กลายเป็นประเด็นร้อน เมื่อ อ้อ พรรทิรา นันทเสน ภรรยาของ ติ๊ก มนัสวิน นันทเสน หรือ ติ๊ก ชิโร่ โพสต์เดือดออกตัวแรงอยู่ทีมนักร้องหนุ่มวัยรุ่น เก้า เกริกพล เพชรรัตน์ ซึ่งร่วมงานกับติ๊ก ชิโร่ และมีประเด็นร้อนกับนักร้องนักแต่งเพลงสาว เจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น เกี่ยวกับเรื่องโกงเงินค่าตัว แถมยังโพสต์ลอยๆ ด้วยคำพูดรุนแรง จนกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ ล่าสุด ติ๊ก ชิโร่ มาร่วมงานเปิดตัว Flagship Store สาขาใหม่ ชั้น 1 The Crystal Veranda นักข่าวเลยได้โอกาสถามถึงประเด็นร้อนดังกล่าว
ถามถึงเรื่องน้องเก้า เกริกพล?
“ก็ช่วยเหลือน้องเก้ามาตลอดระยะเวลา 1 ปี ตั้งแต่เป็นโค้ชน้องเก้าในรายการเดอะวอยซ์คิดส์ คือผมเห็นอะไรในตัวเค้า หนึ่งเค้าเล่นดนตรีตั้งแต่ 3 ขวบ แต่งเพลงตั้งแต่ 6 ขวบ และสร้างเพลงที่เป็นผลงานของเค้าเองในครอบครัว สิ่งสำคัญถ้าเป็นคนเก่งและเป็นคนดีก็จะยิ่งดี ถ้าเป็นคนเก่งแต่เป็นคนไม่ดีก็ไม่น่าส่งเสริม เก้า เกริกพล เป็นเด็กกตัญญู สามารถหาสตางค์ได้ตั้งแต่เขาอายุ 3-4 ขวบ เวลาไปเล่นที่ไหน เด็กอายุ 3 ขวบก็เป็นความมหัศจรรย์ที่จะร้องเพลง เล่นกีตาร์ และเต้นไปด้วย ผู้ใหญ่เลยให้ความเห็นใจ นิยมชมชอบ เพราะเป็นสิ่งน่ารัก บางวันเขาหาสตางค์ 3,000-5,000 บาท”
...
น้องเก้าเคยเล่าให้ฟังไหมว่าเคยได้เงิน 500 บาท?
“รู้ครับ ผมรู้ครับ (หัวเราะ) ผมรู้เหมือนที่ทุกคนรู้นั่นแหละครับ”
เรื่องที่น้องเก้าไปร่วมงานกับเจนนี่ พี่ติ๊กก็รับรู้ตลอด?
“ผมจำได้เลยครับว่าครั้งแรกที่ไปเจอน้องเก้าหลังจากที่จบเดอะวอยซ์คิดส์ เราไปเจอกันที่หาดใหญ่ เก้าก็พาพ่อกับแม่มาเจอด้วย น้องเก้าบอกผมว่าทางคุณเจนนี่เค้าขอให้ไปร้องเพลงด้วย ผมบอกว่าเก้าไปเลย อะไรที่จะเป็นประโยชน์สำหรับเก้า ที่จะก้าวเดินต่อไปอย่างมั่นคงทำเลย เพราะผมไม่เคยเซ็นสัญญากับเก้า มีแต่สัญญาใจ และไม่เคยได้รับเงินกับเก้าแม้แต่บาทเดียว มีแต่จ่ายให้เก้า
หลังจากนั้นเก้าบอกว่า ตอนนี้ยอดวิวได้เป็นสิบล้านวิวแล้ว จากแค่ไม่กี่สัปดาห์ยอดวิวสูงมากเลย ผมขอประกาศตรงนี้เลยนะครับ เพราะหลายท่านอาจจะยังไม่ทราบ ผมบอกเก้าว่า เก้าไปอยู่กับเจนนี่เถอะ เพราะว่าพี่เองก็ไม่แน่ใจว่าพี่จะสามารถทำให้เก้าประสบความสำเร็จได้แบบนี้หรือเปล่า เพราะจากนี้จากสิบล้านวิว มันขยับขึ้นไปเรื่อยๆ เพราะว่าพี่เองไม่อยากกักไม่ให้เก้าต้องก้าวเดินต่อไป ก็เลยบอกให้เก้าไปอยู่กับเจนนี่เถอะ เพราะว่ามันเป็นโอกาสดี แต่ว่าเค้าบอกว่าเค้าขออยู่กับพ่อติ๊กได้ไหม ผมก็บอกโธ่เก้า ไม่ต้องมาห่วงพ่อหรอก ไปเลยไปอยู่กับเค้าเลย แต่เค้าบอกว่าเค้าอยู่กับครอบครัวเค้าสบายใจ”
แต่ไม่คิดว่าจะมีปัญหาในเรื่องของส่วนได้ส่วนแบ่งใช่ไหม?
