เป็นเรื่องเป็นราวให้ชาวเน็ตได้แบ่งทีมกันอย่างเห็นได้ชัด สำหรับกรณีของ ไมค์ พิรัชต์ และ ซาร่า คาซิงกินี กับการที่ฝ่ายไมค์ได้ไปยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอมีสิทธิ์ปกครองร่วมกับซาร่า

และหลังจากนั้น ทั้งคู่ก็ได้ออกมาชี้แจงในเรื่องราวต่างๆ ในมุมของตนเอง จะกลายเป็นกระแสวิจารณ์กันอย่างหนาหูถึงเรื่องนี้ และลุ้นว่าบทสรุปของเรื่องนี้จะลงเอยอย่างไร แฮปปี้เอนดิ้งหรือไม่

วันนี้บันเทิงไทยรัฐออนไลน์ เลยขอสรุปไทม์ไลน์เรื่องราวกรณีพิพาทของไมค์และซาร่าตั้งแต่เริ่มต้นให้ได้ทราบกัน แบบเนื้อๆ เคลียร์ๆ สั้นๆ และได้ใจความ ซึ่งเรื่องราวทั้งหมดมีดังนี้

1. วันที่ 14 กันยายน 2563 ไมค์ พิรัชต์ ได้เดินทางไปร้องต่อศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง เพื่อยื่นคำร้องขออำนาจปกครองบุตรร่วมกับ ซาร่า คาซิงกินี เพื่อขอให้ศาลพิพากษาให้เป็นบิดาโดยชอบด้วยกฎหมายของลูกชาย

2. ในวันเดียวกัน ซาร่า คาซิงกินี ได้โพสต์รูปคู่กับลูกชายพร้อมกับข้อความเขียนในทำนองที่ว่า จะไม่ยอมให้ใครมาพรากแก้วตาดวงใจไปจากแม่ และพร้อมจะสู้เพื่อให้ได้อยู่ด้วยกันเหมือนเดิม

...

3. วันที่ 15 กันยายน 2563 ไมค์ พิรัชต์ ได้โพสต์ข้อความเปิดเผยถึงเหตุผลที่ตนเองจะต้องไปยื่นคำร้องต่อศาล เนื่องจากตนอยากจะเป็นพ่อที่อยู่ในทุกช่วงชีวิตของลูก ไม่ได้อยากเป็นแค่พ่อที่จ่ายเงิน พร้อมทั้งอยากจะเซ็นรับรองบุตรอีกด้วย ก่อนจะยืนยันว่าตนไม่คิดจะพรากลูกไปจากอกแม่ แค่อยากมีสิทธิ์ปกครองร่วมกัน ไม่ใช่สิทธิ์ในการปกครองแต่เพียงผู้เดียว พร้อมทั้งบอกว่าไม่ได้เจอลูกมาหลายเดือนแล้ว และคิดถึงลูกมาก

4. วันที่ 16 กันยายน 2563 ซาร่าได้ไปเปิดใจที่รายการหนึ่ง พร้อมกับเผยถึงเหตุผลที่ตนต้องพาลูกกลับไปอยู่ภูเก็ตว่ารับไม่ได้ที่ไมค์ขอลดคุณภาพชีวิตลูก ด้วยการให้ย้ายโรงเรียน ลดค่าใช้จ่าย และย้ายออกจากคอนโดที่เคยอยู่กับลูก ให้ไปอยู่ห้องเช่าเดือนละ 4 พันบาท ขนาดห้อง 22 ตารางเมตร เนื่องจากไมค์มีปัญหาเรื่องเงินเพราะโควิดระบาดไปทั่วโลก ซึ่งตอนนี้ลูกชายได้ไปเรียนอยู่ที่ภูเก็ต ค่าเทอมเท่ากับโรงเรียนที่กรุงเทพฯ

5. ซาร่ายืนยันว่า ตนเองไม่เคยกีดกันลูกไม่ให้เจอกับพ่ออย่างที่ไมค์ให้สัมภาษณ์ พร้อมกับยืนยันว่า เมื่อวันเกิดลูกที่ผ่านมา ไมค์ก็ยังได้มาหาลูก และถ่ายรูปลงอินสตาแกรมของตัวเอง

6. ส่วนเรื่องการเซ็นรับรองบุตร ซาร่าบอกว่าตลอด 6 ปีที่ผ่านมา ให้สิทธิ์กับไมค์แบบเต็มที่มาตลอด ลูกจะรักเขาไม่ใช่ที่กระดาษแต่เป็นการกระทำ แต่ให้สิทธิ์การปกครองร่วมไม่ได้ เพราะมันจะมีปัญหากับการเซ็นเอกสารต่างๆ หากต้องรออีกฝ่ายที่ไม่ค่อยได้อยู่ที่ไทย จะทำให้ระบบชีวิตลูกรวน และซาร่ายืนยันว่าที่ผ่านมา ไมค์ พิรัชต์ เป็นพ่อที่ดี

