- กรีน อัษฎาพร จากเด็กเล่นละครแข็งเป็นธรรมชาติ สู่นักแสดงฝีมือดี
- กรีน รับเคยน้อยใจไม่ได้บทดี แต่รู้ความสามารถตัวเองยังไม่ถึง
- อยู่ช่อง 7 ก็เป็นนางเอกเบอร์ต้น ออกมาเป็นอิสระก็เป็นนางเอกเบอร์ต้นได้
ถ้าให้พูดถึงนางเอกที่ผันตัวเองมาเป็นนักแสดงอิสระในวงการตอนนี้ ก็มีมากมายหลายคน แถมแต่ละคนก็มีฝีไม้ลายมือไม่ธรรมดา เลยถูกหลายช่องรุมทาบทามให้มาร่วมงานจนเลือกบทไม่ถูก และนางเอกสาว กรีน อัษฎาพร คนนี้ก็เป็นอีกคนที่เป็นนักแสดงอิสระที่เนื้อหอมไม่เบา
วันนี้เรามีคิวได้สัมภาษณ์พูดคุยกับสาว กรีน อัษฎาพร ในฐานะนักแสดงอิสระที่ตอนนี้ได้โผล่มาร่วมงานละครเรื่องแรก หลังจากที่เป็นนักแสดงอิสระกับทางช่องวัน ในละครรีเมคชื่อดังอย่าง แก้วลืมคอน ซึ่งตอนนี้ก็ใกล้ได้เวลาที่จะได้พูดคุยสัมภาษณ์อัปเดตเรื่องราวชีวิตของเธอกันแล้ว
สารภาพตามตรง แอบตื่นเต้นเล็กน้อย เพราะยอมรับว่า สมัยที่กรีนเข้าประกวดเวทีหนึ่ง เราเคยแอบเชียร์สาวน้อยผอมสูง ผมสั้น ตาโต และยิ้มสวยคนนี้อยู่ห่างๆ คอยลุ้นว่าเธอจะผ่านเข้ารอบลึกได้แค่ไหน เพราะดูแล้วสาวน้อยคนนี้มีแววที่จะเฉิดฉายเป็นดาวประดับวงการบันเทิงได้
เมื่อถึงเวลา เราก็ทักทายกันพอหอมปากหอมคอ ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบ ให้เธอพักหายใจ จิบน้ำให้หายเหนื่อยก่อน แล้วค่อยเริ่มงานกัน พร้อมกับส่งคำถามแรกให้กับสาวกรีนได้ตอบเราว่า
นักแสดงอิสระเนื้อหอม
พอมาเป็นนักแสดงอิสระแล้วเนื้อหอม มีแต่คนส่งบทดีๆ มาให้กรีนเล่น ถามจริง กรีนตัดสินใจยากมั้ยในการเลือกบทที่จะเล่น งานนี้นางเอกสาวหัวเราะเสียงดังก่อนจะตอบคำถามนี้ของเราว่า
"ก็น่าจะเป็นดาราทุกคนที่ออกมาเป็นฟรีแลนซ์ก็น่าจะเนื้อหอมนะคะ แต่ ณ ตอนนั้น กรีนจะมีพี่ผู้จัดการที่ช่วยดูเรื่องบท เรื่องคิว สกรีนอะไรต่างๆ ให้
...