“อันนั้นผมไม่ทราบ ผมให้พ่อของเก้า แล้วก็เก้า เกมส์ พี่ของเก้า และเกด แม่ของเก้า ให้ไปจัดการกันเอง เพราะว่าเรื่องราวมันไม่ได้เกิดในตอนที่ผมเกี่ยวดองกับเขาด้วย ก็เลยให้สิทธิ์ในการจัดการในการดูแลให้เขาดูแลกันเอง และผมจะเป็นคนบอกว่าให้ใช้น้ำเย็นเข้าลูบนะ อันนี้ผมพูดแบบเจ๋งๆ เลย บอกว่าเก้า เราเป็นแบบนี้ก็ดีอยู่แล้วนะ ถึงแม้ว่าบางครั้งมันอาจจะไม่ค่อยสบายใจ อาจจะเจ็บปวดเล็กๆ
แต่ว่าความที่เราเป็นลูกผู้ชายอ่ะ เราก็สามารถสร้างงานต่อไปได้ อะไรที่มันแก้ไขไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ก้าวเดินทางต่อไป เดี๋ยวพี่ติ๊กก็แต่งเพลงให้เรื่อยๆ พี่ติ๊กมีห้องอัด เวลาที่เก้ามา ก็ไม่ต้องใช้ตังค์อะไร เกมส์-เก้ามาช่วยกันแต่งเพลง สิ่งที่ทำรายได้ให้กับเก้าและเกมส์ก็เป็นเรื่องของการทำงานในโซเชียลมีเดีย เพราะว่าเค้ามีแฟนคลับเยอะ ก็สามารถทำให้เขาได้มีสตางค์ใช้”
หลายคนให้ความสำคัญกับประเด็นที่ภรรยาของพี่ติ๊กโพสต์โซเชียลว่ามันแรงไปไหม?
“ต้องขอบอกอย่างนี้นะครับ เรื่องของอ้อ ภรรยาผม มันเป็นเรื่องที่นอกเหนือการจัดการ บางคนเล่นโซเชียลมีเดียในขณะที่ตัวเองเป็นตัวของตัวเอง แล้วก็ใช้วิจารณญาณของตัวเอง ส่วนผมเองก็เป็นคนที่ไม่เล่นโซเชียลมีเดียว่าใครด่าใคร แล้วไม่โพสต์ในแง่ลบ
แต่สำหรับอ้อ ถ้าผมจะพูดแบบเป็นกลาง ไม่ได้เข้าข้างอ้อนะ ก็เหมือนกับว่าอ้ออยู่ดูแลเก้ามาตลอด แล้วเขาเห็นว่าบางสิ่งบางอย่างมันเป็นความจริง เค้าโตมาจากเยอรมัน เพราะฉะนั้นความเที่ยงตรงเค้าค่อนข้างเยอะ ผมก็ตำหนิภรรยาผม ว่าอย่าใช้โซเชียลมีเดีย มันกลายเป็นว่าบางสิ่งบางอย่างมันทำให้อ้อไม่สบายใจ ถ้าอ้อรัก อ้อก็ลบมันออกไป เธอก็ลบนะ แต่อาจจะมีคนที่ไวกว่าแคปเอาอันนี้ออกไป”
...
