แต่งานนี้ หม่ำ จ๊กมก กลับได้รับการชักชวนจาก ปัญญา นิรันดร์กุล ให้มาทำงานด้วยที่ เวิร์คพอยท์ ในรายการ ชิงร้อยชิงล้าน หม่ำไม่ลังเล ตอบตกลง และหม่ำก็ทำงานกับเวิร์คพอยท์มาตั้งแต่ปี 2535 จนถึงปัจจุบันนี้ปี 2564 จากตลกปากกัดตีนถีบในวันนี้ ตอนนี้หม่ำได้เป็นเจ้าของรายการ เจ้าของค่ายหนังอีกด้วย

ความกดดันที่ต้องแบกรับเอาไว้

เรื่องราวของผู้ชายคนนี้ผ่านร้อนผ่านหนาวมาแบบไม่ธรรมดา ชีวิตล้มลุกคลุกคลาน เดินผิดเดินถูก ผ่านประสบการณ์ชีวิตมาอย่างแน่นมาก หลายๆ คนอยากรู้จักตัวตนของตลกคนนี้ให้ได้มากที่สุด วันนี้เราได้มีโอกาสพูดคุยกับตลกชื่อดังคนนี้อีกครั้ง เราต้องอัปเดตเรื่องราวชีวิต และเรื่องงานหนังเรื่องใหม่ คุณชายใหญ่ ที่จะเข้าฉายในวันที่ 8 เมษายนนี้แล้ว แต่ก่อนจะเข้าเรื่องงาน เราต้องคุยเรื่องส่วนตัวกันก่อน

คำถามแรกที่เราถามผู้ชายคนนี้ คนที่ได้ชื่อว่า ผู้ชายที่ตลกที่สุดในประเทศไทย ว่าจริงๆ ในใจลึกๆ ของหม่ำนั้นรู้สึกกดดันมากมั้ย กับการที่เป็น หม่ำ จ๊กมก จะต้องทำให้ทุกคนมีเสียงหัวเราะและยิ้มได้อยู่เสมอ ซึ่งตลกชื่อดังบอกกับเราว่า

“แรกๆ อาจจะรู้สึกกดดดัน แต่ตอนนี้เฉยแล้ว อายุมากขึ้น ต้องทำมาหากินกันไป มีอะไรที่จะทำได้มากน้อยแค่ไหนก็ยังไม่รู้ เพราะอนาคตเป็นเรื่องไม่แน่นอน แต่ก็อยากจะทำให้คนดูมีแต่เสียงหัวเราะให้มากขึ้น

อยากให้เขาได้ดูรายการของเรา ดูหนังที่ผมสร้าง แล้วยิ้มออก หัวเราะได้ ยิ่งช่วงที่ผ่านมามีแต่โควิด ก็อยากจะทำให้คนที่ไปดูหนัง คุณชายใหญ่ มีแต่เสียงหัวเราะ น้ำตาริน ยิ้มมีความสุข”

แต่แม้ หม่ำ จ๊กมก จะทำให้คนหัวเราะ มีความสุข แต่บางครั้งก็ถูกคนด่าทอ ไม่ชอบใจในตัวของหม่ำด้วยเหมือนกัน รู้สึกอย่างไรที่มีทั้งคนรักและคนไม่ชอบ

“ไม่ได้คิดอะไรมาก ก็นำคำเหล่านั้นมาสอนและปรับปรุงตัวเอง มันเป็นเรื่องปกตินะที่มีคนไม่ชอบ รักไม่รัก และจะมีคนที่ชอบ และคนที่สนับสนุนเรา ผมอยู่ตรงนี้อยู่มานาน ต้องปลงกับเรื่องพวกนี้ให้มากจะได้ไม่ทุกข์”

...