วันนี้เราออกมา เราอยู่ในวงการมาประมาณนึง แล้วเราก็มีสังกัด อยู่ในสังกัดมา 7 ปี พอออกมาเป็นอิสระก็ต้องดูแลทุกอย่างด้วยตัวเอง ก็จะไม่มีใครดูเรื่องบทและเรื่องอื่นๆ ให้ ทำให้เราต้องเป็นคนที่รอบคอบและละเอียดมากๆ ขึ้น
แต่ถ้ากรีนสามารถรับได้ ก็อยากจะรับทุกเรื่องนะคะ (หัวเราะ) แต่มันเป็นไปไม่ได้ เราก็เลยเลือกรับที่เราเล่นได้ มันท้าทายกับเรา และแตกต่างไม่ซ้ำกัน จะได้เล่นได้หลายบทบาท
และมันต้องดูด้วยว่าเรามีคิวหรือเปล่า พอกรีนรับละครแต่ละเรื่อง กรีนจะอยู่กับมัน ใช้เวลากับมันเต็มร้อย อยู่บ้านก็เป็นตัวละครตัวนั้น รับเล่นแล้วก็ต้องรับผิดชอบ เพราะอยากจะทำงานออกมาให้ดีที่สุดค่ะ ตอนนี้ก็มีถ่ายอยู่อีกเรื่องอีกคือ กระเช้าสีดา"
สำหรับละครเรื่องกระเช้าสีดา เป็นการเล่นร้ายๆ แรงๆ ครั้งแรกของกรีน ทำไมเลือกที่จะเล่นร้ายๆ แรงๆ ในเมื่อบทนางเอกก็ยังเล่นได้อีกนาน ทำไมเลือกที่จะพิสูจน์ฝีมือตัวเองในบทบาทแบบนี้ เราได้รับคำตอบจากนักแสดงสาวคนสวยว่า
"คาแรกเตอร์ร้ายก็จริง แต่เราก็เป็นอีกตัวที่ดำเนินเรื่อง เราไม่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นนางเอก แต่ก็มีบทที่มีความหมาย กรีนก็เลยรับเล่น"
ย้อนถามไปถึงวันที่ต้องตัดสินใจออกมาเป็นนักแสดงอิสระ ถามจริงๆ กรีนลำบากใจมั้ย เพราะก็เล่นละครกับช่อง 7 มาตั้งหลายปี ซึ่งเรื่องราวการตัดสินใจเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ กรีน อัษฎาพร เล่าให้เราฟังด้วยน้ำเสียงที่จริงจังว่า
"ก็ลำบากใจอยู่แล้วค่ะ แต่ก็เป็นสิ่งที่กรีนคิดเอาไว้แล้ว แต่ก็มาถามตัวเองว่าจะเลือกทางเดินไหน เลือกทำไม เลือกเพราะอะไร พอเราชัดเจนในคำตอบ ความรู้สึกแบบนี้ก็หายไป เราก็ทำทุกอย่างที่ถูกต้องตามสัญญา ไม่ได้ข้ามขั้น ก็เลยไม่กังวลอะไร"
อยู่ที่ไหนก็เป็นนางเอกเบอร์ต้นของวงการได้
จากนั้นเราก็เลยถาม กรีน อัษฎาพร ต่อแบบคนอยากรู้ว่า แต่ถ้ากรีนยังอยู่ช่อง 7 ต่อก็เป็นนางเอกเบอร์ต้นๆ ของช่องอยู่นะ งานนี้เราได้รับคำตอบด้วยน้ำเสียงที่จริงจังอีกครั้งว่า
"อยู่ช่อง 7 ก็เป็นนางเอกเบอร์ต้นๆ ถ้าออกมาเป็นนักแสดงอิสระ กรีนก็มั่นใจว่าจะเป็นนางเอกเบอร์ต้นๆ ได้เหมือนกันค่ะ (ยิ้ม) ส่วนดราม่าเรื่องไม่ต่อสัญญาของกรีนไม่ค่อยหนัก กรีนมองว่ามันเป็นเหมือนการย้ายที่ทำงาน ย้ายบริษัท อยากจะไปโตที่บริษัทอื่น อยากเปลี่ยนตำแหน่งหน้าที่ก็ไปอยู่ที่บริษัทใหม่ ก็คิดแบบนี้ค่ะ
...
