• งานแต่งงาน ไม่หรูอลังการแต่ ญาญ่า อุรัสยา ต้องมีความสุขที่สุด
  • ณเดชน์ เป็นคนเชื่อฟังแฟน ถ้าญาญ่าบอกไม่ ก็ต้องทำตาม 
  • แต่งตัวไม่เก่งแต่อยากทำแบรนด์เสื้อผ้าเป็นของตัวเอง

อ้ายคนหล่อลวง นักต้มตุ๋นสุดหล่อ

ถ้าจะพูดถึงพระเอกซุป'ตาร์อีกคนของวงการบันเทิงไทย คงมีชื่อของพระเอกหนุ่มลูกครึ่งสุดหล่อ มากความสามารถ อย่าง ณเดชน์ คูกิมิยะ เป็นลำดับต้นๆ ของวงการบันเทิง และนอกจากความหล่อและความสามารถของณเดชน์แล้ว เรื่องความรักกับนางเอกสาวญาญ่า อุรัสยา เสปอร์บันด์ คู่จิ้นที่ได้กลายมาเป็นคู่จริงก็หวานจนเป็นที่พูดถึงเหมือนกัน

วันนี้เราได้คิวทองของพระเอกหนุ่มรูปหล่อหน้าคมคนนี้มาให้มานั่งล้วง แคะ แกะ เกา เรื่องงาน ชีวิต และความรักกันทั้งที เราก็ต้องจัดเต็มกันหน่อย เพราะนานๆ จะได้นั่งคุยกันแบบสองต่อสอง จ้องตากันซะครั้งหนึ่ง แค่คิดก็ฟินแล้วเนี่ย

ถึงเวลาทำงาน พ่อรูปหล่อเดินออร่าสว่างไสวมาแต่ไกลเลยจ้า อุต๊ะ เจอกี่ครั้งความหล่อก็ไม่เคยลดน้อยลงเลย ณเดชน์เดินตรงมานั่งคุยกับเราพร้อมเริ่มงานกันทันที พระเอกพร้อม นางเอกพร้อม เอ้ย! คนสัมภาษณ์พร้อม ก็ลุยงานกันทันที

นาทีนี้ถ้าจะไม่ถามถึงเรื่องผลงานชิ้นล่าสุดที่หลายคนพูดถึงอย่างภาพยนตร์เรื่อง อ้ายคนหล่อลวง ของ GDH ก็คงจะไม่ได้ ซึ่งหนังเรื่องนี้ได้เปลี่ยนพระเอกรูปหล่อคนนี้เป็นนักต้มตุ๋นจอมหลอกลวงที่หล่อที่สุดเท่าที่เคยรู้จักมา ซึ่งณเดชน์ เล่าเรื่องนี้ให้เราฟังว่า

"ในที่สุดก็ได้มีโอกาสมาร่วมงานกับ GDH ก่อนจะรับเล่นเรื่องนี้ ผมก็ได้เข้าไปคุยกับทาง GDH แต่ก่อนที่จะเข้าไป พี่อ๋า ผู้จัดการบอกกับผมว่า ถ้าติดอะไร ไม่ชอบอะไร อย่าเพิ่งพูดตอนนั้นกลับมาบอกพี่ พี่จะคุยให้ แต่ณเดชน์ต้องเล่นนะ (หัวเราะ) 

พอได้คุยกับพี่เมษ ยิ่งรู้สึกว่ามันน่าเล่น มีอะไรให้ทำเยอะแยะไปหมด และพี่เขาบอกว่าไม่ต้องห่วงนะ จะไม่ทำให้คนดูเกลียดณเดชน์ ภาพของทาวเวอร์ที่ออกมาจะเป็นวัยรุ่นกวนโอ๊ยคนหนึ่ง ที่หลายๆ คนอาจจะไม่เคยเห็นผมในมุมแบบนี้มาก่อน

เพราะตัวตนของผมจะมีความคล้ายคาแรกเตอร์ตัวละครอยู่แล้ว คือตัวตนผมเรียบร้อยมาก มาเล่นเรื่องนี้ต้องไปเรียนการแสดงเพิ่ม เพราะมันยากมาก (หัวเราะ)