เค้าจะมีการโพสต์อะไรอีกไหม?
“ไม่น่ามีนะครับ ไม่น่ามีอะไร ผมก็บอกว่าในโซเชียลว่าใครจะพูดอะไรก็ได้ ผมคิดว่าประเด็นที่มันทำให้เกิดเรื่องราวตรงนี้ คือคนบางคนที่อาจจะยังไม่เข้าใจความจริง แล้วก็ใช้อารมณ์เป็นหลักในการโพสต์ออกมา แล้วก็ไปด่าพ่อเก้า แล้วก็ด่าแม่เก้า ว่าผู้หญิงหน้าอวัยวะเพศ เพราะฉะนั้นเก้าก็เลยต้องออกมาพูด”
เรื่องนี้เลยทำให้หลายคนมองว่าทางพี่ติ๊กกับพี่อ้อกลายเป็นเข้าข้างเก้าไปเลย?
“ผมไม่ได้เข้าข้างใครนะครับ แต่ว่าความเป็นจริงมันจะถูกเปิดเผยออกมา อย่างเช่นตอนที่เก้าเค้าไปหาหนุ่มกรรชัย เค้าก็เลยแจ้งและแสดงให้เห็นว่ามันเป็นอย่างไร แล้วตอนนี้หลายๆ คนอาจจะเก่งกว่าผมแล้ว เร็วกว่าผมด้วยซ้ำไป ว่าตอนนี้มันมีอะไรบ้างเกิดขึ้น มันก็แสดงให้เห็นได้เรื่อยๆ
...
และในขณะที่เก้าไม่ใช่เป็นเด็กก้าวร้าว ไม่มีส่วนไหนที่แสดงให้เห็นว่าเค้าไม่น่าเอาเยี่ยงอย่าง เพราะฉะนั้นผมไม่พยายามที่จะโยงใยไปถึงตรงไหน แล้วนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ผมพูด ผมก็จะพูดในเรื่องของความเป็นจริงที่ไม่มีวันบิดพลิ้วได้ เพราะว่าผมอยู่กับเก้ามาตลอด และเราก็ได้สร้างงานมาด้วยกัน
และอีกเรื่องนึง วันนี้ผมแต่งเพลงสัญญาใจเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่ผมจะไม่ให้เก้าร้อง เพราะว่าผมไม่อยากจะทำให้เป็นกระแส เดี๋ยวจะหาว่าผมรังแกคนอื่นอีกแล้ว หาว่าผมเอาช่วงเวลาแบบนี้มาทำอะไรอีกแล้ว แล้วให้น้องเก้าร้องเดี๋ยวจะกลายเป็นประเด็น แต่ไม่นานนี้เราจะมีผลงานของน้องเก้าออกมา คือผมตั้งใจจะทำให้ตั้งแต่ก่อนจะเกิดวิกฤติโควิด-19 ตั้งใจจะพาเก้าไปถ่ายทำที่พัทยากับศิลปินคนหนึ่ง รับรองได้ว่าทุกคนจะตื่นตาตื่นใจกับโปรเจ็กต์นี้ครับ”
แล้วพี่ติ๊กมีการดูแลค่าใช้จ่ายอย่างไรบ้าง?