ส่วนใครที่ยึดติดว่าเราคือนางเอกช่อง 7 แล้วไม่เข้าใจมันก็มี บางคนที่เขาเป็นแฟนละครช่อง 7 กรีนไม่ว่า กรีนเข้าใจ แต่เขาอาจจะไม่รู้เบื้องหลังการทำงาน เบื้องหลังชีวิตของกรีน ก็อาจจะมองในฐานะคนดู กรีนรู้ว่าเขาไม่ได้มีเจตนาร้ายใดๆ แต่เขาก็คงอยากจะดูกรีนเล่นอยู่ช่อง 7
ทุกวันนี้แม้จะออกมาแล้ว ไม่ต่อสัญญา แต่กรีนยังรักผู้ใหญ่ช่อง 7 เหมือนเดิม และพร้อมที่จะกลับไปทำงานกับช่อง 7 ถ้าผู้ใหญ่ในช่องให้โอกาสกรีน กรีนทำถูกต้องตามสัญญาทุกอย่าง กรีนออกมาจากช่อง 7 ไม่ใช่ว่าความสัมพันธ์ของกรีนกับช่อง 7 จะขาดสะบั้น"
คว้าโอกาสที่ได้รับแบบไม่คิดเยอะ
เมื่อก่อนกรีนเคยเล่าให้ฟังว่า เป็นคนที่เล่นละครได้แข็งเป็นธรรมชาติมาก จนมาถึงวันนี้กลายเป็นนักแสดงอีกคนที่ทุกคนอยากจะได้ตัวไปร่วมงาน มีฝีมือที่ทุกคนใหการยอมรับ รู้สึกอย่างไรบ้าง
"ผ่านมา 12 ปีแล้วกับการอยู่ในวงการบันเทิง จากวันแรกที่กรีนเคยเล่าว่าเล่นแข็งเป็นธรรมชาติมากจนถึงวันนี้ กรีนรู้สึกว่าตัวเองเดินทางมาไกลมาก ซึ่งในตอนนั้นกรีนก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองจะมาเป็นนักแสดงเลย แต่ตังหวะมันจับพลัดจับผลู ประกวดเอเอฟ ออกมาก็ได้เล่นละครเรื่องแรก ก็เล่นเป็นหินแบบธรรมชาติมาก (หัวเราะ)
...
แต่ตอนนั้นมันเป็นโอกาสที่ดีที่เข้ามา กรีนไม่อยากจะปฏิเสธมัน มันน่าลอง เพราะพื้นฐานกรีนเป็นคนชอบลองอะไรใหม่ๆ สวนทางกับคนอื่น คนอื่นไม่ทำ แต่กรีนอยากลองทำ
ก็ได้เล่นละครมาเรื่อยๆ จนจากที่เราเล่นไม่ค่อยดี ก็ครูพักลักจำมาเรื่อย ไปเรียนเพิ่มบ้าง ไปศึกษาเพิ่มบ้าง หรือที่กองสอนกันบ้าง พี่ๆ ช่วยสอน เราก็ค่อยๆ เก่งขึ้น มันก็ใช้ระยะเวลาในการฝึกฝนฝีมือให้กับตัวเองเหมือนกัน"
เพราะตัวเองยังเก่งไม่พอ
ผลงานที่ทำให้ทุกคนยอมรับฝีมือทางการแสดงว่า กรีนก็เป็นนักแสดงคนนึง ไม่ใช่แค่นางเอกที่มีหน้าตาสวยเท่านั้นแล้วมาเล่นละคร คือเรื่องอะไร งานนี้เจ้าตัวตอบแบบไม่ลังเลเลยว่า
"มาสเตอร์พีชที่คนยอมรับและพูดถึงก็คงจะเป็นเรื่อง ขมิ้นกับปูน นะคะ เรื่องนี้ทุกคนพูดถึงฝีมือเยอะ ตอนนั้นรู้สึกดีใจมากๆ และรู้สึกว่าเรารักอาชีพนี้ เราน่าจะเดินทางสายนี้ได้ ก็เลยตั้งมั่น มุ่งมั่นกับอาชีพนี้ดู ก็เลยอยากจะรับบทที่มันหลากหลายขึ้น หลังจากที่ได้เล่นเรื่องนี้ค่ะ
แต่กว่าจะมาถึงวันนี้ กรีนยอมรับนะคะว่ามีความท้อ หรือมีความรู้สึกว่าทำไมเราไม่มีโอกาสเหมือนคนนั้นคนนี้บ้าง มันมีอยู่แล้ว คนเรามีทุกข์มีสุขปะปนกันไปเป็นเรื่องธรรมชาติ
...
