ฝันกลายเป็นจริง!! หลังจากยึดเป็นไอดอล เป็นต้นแบบมาตั้งแต่เด็ก แต่จู่ๆ บอย อริย์ธัช พลตาล นักร้องนำวงโลโมโซนิก ได้มีโอกาสร่วมงานกับฮีโร่ในดวงใจ อย่าง โป่ง หินเหล็กไฟ หรือ ปฐมพงศ์ สมบัติพิบูลย์ ในโปรเจกต์ My Hero เพลง “ไม่ใช่ความรัก” เป็นเพลงที่โลโมโซนิกได้แรงบันดาลใจในการแต่งเนื้อเพลงจากเพลง เพื่อเธอ ของวงหินเหล็กไฟ ค่ายจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ร่วมกับ JOOX สร้างสรรค์บทเพลงโดนใจ “คนดังนั่งคุย” คว้าพี่โป่งและบอย มานั่งคุยกันแบบตาจ้องตา งานนี้เลยได้เห็นอากัปกิริยาหนุ่มลายสักลุคดิบๆ แต่เขินจนพูดไม่ออกเพราะได้พูดต่อหน้าคนที่ปลื้มมานานนั่นเอง
บอย “ทุกคนล้วนโตมาเล่นดนตรี โดยมีสักคนเป็นแบบอย่างหรือพูดง่ายๆ เป็นฮีโร่ของเรา ผมพูดยังเขินเลย (หัวเราะ) พูดต่อหน้าพี่โป่งด้วย ถามชอบใครก็เลยพูดชื่อพี่โป่ง หินเหล็กไฟ ชื่อแรก ตัวผมเองมีความผูกพัน มีพี่โป่งเป็นแบบอย่าง ที่โตมาเราอยากจะเป็นเราอยากเห็นชื่อตัวเองในปกเทป ปกซีดีบ้าง อาจจะไม่มีในสมัยนี้แล้ว คนอาจจะไม่ได้ให้คุณค่าหรือความสำคัญ เริ่มรู้จักซิงเกิล ซอง ไรท์เตอร์ นักร้องที่เขียนเพลงเอง ดีจัง แล้วยุคนั้นเราเคยชินกับระบบศิลปินก็ต้องไปเป็นเด็กปั้น สิ่งที่ผมมองเห็นอยากจะเป็น เป็นอีกแบบนึง ผมอยากสร้างงานได้ด้วยตัวเอง ได้ฟังคอนเซปต์แล้ว หน้าพี่โป่งลอยมาแต่ไม่รู้ว่าจะได้หรือเปล่า พี่เค้าจะรู้จักโลโมโซนิกเหรอ วงเรายังเด็กๆ อยู่แต่เรายอมรับสิ่งที่เราได้มาเต็มๆ ผมพูดบ่อยมาก ผมชอบความเป็นบทกวีเพราะเป็นนักอ่านคนนึง เป็นเด็กเนิร์ดคนนึง มีความผูกพัน สิ่งที่ทำให้ผมได้ใกล้ชิดกับหินเหล็กไฟมากที่สุด ตอนอายุ 7-8 ขวบ ผมอยู่ลำปาง หินเหล็กไฟ พูดแล้วขนลุก หินเหล็กไฟ ไปเปิดคอนเสิร์ตที่สนามโรงเรียนที่ผมเรียน คือที่โรงเรียนอัสสัมชัญ ลำปาง เป็นล้อมรั้วสังกะสีผมไปดูที่รูสังกะสีนั่นแหละ”
...