แฟมิลี่แมน

ตลกกับความเจ้าชู้จะเป็นของคู่กัน เวลาเล่นตลก ก็จะถูกเพื่อนตลกเอาเรื่องชีวิตครอบครัวมาแซวเรื่องความเจ้าชู้ แต่ในทางกลับกัน หม่ำก็ยังมีภาพของความเป็นแฟมิลี่แมนติดตัวเสมอ แม้กระทั่งตอนนี้

“ผมโชคดีที่มีภาพครอบครัวอย่างที่ทุกคนได้เห็น ก็จะบ่งบอกว่าผมก็เป็นอีกครอบครัวที่มีความสุข ถือว่าเป็นความโชคดีของผมด้วยมั้ง ส่วนเรื่องความเจ้าชู้ ก็เป็นเรื่องปกติของผู้ชายนะ ผู้ชายคนไหนไม่เจ้าชู้ซิแปลก (ยิ้ม)”

ถามจริงๆ หม่ำ จ๊กมก เป็นคนกลัวเมียหรือเปล่า และมีความประทับใจอะไรในตัวภรรยาคนนี้ถึงทำให้หม่ำและมดยังอยู่เป็นครอบครัวเดียวกันมาได้จนถึงทุกวันนี้ เคล็ดลับมันคืออะไร

“ถามว่าผมกลัวเมียมั้ย ผมเกรงใจเมียมากกว่า ส่วนเรื่องที่ประทับใจในตัวเขา ผมเห็นว่าเมียผมเขาเป็นคนเก่ง และเขาสามารถเลี้ยงดูลูกๆ ของเราได้เป็นอย่างดีตอนที่ผมต้องออกไปทำงาน เราร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกันมาเยอะและเขาก็อยู่เคียงข้างกับผมมาตลอด (ยิ้ม)”

แต่แม้จะอยู่ด้วยกันมานานหลายสิบปีแล้วก็ตาม แต่ความหวานของคู่หม่ำและมดก็ยังหวานมาก มีโชว์ความสวีตให้แฟนๆ ได้เห็นกันบ่อยๆ ผ่านอินสตาแกรมของภรรยา ซึ่งเรื่องนี้ หม่ำ จ๊กมก บอกกับเราว่า

“เอาจริงๆ ไม่ค่อยหวานกันเท่าไรนะ จะอายๆ กันมากกว่า (หัวเราะ) แต่ถ้าหวานก็ต้องไม่ออกสื่อ เพราะมดเขาเขิน (หัวเราะ)”

...

เรื่องเจ้าชู้เป็นแค่ข่าวลือ


แล้วอะไรที่ทำให้ หม่ำ จ๊กมก เลิกเจ้าชู้ เพราะมีลูกสาวหรือเปล่า เพราะรู้ว่าผู้หญิงที่เข้ามาหวังเงินทอง หรือเพราะอะไร ซึ่งเรื่องนี้ หม่ำเปิดใจเล่าให้ฟังว่า

“ผมไม่ใช่คนเจ้าชู้หรอก ผมเป็นคนรักครอบครัวนะ อย่างที่ทุกๆ คนเห็น เอาจริงๆ ผมรักภรรยาผม สิ่งที่ได้ยินมันก็เป็นเพียงแค่ข่าวลือกันมากกว่า ไม่ใช่เรื่องจริง

ส่วนเรื่องเลิกเจ้าชู้ ผมไม่ได้เลิกเจ้าชู้เพราะมีลูกสาวหรอก คือถ้าเป็นใครเป็นพ่อ ถ้าเห็นผู้ชายมายุ่งกับลูกสาวตัวเองก็ต้องดุเอาไว้ก่อนไง ต้องกันท่าไว้ก่อนไง”

ชีวิตเปลี่ยนเมื่อครั้งป่วยหนัก

ทางด้านสุขภาพร่างกาย มีครั้งหนึ่ง หม่ำนั้นเคยป่วยหนักมาก จนต้องเข้าโรงพยาบาลนานเป็นเดือนด้วยโรคไวรัสตับอักเสบบี จากการป่วยหนักตอนนั้นทำให้ชีวิตเปลี่ยนไปจนถึงทุกวันนี้เลย

“ก็ต้องยอมรับอายุเรามากขึ้น ก็ต้องดูแลตัวเอง ตอนนั้นผมท่องไว้เลยนะ เป็นสัจธรรมของชีวิต เบาเรื่องสังสรรค์ไปเยอะ แต่ก็ต้องใส่ใจสุขภาพด้วย ไม่ควรกิน หมู เนื้อ ไก่ ควรกินปลากินผัก

...