แต่ว่าเราก็จะหันกลับมาถามตัวเองว่าเป็นเพราะอะไร เราไม่มีความสามารถมากพอใน ณ ตอนนั้นหรือเปล่า หรือบทที่เราได้รับ มันยังเล่นไม่ดีมากพอ กรีนจะมองว่าตัวเองเป็นต้นเหตุของทุกสิ่งที่อย่างมากกว่า แล้วมาแก้ที่ตัว"
เราเลยถามกรีนแบบตรงๆ เลยว่า ความรู้สึกตอนนั้นเธอน้อยใจถึงขั้นไหน ถึงขั้นที่ไม่อยาจะเล่นละครต่อแล้วเลยหรือเปล่า ซึ่งเจ้าตัวรีบตอบเราว่า
"ไม่ได้รู้สึกอะไรมากมายขนาดนั้นค่ะ แค่รู้สึกว่า ถ้าเรายังทำได้ไม่ดีพอก็ยิ่งอยากจะทำให้มันดีขึ้นมากกว่านี้ อยากจะพิสูจน์ตัวเองมากกว่านี้"
คำตำหนิคือพลังให้สู้ที่ยิ่งใหญ่
แต่เอาตรงๆ ก่อนจะทำให้คนยอมรับ มันก็ต้องถูกตำหนิติติงมาก่อน ตอนที่ได้อ่านคอมเมนต์ที่คนติติงเรื่องการแสดง ตอนนี้รู้สึกอย่างไร บอกเลยว่าคำตอบของสาวกรีน ทำให้เราอึ้งไม่น้อยเลย
"แปลกมั้ย มันทำให้กรีนฮึกเหิมมาก (หัวเราะ) มันเป็นกำลังใจส่วนหนึ่งที่ทำให้เราสู้ต้องทำให้ดีกว่าเดิม ต้องทำให้ดีให้ได้ จนคนเริ่มเห็นความตั้งใจ และคนยอมรับ มีคำชมให้การแสดง ตอนนั้นหัวใจมันฟูมาก และอีกส่วนหนึ่งก็เป็นกำลังใจที่ทำให้เราหายเหนื่อย และอยากจะทำให้เต็มที่ดีขึ้นๆ ไปอีก"
ตามล่าความฝันที่ถูกฝังอยู่ในใจ
12 ปีที่ผ่านมา กรีน อัษฎาพร เล่นละคร สวมบทบาทการแสดงในบทต่างๆ เล่นละครจนคนลืมภาพเก่าว่ากรีนนั้นเคยเป็นนักร้องประกวดเอเอฟ 5 มาก่อน งานนี้เจ้าตัวหัวเราะ และเล่าเรื่องราวในช่วงชีวิตหนึ่งของชีวิตในการประกวดให้เราฟังด้วยน้ำเสียงที่มีความสุขว่า
"ตอนนั้นกรีนก็ไม่ได้ร้องเพลงเก่งนะคะ แต่เวทีเอเอฟเขาไม่ได้คัดแค่นักร้องอย่างเดียว เขาต้องการคนที่เป็นรอบด้าน ร้องเต้นการแสดง
ตอนนั้นอยากจะได้คนมีเสน่ห์ให้คนมาดู ไม่ใช่แค่ร้องเก่ง ต้องการคนหลากหลายมารวมกัน บางคนร้องได้ เล่นไม่ดี บางคนแสดงดี แต่ร้องไม่ได้มีหลากหลาย เพื่อทำให้รายการสนุก
ตอนที่อยู่ในบ้านเอเอฟ กรีนยังเด็กมาก แต่ก็สนุกมาก ไม่มีความกังวลใดๆ จะเครียดก็ตอนที่จะต้องขึ้นร้องบนเวที ครูจะบอกว่าเสน่ห์ของกรีนอยู่ที่ความเป็นคนสดใสร่าเริง เลยทำให้กรีนรู้ว่าที่ได้เข้ามาในบ้านเอเอฟ ไม่ใช่เพราะกรีนเป็นคนเสียงดี แต่เรามีเสน่ห์ตรงนี้