7. ซาร่าไม่ขอตอบเรื่องข่าวตั้งท้อง โดยบอกแค่ว่าถ้าอะไรชัดเจนแล้วจะออกมาพูดความจริงทั้งหมด

8. ในช่วงเย็นของวันที่ 16 กันยายน 2563 ไมค์ พิรัชต์ ได้แถลงข่าวเป็นครั้งแรกกับกรณีดังกล่าว พร้อมเผยเหตุผลที่ทำให้ตนฟ้อง เพราะรู้สึกเหมือนถูกกีดกันไม่ให้เจอลูก และเมื่อถามถึงเรื่องโรงเรียนลูกไป ก็ไม่ได้รับคำตอบจากซาร่ากลับมา

9. ไมค์ พิรัชต์ ยอมรับขอลดค่าเทอมของลูกจริง เพราะโดนพิษโควิด ทำให้สถานการณ์การเงินไม่แน่นอน ค่าเทอมที่ต้องจ่ายปีละ 8-9 แสนนั้นคงไม่ไหว และขอลดค่าเทอมเหลือแค่เทอมละแสนกว่าบาท พร้อมทั้งเปิดเผยรายจ่ายให้กับลูกชายอยู่ที่ประมาณ 2 ล้านต่อปี

10. ไมค์เคลียร์เรื่องที่อยู่ของลูกว่าไม่ได้ให้อยู่ห้องเช่าเดือนละ 4 พัน แต่มีเรตราคาอยู่ที่ 4,800-13,000 บาท แต่กลับไม่ได้รับคำตอบ แต่ยืนยันว่าทุกที่ที่ตนส่งให้มีสภาพแวดล้อมที่โอเคทั้งหมด

11. ส่วนเรื่องคอนโด ไมค์ เคลียร์ต่อว่า ที่ต้องตัดคีย์การ์ดและน้ำเพราะไปที่ห้องแล้วเจอว่ามีคนอื่นมาอาศัยอยู่ในห้องของพี่ชายตน จึงแจ้งไปยังพี่ชาย

...

12. วันที่ 17 กันยายน 2563 ไมค์ พิรัชต์ ได้ไปเปิดใจในรายการหนึ่งอีกครั้ง ซึ่งทนายเจมส์ นิติธร ได้เปิด 6 ข้อเรียกร้องที่ซาร่ายื่นต่อศาลมีดังนี้
- ขอให้ไมค์ จ่ายเงินเล่าเรียนของลูกที่ตนเองได้จ่ายไปแล้ว ที่โรงเรียนนานาชาติภูเก็ตให้จ่ายคืนตนเอง และจ่ายค่าเทอมต่อไปในอนาคตลูก จนจบปริญญาเอก
- จ่ายค่าคนขับรถและพี่เลี้ยง จนกว่าบุตรจะช่วยเหลือตัวเองได้
- ให้จ่ายเงินเดือนให้กับ ซาร่า จากเดือนละ 3 หมื่น เป็น 5 หมื่น จนกว่าลูกจะมีรายได้หาเลี้ยงตัวเองได้
- ขอให้ซื้อบ้านหรือคอนโดในกรุงเทพฯให้ลูก
- ห้ามนำบุตรไปหารายได้เพื่อประโยชน์ของไมค์
- หากผู้ร้องนำบุตรไปหารายได้ ถือว่าเป็นปฏิปักษ์ต่อผู้ค้านร้ายแรง ผู้ค้านมีสิทธิ์กีดกัน จนกว่าจะสำนึกในการกระทำเท่านั้น

13. หลังจากที่ทนายเจมส์เปิด 6 ข้อเรียกร้องจากไมค์ของซาร่า ก็ทำให้เกิดกระแสวิจารณ์อย่างมากมาย และทำให้ ซาร่า คาซิงกินี ถูกชาวเน็ตเข้าไปคอมเมนต์ต่อว่า พร้อมทั้งถูกขุดเรื่องราวในอดีตออกมาอย่างมากมาย พร้อมกับบอกว่า ซาร่าทำให้ภาพของคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวต้องผิดแผกไป

...