ส่วนเรื่องลดแอลกอฮอล์ก็ต้องลดลงด้วย เมื่อก่อนก็กิน 4-5 ทุ่ม อาชีพเราสังสรรค์เจอคนตลอด แต่พอถึงวันหนึ่งรู้สึกว่าไม่ได้แล้ว ถ้ากินบ่าย 3 พอ 5-6 โมงเย็นก็ต้องเลิกแล้ว กินไม่เยอะเน้นคุย เมื่อก่อนเราไม่มีลิมิต เมื่อก่อนคอพับโดนลากกลับบ้านทุกวัน แอลกอฮอล์รึซึ่มได้เลย”

อยู่ในวงการมานาน เมื่อเราถามว่า หม่ำ จ๊กมก คิดจะวางมือจากวงการตลกเมื่อไหร่ หรือจะทำต่อไปจนไม่ไหว ซึ่งเรื่องนี้ตลกร้อยล้านได้บอกกับเราว่า ตอนนี้ก็ยังต้องทำงานต่อไปเรื่อยๆ และเพิ่งจะปิดกล้องหนังเรื่องใหม่ และเพิ่งเปิดตัวรายการใหม่ ตอนนี้ยังหยุดอะไรไม่ได้ ขอทำทุกอย่างต่อไปเรื่อยๆ ทำต่อไปจนกว่าจะทำไม่ไหวแล้วจริงๆ ถึงจะหยุด

ผลงานหนังเรื่องล่าสุด 

มาถึงผลงานหนังเรื่องล่าสุด คุณชายใหญ่ ที่ตลกร้อยล้าน หม่ำ จ๊กมก ทำเอง เล่นเอง เตรียมเข้าโรงภาพยนตร์เรียกเสียงฮาให้กับคนไทยได้คลายเครียดในช่วงโควิด ซึ่งหนังเรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่แปลกใหม่ เราถามหม่ำว่าไปได้ไอเดียการทำหนังเรื่องนี้มายังไง ทำไมถึงคิดว่าต้องมี 6 ตัวละคร และต้องแสดงเองด้วย ซึ่งหม่ำบอกว่า

“จริงๆ มันเป็นภาคต่อจากเรื่องวงศ์คำเหลานะ คิดไว้นานหลายปีแล้ว พอเอาไปคุยกับพระนครฟิลม์เขาก็สนใจ มันเป็นอะไรที่แปลกใหม่ เพราะไม่เคยเล่นอะไรแบบมาก่อน เล่นเป็น 5-6 คน ไม่ค่อยมีใครเล่นด้วยนะ (ยิ้ม) เล่นแค่ 2 คนก็เยอะแล้ว

ซึ่งต้องบอกว่าเป็นงานใหญ่ และเหนื่อยไม่น้อยเลย ใช้คิวแบบดับเบิลคิวเข้าไปอีก สมมติจาก 15 คิวก็ต้องเบิลเป็น 30 คิว วันหนึ่งถ่ายได้ 2 คน เพราะต้องแต่งตัว แต่งหน้าใหม่ แต่งเอฟเฟกต์ แต่ละตัวแค่แต่งหน้าก็ใช้เวลา 2 ชั่วโมงแล้ว ตัวทนาย หญิงน้อย และท่านพ่อนี่จะหนักหน่อย ซึ่งบอกตามตรงตอนแรกไม่คิดว่าจะเหนื่อยขนาดนี้ ไม่คิดว่ามันจะยากขนาดนี้”

ได้เล่นเป็นตัวละครตั้ง 5-6 ตัว แล้ว หม่ำ จ๊กมก ชอบตัวละครไหนมากที่สุด ซึ่งเจ้าตัวบอกกับเราว่า 

“ผมชอบทุกตัวแหละ ชายเล็กก็โอเค ใสๆ ซื่อๆ เป็นเด็กพิเศษ ฉลาดเกินคน หญิงน้อยก็แรดๆ หน่อย ขี้โกง แกมโกง เห็นแก่ตัว หญิงกลางก็เป็นคนเรียบๆ ธรรมะ ธัมโม คาแรกเตอร์แต่ละคนจะฉีกไปหมดเลย คนละอย่างเลยครับ ซึ่งตอนถ่ายยากมากแบบต้องไม่ต้องพูดถึง จะถ่ายอันไหน ก็เอาอันนั้นมาพูดก่อน ทำความเข้าใจกับตัวที่จะถ่ายไปก่อน ต้องศึกษาทีละตัว