แล้วตอนที่ได้เข้ารอบ กรีนรู้สึกช็อกมาก เพราะมาปีแรกได้เลย เพราะบางคนเขามาหลายปียังไม่ได้เลย ตอนนั้นคนก็เข้ามาสมัครในเวทีนี้มาก ตอนที่กรีนเข้าไปออดิชั่น กรีนรอทั้งวันเลยกว่าจะได้เข้า พอเข้าไปไม่ถึง 1 นาทีเขาก็ให้ออก แต่กลับได้
ตอนที่อยู่ในบ้าน กรีนก็บ้าๆ บอๆ ของกรีนไป มีกระแสคู่จิ้น ดราม่าต่างๆ ที่เข้ามาหลังจากที่เราเข้ามาอยู่ในบ้าน ตอนแรกที่เจอก็งงๆ ตอนที่ครูมาเตือนว่าข้างนอกจะลุกเป็นไฟแล้ว ห่างๆ กันหน่อย กรีนก็ห่าง ทำตามที่ครูบอก
แล้วตอนที่ออกจากบ้านได้เจอแฟนคลับ ตกใจมาก เพราะแฟนคลับเยอะมาก ไม่คิดว่าจะมีคนเชียร์เราขนาดนี้ จากที่ไม่เคยมีแฟนคลับ ก็มีคนมาเชียร์ มาติดตามเรา ชีวิตเปลี่ยนไปเลย"
ถ้าวันนั้นไม่ตัดสินใจมาประกวดเอเอฟ ในวันนี้วงการบันเทิงของเราจะมีนักแสดงที่ชื่อว่า กรีน อัษฎาพร หรือเปล่า กรีนคิดอยากจะเข้าวงการบันเทิงหรือไม่ นางเอกสาวเล่าเรื่องราวในอดีตที่เคยเกิดขึ้นกับตัวเธอให้เราฟังว่า
"กรีนก็ไม่รู้เหมือนกันนะ เพราะเราก็ไม่ได้มีความคิดที่อยากจะมาทำงานในวงการบันเทิงเลย จริงๆ ตอน ม.3 เคยชนะการประกวดรายการหนึ่ง แต่พ่อกรีนไม่ให้ อยากให้เรียนให้จบก่อน กรีนก็เสียใจนะ ความคิดนั้นก็ฝังอยู่ในใจ
พอจบ ม.6 กรีนก็เลยไปประกวดดู เพราะพ่อเคยบอกว่า ถ้าเรียนจบจะให้ไปประกวด คือตอนนั้นก็คงอยากจะเข้าวงการแหละ แต่ไม่รู้ว่ามันเรียกว่าอะไร (ยิ้ม)"
ยึดคำสอนของพ่อแม่
12 ปีในวงการบันเทิง ก็ถือว่าอยู่มานานไม่น้อย เราอยากรู้ว่า วงการบันเทิงนี้ให้อะไรกับ กรีน อัษฎาพร นางเอกคนเก่งคนนี้บ้าง นอกจากเรื่องราวดราม่า หรือพวกข่าวฉาวต่างๆ ที่ได้เจอะเจอ
"กรีนมีความรับผิดชอบเร็วกว่าอายุจริงของตัวเองเยอะเลยค่ะ กรีนได้เติบโตเร็ว และได้ช่วยหาเงินให้ครอบครัวได้เร็ว ความรับผิดชอบมาอันดับ 1 เลย
ในช่วงที่เข้าวงการ กรีนอยากจะมีช่วงที่หลงและเหลิงไปกับชื่อเสียงบ้างนะ (หัวเราะ) แต่ว่าก็ไม่เคย เพราะว่ากรีนยังใช้ชีวิตเหมือนเดิม ต่อให้มีแฟนคลับมาติดตาม มาชอบเรา กรีนทำตัวเหมือนเดิม ใส่รองเท้าแตะ ไปกับแม่ ชีวิตประจำวันเหมือนคนทั่วไป
เลยไม่รู้ว่าจะต้องหลงหรือเหลิงไปกับชื่อเสียงทำไม ชื่อเสียงมันจะมาพร้อมกับช่วงที่เรามีกระแส คนสนใจ หรือดังจากบทๆ นี้ ก็ไม่จำเป็นว่าเราจะต้องทำตัวเปลี่ยนไป