“ผมเคยชวนเก้าไปทำงานไม่ถึงครึ่งชั่วโมงแล้ว ผมให้เก้า 2,000 บาท เก้าบอกไม่เอา เราก็บอกว่าไม่ได้ ต้องเอาไปเพราะเก้ามาจากพัทลุง และผมก็ดูเรื่องค่าใช้จ่าย เรื่องค่าเช่าบ้านค่ากินค่าอยู่ ผมมีคอนเสิร์ตก่อนโควิดในหนึ่งปีที่ผ่านมา ผมไม่เคยได้เงินจากเก้าเลยสักสตางค์แดงเดียว ชวนไปเล่นคอนเสิร์ตก็จ่ายให้ 10,000 บาท วันไหนไม่มีคอนเสิร์ตก็เรียกมาให้เงินเฉยๆ บอกว่าให้เอาไปจ่ายค่าเช่าบ้าน แล้วก็แต่งเพลงกัน
เก้าก็มีแฟนคลับเยอะ เขาจะมีรายได้จาก TikTok อะไรที่เค้าทำกันในโซเชียล ผมสามารถบอกได้ว่าผมดูแลเก้ามาในระยะเวลาหนึ่งปีและมีคอนเสิร์ตทุกครั้งจะต้องหิ้วเก้าไปด้วย ตอนแรกที่เค้าเข้ามาในกรุงเทพฯ ผมซื้อจักรยานให้เก้าหนึ่งคัน ให้เกมส์หนึ่งคัน เพื่อให้เค้าเดินทางไปไหนมาไหนไม่เสียค่าแท็กซี่ อันนี้ก็เป็นจุดหนึ่งที่ผมดูแลเค้า รวมถึงเสื้อผ้าหน้าผม”
...
แล้วส่วนตัวพี่ติ๊กได้เข้าไปไกล่เกลี่ยให้กับน้องเก้ากับเจนนี่ไหม เพราะว่าตอนนี้เหมือนเรื่องมันบานปลาย มีการปรึกษาทนายแล้ว?
“ผมเป็นคนบอกเสมอว่าให้ใจเย็นๆ อย่าให้เป็นเรื่องเป็นราวกัน เพราะว่าบางทีเรื่องแบบนี้มันเดินทางจากจุดหนึ่ง ไปอีกจุดหนึ่ง ผมก็บอกว่าให้ใช้วิจารณญาณดีๆ อย่าเพิ่งไปบุ่มบ่าม พยายามที่จะไม่เข้าไปยุ่ง แต่มีอันนึงที่ผมอดไม่ได้ที่ต้องยุ่งคือผมกับพี่เอก (เอกชัย ศรีวิชัย) รักกัน อยู่รายการเดียวกันด้วย และเค้าก็ดูแลกันอยู่ใช่ไหมครับ อันนี้ผมก็กลัวอยู่ว่าเดี๋ยวพี่เอกจะเข้าใจผิดว่าผมไม่ยอมดูแล เป็นผู้ใหญ่ไม่ยอมไกล่เกลี่ย ผมอยากจะให้ทุกอย่างใสสะอาดก่อนแล้วก็ค่อยว่ากัน ตอนนี้สำคัญมันอยู่ที่เก้า กับพ่อแม่ของเค้า ที่โดนผลกระทบค่อนข้างเยอะ ส่วนผมไม่มีอะไรก็แบบว่านิ่งๆ ไป มีโอกาสทำงานอะไรก็ทำไป”
ยังไงฝั่งน้องเก้าก็คือจะฟ้องแน่ เพราะว่าตอนนี้ถึงขั้นปรึกษาทนายแล้ว?
“อันนี้ผมต้องบอกว่าอยู่ที่ดุลพินิจของพ่อกับแม่เค้า ให้เป็นการตัดสินใจของครอบครัวเค้า แต่ว่าถ้าสำหรับผม ติ๊ก ชีโร่ ไม่อยากจะให้เป็นแบบนั้น ไม่อยากให้มีการฟ้องร้องกัน แต่ถ้าเค้าเห็นว่า อยากรักษาสิทธิ์ของเค้า ซึ่งก็มีทนายกันอยู่ ผมก็เลยคิดว่าถ้าเค้ามีทนาย เรามีทนาย ก็ให้ทนายสองคนเค้าลองคุยกันดูสิว่าจะหาข้อสรุปอย่างไร ผมไม่แน่ใจว่าในข้อความออกไปขนาดไหน เพราะว่าทางฝั่งโน้นค่อนข้างนิ่งไม่อยากจะพูดคุยหรืออะไรอย่างนี้ อันนี้ผมขออนุญาตพูดเป็นกลางนะครับ”
ระหว่างพี่ติ๊กกับน้องเก้าที่ไม่เซ็นสัญญากัน หลายคนก็มองว่าอาจจะเกิดปัญหาและผลประโยชน์ในภายภาคหน้าเหมือนกรณีเจนนี่หรือเปล่า?