เล่นเรื่องนี้แล้วรู้สึกสนุก เพราะในละครเราไม่ได้เล่นอะไรแบบนี้อยู่แล้ว ได้เปลี่ยนตัวเอง ทรงผม เสื้อผ้า ไว้หนวดไว้เครา พูดจาหยาบคายบ้างบางที รู้สึกเหมือนได้กินอาหารใหม่ๆ มันท้าทาย มันอยากจะไปกองถ่ายทุกวัน อยากจะไปเป็นทาวเวอร์ 

ถ้าเราทำให้คนดูเชื่อและหลุดไปจากภาพลักษณ์ที่คนดูเคยดูเราได้ มันก็เป็นผลตอบแทนที่มหาศาลในอาชีพการแสดงของผม และเสียงหัวเราะจากคนดูที่ไปดูทาวเวอร์และหนังเรื่องนี้ แค่ 3 อย่างที่ผมบอกว่า มันก็ทำให้ผมรู้สึกประสบความสำเร็จจากหนังเรื่องนี้แล้ว

ตอนแรกที่ไปเข้ากอง รู้สึกกดดัน ฉากแรกก็ยากแล้ว แต่ผมก็คุยกับพี่เมษตลอดว่าเล่นแบบนี้โอเคมั้ย ได้ลองทำอะไรหลายๆ แบบ ตอนแรกที่ได้ลองเล่นอะไรฮาๆ ผมรู้สึกว่า เราจะไปถึงมั้ยนะ นึกภาพตัวเองไม่ออกพอไม่มีจินตนาการตอนแรกก็ไปไม่ถึง

แต่พอพี่เมษบอกว่าให้เพิ่มระดับ สมมติผมเล่นเบอร์ 2 พี่เมษบอกว่าเอาอีก เอาเบอร์ 8 เราก็งงว่าเบอร์ 8 เป็นยังไง ผมไม่ใช่พัดลมนะ (หัวเราะ) แต่ก็ลองทำ พี่เขาก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ก็ถ่ายเยอะๆ แล้วพี่เขาจะไปเลือกใช้ให้หนังดูสนุก ก็ทำให้ผมได้ประสบการณ์มากขึ้น ได้เรียนรู้จังหวะการเล่นคอมเมดี้ 

เพื่อนนักแสดง ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก พี่แหม่ม คัทลียา พี่เผือก พงศธร หรือพี่เต๋อ ฉันทวิชช์ เขามีของพวกนี้อยู่แล้ว แต่ผมติดดราม่า จังหวะการเล่นก็เลยช้า แต่เราได้ไปเวิร์กช็อปก่อนเล่น ไปละลายพฤติกรรม

ก็เลยทำให้สบายใจที่จะเล่นอะไรบางอย่างกับนักแสดงเหล่านี้ แม้คนอื่นจะเล่นแบบไม่ห่วงหล่อ แต่สำหรับผมทีมงานยังขอให้คงความหล่อเอาไว้อยู่ เพราะต้องหล่อและต้องลวงด้วย (ยิ้ม)"

ณเดชน์ คนรักแฟน 2020

จากนั้นเราพูดคุยกันต่อที่เรื่องความรัก ที่แสนจะหวานชื่นของ ณเดชน์ คูกิมิยะ และ ญาญ่า อุรัสยา กันต่อ ซึ่งต้องบอกเลยว่า นาทีนี้ความหวานของทั้งคู่ ทำแฟนๆ เป็นเบาหวานกันไปตามๆ กันหมดแล้ว ยิ่งคลิปเต้นของ ณเดชน์ ที่ไปเกาะขอบเวทีคอนเสิร์ตเชียร์แฟนสาวขึ้นเต้นแล้วด้วย ยิ่งทำให้ทุกคนต้องยกนิ้วให้พร้อมกับให้ฉายา คนรักแฟน 2020 ให้มาครอง ซึ่งณเดชน์บอกกับเราว่า