และยิ่งวันนี้เราโตมาระดับหนึ่งแล้ว พอเราได้เห็นใครที่เป็นตัวอย่างที่ไม่ดี กรีนก็จะไม่เป็นแบบนั้น กรีนจะบอกกับตัวเองว่า ฉันจะไม่เป็นแบบนั้น ฉันจะไม่เป็นคนแบบนั้น
ถ้าวันนั้นได้มีผลงานแบบนั้น จะไม่เป็นคนแบบนี้ จะเป็นคนเดิม และจะดีขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำ มันมีตัวอย่างให้กรีน ต่อให้ไม่ได้ทำงานในวงการ เป็นพนักงานประจำ เห็นคนรอบตัว เห็นตามข่าว เราก็อย่าไปทำตัวแบบนั้น
และพ่อแม่สอนกรีนมาตลอด โดยเฉพาะพ่อจะบอกว่า จะดีจะชั่วก็อยู่ที่ตัวทำ จะสูงจะต่ำก็อยู่ที่ทำตัว กรีนจำมาตลอด มันคือเรื่องจริง อธิบายได้ทุกเหตุการณ์ อยู่ที่ตัวเราทั้งหมดว่าจะเลือกทำแบบไหน"
เรื่องแต่งงานยังอีกไกล
จากนั้นเราก็ต้องมาถามคำถามยอดฮิต นั่นก็คือเรื่องความรักของ กรีน กับหวานใจหนุ่ม ธันวา สุริยจักร ว่าความรักตอนนี้ของเธอนั้นเป็นอย่างไร
"ความรักตอนนี้ก็ดีค่ะ ปกติเรื่อยๆ (ยิ้ม) ส่วนเรื่องที่คนลุ้นคนเชียร์ก็ยังไม่รู้ว่าอีกกี่ปี เพราะตอนนี้กรีนอยากโฟกัสเรื่องงาน เรื่องธุรกิจ ตัวเขาเองก็อยากโฟกัสเรื่องงาน และกรีนก็เพิ่งออกมาเป็นอิสระ ก็อยากจะโฟกัสเรื่องงาน
เวลาโดนถามบ่อยๆ เรื่องเมื่อไรจะแต่งงาน กรีนก็ไม่เบื่อนะ กรีนพร้อมตอบ (หัวเราะ) ส่วนการโพสต์ภาพสวีตที่มีก็สร้างกระแสไปเรื่อย (หัวเราะ) อันนี้ล้อเล่นนะคะ
เราก็มีโพสต์บ้างแหละที่ต้องลงรูปให้แฟนๆ ที่เขาชอบเราได้เห็นรูปคู่บ้าง เพราะมีโดนทวงบ้าง เราก็บอกว่า ไม่มีรูปเลยค่ะ เพราะไม่ค่อยได้เจอกัน ไม่ได้ทำงานด้วยกัน
ส่วนเรื่องเซอร์ไพรส์ที่เขาทำให้ จนคนมองว่าเป็นการขอแต่งงานรึเปล่า คือก็เป็นแค่เซอร์ไพรส์เฉยๆ ไม่ได้ขอแต่งงานหรืออะไร
เขาแค่อยากเซอร์ไพรส์ ให้ดอกไม้ ก็หาวันอ้างๆ ว่าครบรอบ (หัวเราะ) เขาไม่ค่อยได้ทำอะไรเซอร์ไพรส์ ไม่รู้ว่าไปคิดอะไร แต่ไม่ได้ขอแต่งงานนะคะ
คือคู่กรีนเป็นคู่ไม่ค่อยหวาน แต่ธันวามีมุมแบ๊วๆ บ้าง เขาจะขี้อ้อนกว่า แต่กรีนจะห้าวๆ ความรักตอนนี้ก็รักกันมา 7 ปีแล้ว ยอมรับว่าเราก็มีทะเลาะกันบ้างแหละ แต่เราก็มานั่งคุยกัน เคลียร์กัน หาจุดตรงกลางให้กัน
ตอนนี้ก็ไม่ค่อยทะเลาะ พอโตขึ้นก็คุยกันว่าต้องหาเหตุผลมาคุยกัน ไม่เงียบไป คุยแบบผู้ใหญ่คุยกัน แรกๆ ก็ปรับเยอะ