14. ไมค์ พิรัชต์ ไม่ถือโทษโกรธคนที่ก่อนหน้านี้เคยวิจารณ์ตนในทางเสียหายเรื่องไม่มีความรับผิดชอบต่อลูกของตัวเอง เพราะที่ผ่านมาตนเลือกที่จะนิ่ง และไม่ออกมาชี้แจง หรือเปิดเผยรายละเอียดต่างๆ

15. คืนวันที่ 19 กันยายน 2563 เกิดเหตุการณ์ระหว่างที่ซาร่าไลฟ์สดแล้วบอกกับลูกชายว่า พ่อรักลูกมาก แต่ลูกชายกลับพูดว่า รักจริงเหรอ รักจริงหรือเปล่า ทำไมเตะออกจากคอนโด ซึ่งคลิปนี้ถูกเอามาเผยแพร่ในโลกโซเชียล และทำให้หลายคนต่อว่า และวิจารณ์ซาร่าอย่างหนักว่าสอนอะไรให้กับเด็ก 6 ขวบ ถึงได้มีความคิดและพูดแบบนี้ ซึ่งเรื่องนี้ทำให้ กอล์ฟ พิชญะ พี่ชายของไมค์ถึงกับเดือดและโพสต์โซเชียลต่อว่าอีกด้วย

16. หลังจากที่คลิปดังกล่าวเผยแพร่ออกมา ไมค์ พิรัชต์ ได้เห็นคลิปนั้น ก็บอกว่าไม่เป็นไร และโอเค พร้อมกับขอบคุณทุกคนที่เห็นห่วง ซึ่งหลังจากที่มีคลิปนี้ออกมา คนในครอบครัวก็ได้ดูแลไมค์อย่างใกล้ชิด

17. เพราะซาร่าถูกกระแสสังคมโจมตีอย่างหนัก จึงทำให้มีคนที่อ้างว่าเป็นเพื่อนของซาร่า ออกมาแฉพฤติกรรมของไมค์ และบอกว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นทำเป็นขบวนการเตรียมมาหลายเดือนแล้ว

...

18. คนใกล้ชิดซาร่าได้เปิดเผยว่า ซาร่าได้เตือนและบอกเพื่อนๆ ไปว่าไม่ต้องออกมาปกป้องตนเอง เพราะไม่อยากให้เพื่อนเดือดร้อน พร้อมกับเผยสภาพจิตใจของซาร่าว่าตอนนี้แย่มาก เสียใจ กดดัน และเครียดกับเรื่องที่เกิดขึ้น ก่อนจะบอกว่า ขอเวลารวบรวมเอกสารและหลักฐานที่มีก่อน และจะออกมาชี้แจงกับสื่ออีกครั้ง

19. วันที่ 6 ตุลาคม 2563 ซาร่า พร้อมด้วยทนายความคนใหม่ ได้มาแถลงข่าวพร้อมกับนำเอกสารและหลักฐานต่างๆ มาโต้กลับ ไมค์ พิรัชต์ ซึ่งมี เอกสารการเปลี่ยนข้อเรียกร้องทั้ง 6 ข้อก่อนหน้านี้แล้ว พร้อมกับยอมรับว่าก่อนหน้านี้ที่มีสัญญาดังกล่าวออกมา เป็นเพราะตนนั้นโกรธและเสียใจเมื่อเห็นหมายศาลมาที่บ้าน และข้อความแชตไลน์ที่คุยกับไมค์เรื่องโรงเรียนของลูก ที่ทางไมค์บอกว่า ซาร่าไม่ให้คำตอบเมื่อถามถึงเรื่องโรงเรียนของลูก

20. ซาร่ายอมรับตนเองนั้นมีลูกคนที่ 2 จริง ชื่อน้องเอมมิลี่ เป็นลูกสาวที่เกิดกับนายแบบหนุ่ม วาดิม พร้อมกับเผยข้อความแชตว่าตนเองและวาดิมจะจัดงานแต่งงานกันเมื่อวันที่ 2 เดือน 2 แต่ติดโควิด จึงทำให้ทุกอย่างเลื่อนออกไปก่อน และตอนนี้วาดิมก็ติดอยู่ที่ต่างประเทศ ทำงานเป็นนายแบบเซ็นสัญญาอย่างละ 3 เดือน

21. ซาร่ายืนยันไม่เคยสอนให้ลูกเกลียด ไมค์ พิรัชต์ หรือมีนิสัยติดหรูอย่างที่ชาวเน็ตวิจารณ์กันอย่างแน่นอน

22. ในเย็นวันเดียวกันหลังจากที่ซาร่าแถลงข่าว ไมค์ พิรัชต์ ได้โพสต์ข้อความลงในอินสตาแกรมของตัวเอง โดยบอกว่า ขอถอนสิทธิ์ปกครองร่วม เพราะไม่อยากให้ให้เรื่องราวยืดเยื้อ และส่งผลกระทบต่อหลายฝ่าย โดยเฉพาะลูก และจะเก็บเงินทุกบาทให้กับลูกเอาไว้มอบให้ตอนที่ลูกโต พร้อมขอให้เรื่องจบ ไม่อยากให้ลูกเจ็บปวดเมื่อมาเห็นข่าวแบบนี้ พร้อมกับบอกลูกชายว่ารักลูกชายคนนี้เสมอ