“ผมไม่เคยได้สัมผัสการได้เป็นคนดู เคยเป็นคนที่อยู่บนเวที แล้ววันหนึ่งความรู้สึกมันเปลี่ยน ไปดูแฟนขึ้นคอนเสิร์ตเป็นเกรซ ผมพร้อมมากเลย (ยิ้ม) แต่ไม่ได้ไปดูแค่ช่วงญาญ่านะ ไปดูตั้งแต่ต้นคอนเสิร์ตเลย ไปดูญาญ่าเต้น แล้วก็เต้นตาม (ยิ้ม)

แต่เขาไม่เห็นว่าผมเต้น และที่ผมเต้นเพราะผมอยากให้เขาเห็นผม (หัวเราะ) มันเป็นความฝัน เหมือนเราเป็นติ่งไปดู และพยายามเต้นแรงๆ เพื่อให้เขามองฉันหน่อยสิ อุตส่าห์เต้นแรง ปัญญาอ่อนมาก (ยิ้ม)”

แล้วรู้สึกอย่างไรที่คนให้ฉายาคนรักแฟน ดูสิ ณเดชน์จะตอบคำถามนี้ของเราอย่างไรกันนะ

“อืม ก็โอเคนะ (ยิ้ม) เขาอาจจะเห็นจากสื่อจากภาพจากอะไร ที่มันดูหวานคงเป็นเพราะว่าเราใช้เวลาทำอะไรด้วยกันเยอะ มากขึ้น ออกไปข้างนอกมากขึ้น รู้สึกว่าให้เวลากันมากขึ้น และด้วยความที่เราโตขึ้นแล้ว รู้จักกันมา คบกันมาก็นานแล้ว ก็เลยไม่ได้มีอะไรต้องมากั้น

ส่วนความรู้สึกที่ผมลงรูปภาพ เขียนแคปชั่น หรือคอมเมนต์ถึงเขา ลงเพราะอยากให้เขาเห็น จริงๆ ก็พูดก็บอกแบบไม่ได้ออกสื่อนะ แต่บางทีเราไม่ได้เจอกันเลย เขาทำงานอยู่ที่นึง เราทำงานอยู่ที่นึง 3-4 วันไม่ได้เจอก็เข้าไปคอมเมนต์บ้าง ลงรูปเขาบ้าง”

ถามจริง อ่านมาถึงตรงนี้ มีคุณแฟนๆ ของใครที่เป็นแบบพ่อหนุ่มแบรี่คนนี้ของน้องญาญ่าบ้าง โอ๊ย ผู้ชายแบบนี้ยังมีอยู่อีกไหมบนโลกใบนี้

เพราะดูเอาใจใส่และแสดงออกต่อคนที่รักออกสื่อมากขนาดนี้ เราเลยถามต่อถึงความเป็นผู้ชายโรแมนติกของณเดชน์ ว่าคงจะต้องเป็นคนโรแมนซ์มากๆ ใช่เลยปะตัวเองงงงง ดูสิจะตอบรับแบบตรงๆ เหมือนตอนบอกคิดถึงแฟนออกสื่อรึเปล่า

“เรื่องความโรแมนติก อาจจะมีผู้ชายโรแมนติกกว่าผม (ยิ้ม) แต่ถ้าถามว่าผมกับญ่าใครโรแมนติกกว่ากัน ก็คงจะเท่าๆ กันแหละ เราจะไปบอกว่าเราโรแมนติกกว่าเขาก็คงจะไม่ได้ (ยิ้ม)”

โอ๊ะ ไม่ติดนะถ้าจะบอกว่าโรแมนติกกว่าญาญ่าพี่ไม่ว่าเลย พูดมาขนาดนี้แล้ว พูดต่อเถอะพ่อคุณเอ๊ยยยยย แต่ที่แน่ๆ เราเห็นได้ว่าเวลาที่พูดถึงเรื่องหัวใจ น้ำเสียงและแววตาของณเดชน์เป็นประกายวิบวับและมีความสุขมากตอนที่พูดถึงเรื่องความรักของตัวเองกับญาญ่า