ส่วนเรื่องงบประมาณของการถ่ายหนังเรื่องนี้ไม่ต้องพูดถึง หม่ำ จ๊กมก บอกกับเราว่า หนักอยู่ไม่น้อย แต่ทางค่ายพระนครฟิลม์ก็สู้ และงบประมาณในการถ่ายทำก็ไม่ได้เกินกว่าที่ตั้งเอาไว้เท่าไร ที่เยอะเพราะมีเอฟเฟกต์ ใช่ CG เยอะ

จะมีการออกฉายตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา แต่ก็เจอเหตุการณ์โควิด-19 แพร่ระบาดรอบ 2 ซึ่ง ต้องเลื่อนมาเข้าฉายในช่วงนี้แทน ซึ่ง หม่ำ จ๊กมก ได้เปิดใจถึงเรื่องนี้ว่า

“พอมาเจออย่างนี้อีกก็ไปกันใหญ่ รู้สึกสงสารนายทุน สงสารพระนครฟิลม์ที่เขาต้องมาเจอแบบนี้ รู้สึกท้อเหมือนกันนะ ทำหนังกับใครเราก็อยากให้เขาได้เงิน นายทุนเขาได้ เขาก็จะได้มีความหวัง มีกำลังใจที่จะทำต่อไปเรื่อยๆ

หยังจะเข้าแล้วก็ภาวนาให้มีคนนั่งดูสักนิดสักหน่อยให้ได้ทุนคืนก็ยังดีนะ เพราะตอนนี้โรงหนังก็มีมาตรการ social distancing เขาพยายามช่วยให้ได้มากที่สุด ก็สามารถมาดูกันได้ และก็อยากให้ทุกคนดูแลตัวเองอย่างใกล้ชิด เคร่งครัดด้วย”

แสดงว่าหม่ำยังแอบคาดหวังไหมเรื่องรายได้ แม้จะเข้าในช่วงแบบนี้ ก็ยังหวัง ตั้งเอาไว้อย่างไร ซึ่งเจ้าตัวบอกกับเราว่า

“แน่นอน ว่ายังไงมันคงไม่ถึงที่เราคิดอยู่แล้วแหละ คงไม่เปรี้ยงเท่าสถานการณ์ปกติ ปีใหม่คนก็กะจะเที่ยวเพราะปีที่แล้วก็ไม่ได้เที่ยว ทุกเทศกาลมันไม่มีอะไรเลยทั้งปี 63 สงกรานต์ก็ไม่ได้เที่ยว”

เราให้โอกาส หม่ำ จ๊กมก ได้ฝากหนังเรื่องคุณชายใหญ่อีกครั้ง และเพราะอะไรแฟนๆ ต้องไปดูหนังเรื่องนี้ เราให้โอกาสได้ขายของเต็มที่ก่อนจากกันว่า 

“มันเป็นหนังดูสบายๆ ตลกๆ เราเน้นคลายเครียดอยู่แล้ว ถ้าพูดง่ายๆ ก็คือละครน้ำเน่าให้คนเบาสมอง นั่นคือพอยท์หลักที่เราต้องการอยู่แล้ว เนื้อเรื่องก็ไม่มีอะไรแย่งสมบัติ ชิงดีชิงเด่นกันแค่นั้นเอง ภาพรวมคืออยากให้ทุกคนหัวเราะด้วยกัน เป็นหนังที่เฮฮา เน้นความเข้าใจง่ายกับคนทั่วไป หนังผมจะเป็นอะไรที่ไม่สลับซับซ้อน ไม่หักมุมมากมาย ให้คนเข้าใจง่าย เข้าถึงง่าย ให้คนดูแบบสบายๆ ไม่ต้องไปคิดเยอะกับหนัง ฮาไม่ฮาก็ค่อยว่ากัน”

ผู้เขียน : จันทร์เจ้าขา
กราฟิก : Varanya Phae-araya
ช่างภาพ : เอกลักษณ์ ไม่น้อย