เพราะนิสัยเราสองคนก็ค่อนข้างที่จะต่างกัน ก็ต้องค่อยๆ จูนกันเยอะเหมือนกัน ถามว่ามองถึงอนาคตมั้ย ตอนนี้มันก็โอเค ในอนาคตก็บอกไม่ได้"
ประเดิมละครที่บทบาทท้าทายความสามารถ
ได้กลับมาเล่นละครรีเมคอย่างเรื่อง แก้วลืมคอน อีกแล้ว ความรู้สึกเป็นอย่างไร ตอนที่รับเล่นแอบกดดันหรือกลัวอะไรบ้างหรือเปล่า งานนี้ กรีน อัษฎาพร ตอบกับเราว่า
"กรีนเล่นละครรีเมคมาหลายเรื่องแล้ว เลยไม่ค่อยซีเรียสเรื่องการเปรียบเทียบ หรือความกดดันเท่าไร เพราะรู้ว่าเป็นปกติที่คนจะต้องเปรียบเทียบ แต่ก็อยากให้คนดูเวอร์ชันนี้ด้วย เพราะมันจะเป็นอีกแบบหนึ่ง
เวอร์ชันนี้กับเวอร์ชันก่อนก็จะไม่เหมือนกัน และเราจะไม่แตะเวอร์ชันก่อน พอได้บทเรื่องนี้มา กรีนก็รับแบบไม่ลังเล เพราะถือว่าทางช่องวันก็ให้โอกาสนี้กับกรีนแล้ว
และกรีนก็เพิ่งออกมาเป็นพรีแลนซ์ เราก็อยากรับงาน และช่องวันที่เป็นช่องค่อนข้างใหญ่ และเรื่องนี้เป็นบทแฝด เป็นบทที่กรีนไม่เคยได้เล่นมาก่อน ก็เลอยากลองเล่นดู
พอเล่นแล้วสนุกดีค่ะ ท้าทายมากๆ ปรับตัวกับการเล่นละครมาก เพราะต้องหาคาแรกเตอร์ของ 2 ตัวละครให้ต่างกัน จะเล่นยังไงให้คนดูรู้สึกว่าไม่เหมือนกัน ต่อให้หน้าเหมือนกัน
พอเล่นเรื่องนี้แล้ว มีบางช่วงที่ยังไม่จูนกับตัวละคร ก็ไปเวิร์กช็อปบ้าง มีแอคติ้งโค้ช เพราะก่อนหน้านี้กรีนเล่นละครไม่เคยมีแอคติ้งโค้ชเลย ก็จะอ่านบทแล้วมาถ่ายเลย
แต่นี่ได้เวิร์กช็อปก่อน มันทำให้เราได้เห็นตัวละครชัดขึ้น เวลาเล่นก็ง่ายขึ้น ไม่เครียดเท่าไร ประสบการณ์เยอะ ได้เล่นอะไรที่หลากหลาย
ยังไงถึงจะเป็นละครรีเมค และเวอร์ชันก่อน พี่อ้อม พิยดา ก็เล่นไว้ได้ดีมาก แต่กรีนก็ยังอยากให้ทุคนได้ดูละครเรื่อง แก้วลืมคอน เวอร์ชันนี้ของพวกเราด้วย
เรื่องนี้พวกเราทีมงาน นักแสดงทุกคนเต็มที่มาก เรื่องนี้กรีนไม่เคยได้ถ่ายในเมืองเลย ต้องนั่งรถตู้ไปถ่ายต่างจังหวัดตลอด ซึ่งมันลำบากและเหนื่อยมาก เราถ่ายกันตั้งแต่เช้าจนเย็นยันดึก
กรีนอยากให้ทุกคนได้ดูเรื่องนี้ และเรื่องนี้มันเข้ากับสภาวะตอนนี้ที่ทุกคนเครียดกับโควิด ละครเรื่องนี้น่าจะทำให้คลายเครียดได้ และดูกันทั้งครอบครัวได้ สนุกด้วย เส้นเรื่องมีหลายอย่าง อยากให้แฟนๆ ได้ดูกันนะคะ".
ผู้เขียน : จันทร์เจ้าขา
กราฟิก : Jutaphun Sooksamphun