พี่อ๊อฟ พงษ์พัฒน์ ยังอยากรู้

และเราก็มาคุยในเรื่องที่หลายคนอยากรู้ ซึ่งบอกเลยว่า ขนาดผู้กำกับรุ่นใหญ่ฝีมือฉมังอย่าง อ๊อฟ พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง ยังอยากรู้และถามเรื่องนี้กับ ณเดชน์ คูกิมิยะ เช่นกันว่า “เมื่อไหร่จะแต่งงาน” ซึ่งคำถามนี้ เจ้าตัวถึงกับยิ้มๆ แล้วบอกเราว่า “พี่อ๊อฟ พงษ์พัฒน์ ก็ถาม ใครๆ ก็ถาม ไม่ใช่แค่นักข่าว ผู้ใหญ่เขาก็ถามกันเยอะ ก็ตอบไปว่า เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นครับพี่ (ยิ้ม)”

ณเดชน์ บอกเราอีกว่า “การแต่งงานมันมีดีเทลเยอะ แต่งเร็วหรือช้าไม่ใช่เพราะว่าตนเองนั้นยังฮอตอยู่ อีกอย่างยุคสมัยมันเปลี่ยนไป ไม่เหมือนสมัยก่อนที่แต่งงานแล้วจะไม่มีงาน ห้ามให้รู้ว่ามีภรรยา ยุคสมัยนี้คนมองและวัดกันที่ผลงานและวินัย บวกกับฝีมือ และถ้าวันหนึ่งเราพร้อม เขาพร้อม การเตรียมการวางแผนทุกอย่างมันพร้อมจริงๆ มันก็คงจะถึงเวลา

เราได้เรียนรู้กันมากขึ้น ได้เห็นกันมากขึ้น ก็ได้เข้าใจอะไรหลายๆ ที่เราอาจจะไม่เคยได้เข้าใจกัน พอมันได้มีเวลาได้อยู่ด้วยกัน ได้ใช้เวลาร่วมกัน มันเลยทำให้เรารู้จักกันและกันมากขึ้น และรู้จักตัวเองมากขึ้นด้วย ก็คงไม่ยากว่าเราจะอยู่กับคนนี้ต่อ หรือเลือกที่จะถอยหลังออกมา หรือเขาเลือกที่จะถอยหลังไป เพราะเราได้ใช้เวลาในช่วงนี้ด้วยกัน

ส่วนเรื่องงานแต่งที่ผมคิดและวาดภาพไว้ งานแต่งของเราไม่ต้องหรู อลังการ ลงทุนเยอะ แต่ผมต้องทำให้เขามีความสุขที่สุด มันต้องพิเศษ เขาต้องเดาไม่ได้ แต่ไม่รู้จะถูกใจไหม เพราะจิตใจผู้หญิงดั่งยิ่งน้ำลึกใต้มหาสมุทร (ระเบิดเสียงหัวเราะ) เราไม่สนใจ แต่จะทำให้ส่วนของเราที่คิดว่าใช่

แต่ผมไม่เคยพูดเรื่องเล่นๆ แบบนี้กับเขา ไม่พูดเล่น ไม่ล้อเล่นกับความรู้สึก แค่มีคุยๆ กันบ้าง ว่าตรงนี้สวยจัง เพ้อๆ กันไปมา จัดที่นี่ไหม แต่เรารู้ว่าเราจะไม่พูดเรื่องนี้เพื่อกดดันกันและกัน”

ตัดภาพมาที่คนนั่งสัมภาษณ์ นั่งเขินตัวบิด ยิ้มกว้างไปกับคำตอบของหนุ่มณเดชน์ ประหนึ่งฉันคือ ญาญ่า อุรัสยา แฟนสาวคนสวยของพี่แบร์เลยทีเดียว ต้องเรียกสติตัวเองกลับคืนมาให้เร็วที่สุด

ยกธงขาวยอมแพ้ หมาก-คิม

หวานจนค่าน้ำตาลในเลือดของคนนั่งสัมภาษณ์พุ่งทะยานจนขีดสุดกันเลย แต่งานนี้ ณเดชน์ คูกิมิยะ กลับยกธงขาวขอยอมพ่ายแพ้ให้กับคู่ของเพื่อนรักอย่าง หมาก-คิม หลังจากถูกคนแซวว่า ณเดชน์และญาญ่า แข่งกันหวานออกสื่อกับคู่ของเพื่อนซี้ ซึ่งงานนี้ณเดชน์รีบตอบก่อนเราจะถามจบเสียอีกว่า