“โอ้โห เรื่องนี้ไม่ต้องห่วงเลยนะครับ สำหรับผมเนี่ย คือมันกินมันอยู่ดูแลกันขนาดนี้ไม่มีทาง แล้วก็มีวันนึงผู้สื่อข่าวที่น่ารักมาสัมภาษณ์เก้า ว่าถ้าต่อไปเก้าประสบความสำเร็จแล้วจะออกจากพ่อติ๊กไปหรือเปล่า เก้าบอกไม่มีทางครับผม เอาหัวเป็นประกัน ผมไม่มีทางออกจากพ่อติ๊กไปแน่ๆ ผมก็เลยบอกว่า เก้าอย่าพูดอย่างนั้น ถ้าสมมติ ถ้ามีโอกาสไปดี พ่อให้ไปแน่ ไม่ต้องห่วงผม ผมตอบคำถามให้ได้เลยว่าไม่ต้องกังวลเรื่องนั้น
ปีนี้ผมย่างเข้าเลขหกแล้ว ผมกำลังจะได้ทุกเดือนเดือนละ 600 บาท (หัวเราะ) เพราะฉะนั้นเก้าอายุแค่ 17 ปี ยังมีโอกาสอีกเยอะแยะมากมาย แล้วในฐานะที่ผมเป็นนักดนตรีเคยทำงานมามากมาย ในรายได้ผมไม่มีวันหรอกที่จะมาหากินกับน้องเก้า แล้วก็จะมาหยิบฉวยโอกาสชิ้นปลามันจากน้องเก้า ไม่มีทางครับ ผมก็ประกาศได้เลยว่าถ้าน้องเก้ามีโอกาสดีๆ ถ้าจะไปต้องดีกว่า”
เรียกว่าเชื่อใจน้อง?
“เชื่อใจน้อง ก็แต่งเป็นเพลงสัญญาใจไง (หัวเราะ)”
เพลงสัญญาใจแต่งขึ้นจากเรื่องนี้ใช่ไหม?
“อ๋อ ผมชอบตอนที่น้องเก้าเค้าพูดว่า นี่เป็นสัญญาใจ คือถอดเรื่องความรู้สึกก่อนนะ คือไม่ได้เกี่ยวกับน้องเก้าหรือคุณเจนนี่ แต่ผมชอบที่เก้าพูดว่าสัญญาใจอ่ะ มันเป็นคำที่ต้องแต่งอะ ผมเป็นนักแต่งเพลง ผมก็ต้องแต่ง สัญญาใจ ไม่ใช่สัญญาเกลือ อะไรประมาณนี้ (หัวเราะ)”
แล้วเพลงนี้ปล่อยเมื่อไร?
“ไม่ปล่อยแน่ (หัวเราะ) รอก่อน รอก่อน แต่ว่าใครอยากจะร้องก็ร้องเลย สระเอ ปอปลา สระอา มาร้องไหม (หัวเราะ)”
น้องเปา (เปา กิ่งกาญจน์) เหรอ จะชวนน้องเปามาร้องไหม?
“ไม่รู้สิ ใครอยากจะชวนมาก็มา เพราะว่าผมทำโครงการเพื่อนช่วยเพื่อนใช่ไหม ใครตกงานก็มา ใครไม่มีเวทีเล่น ผมมีเวทีให้เล่น ใครไม่มีตังค์ใช้ ผมมีตังค์ให้ใช้ ผมไม่ได้เรียกเค้ามา ผมแค่ถามว่าถ้าใครอยากชวนน้องเค้ามาก็ยินดี”.