“เราไปสู้คู่เขาไม่ได้หรอก เขาก็แบบ อื้อหือ ไปกินข้าวกับเขา ก็ได้แต่ถอนหายใจ (อิจฉา) หมั่นไส้สิ (ยิ้ม) ไม่สู้ครับ เราไม่สู้ความหวานกับคู่นั้นครับ”

ปั๊ดโธ่ ทำไมเรื่องนี้ยอมง่ายจังวุ้ย นึกว่าจะสู้ บลัฟๆ ใส่กันซะอีก แต่บอกเลยว่า ระหว่างที่พูดคุยกันเรื่องความรัก สายตาของณเดชน์นั้นเป็นประกายวิบวับไปด้วยความสุข มันแสดงออกมาจนเราสัมผัสได้ถึงความรักที่มีให้กับญาญ่า

ณเดชน์ คนเชื่อแฟน 2020

พักคำถาม ความอยากรู้เรื่องหัวใจกันไว้ก่อน ก่อนที่จะรู้สึกอิจฉา ญาญ่า อุรัสยา ไปมากกว่านี้ เราเปลี่ยนประเด็นมาที่ความเป็นพระเอกติดดิน บ้านๆ ง่ายๆ และแฟชั่นการแต่งตัวที่ทำเอาหลายคนสงสัยว่า นี่คือพระเอกซุป'ตาร์จริงหรือ งานนี้ เจ้าตัวคุยกับเราแบบเขินนิดๆ กับเรื่องสไตล์การแต่งตัวของตัวเองว่า

“เวลาคนเจอผมและถ่ายรูปมา ผมก็จะคิดแค่ว่าไม่น่าใส่ชุดแบบนั้นขึ้นรถไฟฟ้าเลย (ยิ้ม) คือผมเข้าใจนะ คนอาจจะคาดหวังเรื่องการแต่งตัวของผมเยอะ ด้วยยุคสมัยนี้ คนในสื่อส่วนใหญ่จะมีรสนิยมที่ทั่วๆ ไปที่หลายคนมองว่ารสนิยมแบบนี้คือดี แต่ผมรสนิยมไม่เหมือนคนทั่วไป เวลาผมแต่งอะไรผมก็เอาแต่ใจ แม่ก็บอก พี่ก็บอก เฮ้ย แต่งตัวดีๆ หน่อย ผมก็ไม่เอา ไม่สนใจ

แต่ถ้าญาญ่าเห็นผมแต่งตัวแล้วไม่เข้ากัน เขาก็จะมองหน้าแล้วส่ายหน้า ไม่ๆ เขาจะบอกว่ามันไม่เข้ากัน ก็บอกให้ไปเปลี่ยนชุดดีกว่า แต่ผมมั่นใจนะ แต่ผมก็ต้องไปเปลี่ยน ถ้าวันไหนแฟนบอกว่าแต่งตัวโอเค วันนั้นคือจบ ไม่ต้องห่วงเลย (ยิ้ม)”

โถ พ่อคุณ น่าเอ็นดูจริงๆ มั่นใจแต่ต้องเปลี่ยนถ้าแฟนไม่โอเค อนาคตได้เข้าไปอยู่ในสมาคมเดียวกันกับพี่อ๊อฟ พงษ์พัฒน์ แน่ๆ คอนเฟิร์ม

ผมไม่ใช่ผู้ชายติดดิน

จากนั้น ณเดชน์ เล่าถึงสาเหตุของความเป็นคนที่มิกซ์แอนด์แมตช์เสื้อผ้าของตัวเองไม่ค่อยเก่งนั้น เป็นเพราะเวลาไปถ่ายละคร จะใส่แต่เสื้อยืดและกางเกงขาสั้น ถ้าไปถ่ายต่างจังหวัด 5 วัน ก็มีเสื้อ กางเกงขาสั้น มีเสื้อกันหนาว ถุงเท้าสั้นๆ และกางเกงชั้นในไป 5 ตัว เพราะจะใส่เสื้อผ้าเฉพาะตอนนอน ตื่นเช้าไปกอง ก็ต้องถอดแล้ว

กลับถึงที่พักก็อาบน้ำนอน เลยไม่ค่อยชินกับเรื่องเสื้อผ้า เลยมิกซ์แอนด์แมตช์ไม่ค่อยเป็น แต่ถ้าเป็นสไตล์ที่ตัวเองเคยใส่บ่อยๆ อย่างยีนส์ เสื้อเชิ้ต เสื้อยืด ขาม้า รองเท้าบูต ณเดชน์จะมั่นใจทุกครั้ง

แต่ถ้าต้องมาใส่แบบสตรีท หรืออิตาลี หรือแนวแฟชั่น แต่งแล้วรู้สึกไม่มั่นใจ ต้องไปเปลี่ยนใหม่ และสุดท้ายก็จบที่เสื้อยืดกางเกงยีนส์ พร้อมกับเล่าแบบขำๆ ต่อว่า ถ้าบางวันที่จัดเต็มคนก็จะทักว่าทำไมวันนี้แต่งตัวเยอะจัง เพราะคนไม่ชินตา

แต่เห็นเป็นคนแต่งตัวแบบนี้ ณเดชน์เคยบอกว่า มีคนจะมองว่าตนนั้นเป็นคนนำแฟชั่น แม้หลายคนจะบอกว่าไม่เข้ากันในเรื่องการแต่งตัว แต่ตนเองนั้นเคยคิดอยากจะทำแบรนด์เสื้อผ้า ด้วยการใช้พวกผ้าไทย ผ้าฝ้าย มาทำเป็นเสื้อผ้าในแบบที่ตนเองชอบ อยากเอาอะไรที่หลายคนลืมไปกลับมาอีกครั้งหนึ่ง

แล้วเวลาที่ณเดชน์ ได้ไปใช้ชีวิตแบบคนทั่วไปเขาทำกัน นั่งกินชานมที่ร้าน แต่งตัวง่ายๆ ไปขึ้นรถไฟฟ้าและในมือถือถุงมะขามป้อม รู้สึกอย่างไร ซึ่งณเดชน์เล่าถึงโมเมนต์ความรู้สึกนี้ให้เราฟังว่า ตนเองนั้นรู้สึกมันชิลมาก

แต่ถึงแม้ว่าบางครั้งตนจะใช้ชีวิตเรียบง่าย แต่บางครั้งก็รู้สึกอยากตอบแทนให้ตัวเองในบางสิ่งบางอย่างที่ใช้เงินซื้อเหมือนกัน ณเดชน์บอกว่าตัวเองนั้นไม่ได้ติดดิน จนลำบาก หรือสร้างภาพติดดินตลอดเวลา เพราะก็มีบ้างที่อยากนอนโรงแรมหรู อยากกินข้าวร้านดีๆ พาคนที่บ้านไปกินของดีๆ ไปนอนดีๆ

แต่ถ้าไปกับเพื่อนผู้ชาย ก็จะหาตามสไตล์ นอนอพาร์ตเมนต์ เอาฟูกมาปู นอนสบายๆ มันก็ขึ้นกับว่าใช้ชีวิตกับใคร ต้องดูแลใคร ก็เลือกปฏิบัติเอา

คำสอนของพ่อแม่

และเราจะเห็นได้ว่า พระเอกคนนี้ติดแม่ เชื่อฟังแม่ เป็นลูกชายที่น่ารักของแม่เสมอมา เราเลยแอบถามถึงการเลี้ยงดูลูกชายของแม่แก้วจากณเดชน์ ซึ่งณเดชน์เล่าเรื่องนี้ด้วยท่าทีที่จริงจังว่า

“แม่จะคอยสอนให้ผมต้องเป็นคนที่คิดให้เป็น ไม่ใช่คิดเรื่องคนอื่น แต่ให้คิดเรื่องตัวเอง ด้วยความเป็นเด็กผู้ชาย ก็มีบางครั้งที่ดื้อ เอาแต่ใจ บางครั้งจะเป็นคนค่อนข้างใจกว้าง ใจอ่อน ใจง่าย อะไรก็ได้สบายๆ อยากได้ก็เอาไป ไม่ได้ต้องการจะมีปัญหากับใคร ทุกอย่างคือไม่จำเป็นต้องเอาตัวเองเข้าไป

แต่เรื่องนี้บางครั้งก็เป็นผลลบของผม ผมเลยต้องคิดไตร่ตรองถึงความเหมาะสมและความถูกต้อง ทั้งของตัวเองและคนอื่นเพื่อไม่ให้เราถูกเอาเปรียบ ไม่เดือดร้อนเพราะคนอื่น

ส่วนพ่อจะสอนให้ผมรู้จักดูแลคนอื่น รู้จักซักผ้า ทำอาหาร และจะพูดเสมอว่าเราต้องเก็บเงิน พ่อจะชอบเก็บเหรียญสิบ เหรียญห้า เหรียญห้าสิบสตางค์ และหลังจากที่ผมมากรุงเทพฯ ในช่วงปิดเทอมพ่อก็จะให้เงินมา บอกว่า เห็นไหม แค่นี้ก็ได้หลายพันแล้ว ให้ไปฝากแบงก์

พ่อไม่ชอบฟังทีวีเสียงดัง ดูหนังก็จะเช่ามาดู ไม่ดูในโรงหนัง ไม่ชอบไปเที่ยว ชอบกินกาแฟ อยู่คอนโดฯ ไม่สุงสิงกับใคร สไตล์ญี่ปุ่นมั้งครับ ข้าวเช้า ข้าวเที่ยง ไม่กิน มากินข้าวเย็น ถ้าแม่อยู่ก็จะทำอาหารเตรียมของหวานให้

แต่วันนี้ที่พ่อเป็นอยู่ กลับสอนให้ผมเห็นว่า บางครั้งเราจริงจัง ซีเรียสกับอะไรบางอย่างเกินไป มันทำให้สิ่งที่เขามี หามาได้ มันพลาดโอกาสไปมันไม่มีประโยชน์เลย

ถ้าวันนี้เขาได้รู้ หรือถ้ามีโอกาสไปเที่ยวกับผม มันจะยิ่งทำให้ผมรู้สึกมีความสุขมาก แต่ทุกวันนี้ทำให้เห็นว่าคนที่จริงจังกับชีวิตมากไปจนไม่ได้ให้เวลากับตัวเองได้พักผ่อนหรือผ่อนคลาย มันไม่ดีเลย

เพราะเหตุนี้ผมเลยมีช่วงที่ทำงาน ช่วงพักเติมพลังให้ตัวเอง และผมไม่ค่อยแบกอะไรจากที่ทำงานกลับมา เลยทำให้ไม่ค่อยเครียดอะไรครับ”

คุยกันมาจนถึงตรงนี้ เราได้ข้อคิดจากสิ่งที่ณเดชน์เล่าให้ฟังไม่น้อยในเรื่องของการบาลานซ์ชีวิต ซึ่งเราเชื่อว่าหลายคนอาจจะนำสิ่งที่พระเอกหนุ่มเล่าให้เราฟังไปปรับใช้กับชีวิตของตัวเองบ้าง

และเวลาของเราที่จะได้นั่งพูดคุยกันสองต่อสองก็หมดลง หมดเวลาการมโนเป็นญาญ่าของเราแล้ว แต่เราก็สัญญาว่าจะคอยติดตาม คอยเชียร์ และเป็นกำลังใจให้ณเดชน์ โดยเฉพาะความรักกับญาญ่า ลุ้นว่า เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น ของคู่นี้จะเป็นเมื่อไหร่ อีก 2 ปี อีก 6 เดือน หรือจะอีก 2 อาทิตย์ข้างหน้านะ อยากรู้จัง แต่ระหว่างที่รอดูวันวิวาห์ของทั้งคู่ วันที่ 3 ธันวาคมนี้ ไปดูหนัง อ้ายคนหล่อลวง ของหนุ่มณเดชน์กันนะจ๊ะ

เรื่อง : จันทร์เจ้าขา

กราฟิก : Sathit Chuephanngam, Jutaphun Sooksamphun

ช่างภาพ : เอกลักษณ์ ไม่น้อย