พี่โป่งถึงกับร้องฮะ บอยเล่าต่อ “ตอนนั้นเราเด็กมาก 7-8 ขวบ ดนตรีร็อกตอนนั้นมันครองเมือง ผู้ใหญ่ปรามๆ โตมาระวังอย่าไปเป็นแบบนี้นะ ตัดภาพมาตอนนี้ หนักกว่าอีก (หัวเราะ)”
พอรู้ว่าบอยเลือกพี่โป่งเป็นฮีโร่สำหรับเค้ารู้สึกยังไงบ้าง
พี่โป่ง “ก็รู้สึกดีใจสิ คนมาเลือกเรา มองเราเป็นแบบหรือชอบที่เราเคยทำมาแล้วดีใจแหละ เราไม่ได้คิดหรอกว่าจะไปไกลขนาด เป็นฮีโร่ในสายตาของใคร ในความหมายเป็นคำเรียกที่ให้ความรู้สึกชื่นชม ยกย่อง ปกติธรรมดาก็ต้องดีใจ คนมาชอบเรา”
ทำให้ตัวลอยมั้ย
“ลอยไม่ขึ้นสิช่วงนี้ (หัวเราะ) ดีใจ รู้ว่าเป็นโปรเจกต์ที่ทำหลายคน เพิ่งฟังเค้าเล่าเลย เพิ่งรู้ว่าแอบดูรั้วสังกะสี”
บอย “ถ้าเป็นลักษณะของ บอยเองอยู่ในจุดไฟส่องถึงเริ่มมีคนมองมาจะรู้สึกไม่ค่อยดี ถ้าเค้าจะเอาผมไปเป็นแบบอย่างในลักษณะรอยสักหรือว่า ความที่เห็นอยู่บนเวทีมันเป็นเพอร์-ฟอร์แมนซ์อย่างหนึ่งแต่ผมรู้สึก มันคงดีถ้ามีใครเข้าใจในสิ่งที่เราอยากจะทำ คือคุยหลายครั้งผมไม่ค่อยกล้าพูดหมด คือผมชอบความบทกวี เหมือนคนมาชื่นชมงาน ไม่ได้เอารูปลักษณ์ ที่แสดงออกไปให้มันดูมีฮาร์โมนี่ ความสัมพันธ์กับชิ้นงาน ผมว่าพี่โป่งน่าจะเสียใจ ถ้าผมไปทรมานผู้หญิง มันไม่ใช่เลย เราเรียนรู้จากเนื้อเพลง จากเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับคนรอบข้าง”
โป่งเสริม “ไม่ได้ขายภาพลักษณ์ ไม่ได้ขายหน้าตาไม่ต้องไปสนใจ อยากให้มองที่เนื้องานที่เค้าพยายามเขียน พยายามสร้าง บางทีก็เป็นเรื่องยาก คนชอบเค้าทำตามบ้างเป็นเรื่องป้องกันยาก ศิลปินพยายามอธิบายแหละ เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง”
บอย “จริงๆ สิ่งที่ควรจะเป็น เป็นวัฒนธรรมดนตรี พอประยุกต์ในบริบทของประเทศเรา ไม่ใช่ว่าเด็กรุ่นใหม่เป็นวัยที่ฉลาดมาก โลกเปิดกว้างมากกว่ายุคผมมาก ถ้าเสพอะไรใช้วิจารณญาณการประกอบ การเสพงาน เนื้องาน ในสิ่งที่เราส่งต่อ มันจะส่งผลดีในภาพใหญ่มาก”
พี่โป่ง “วงประเภทนี้ไม่ได้ขายหน้าตาอยู่แล้ว ล้อเล่นๆ”
พอพี่โป่งจ้องมองแววตาของบอยสิ่งที่เห็นคืออะไร
พี่โป่ง “มีความจริงใจ และภาพลักษณ์ภาพนอกไม่ได้บ่งบอกอะไร คิดไปอย่างนึงแต่พอเราได้คุยคนละแบบกัน ตอนแรกมองเค้าเหมือนขาโหดทั่วไป (เล่นเอาบอยขำก๊าก) เดี๋ยวนี้วงจะเป็นแบบนี้หมดแล้ว แต่ผมเจอมาเยอะแล้วแต่เค้าไม่ได้เป็นอย่างที่เห็น เค้าอาจจะชอบศิลปะการสัก เหมือนผมไว้ผมยาวเมื่อก่อน โดนมั้ย ขึ้นรถเมล์ คนชิ่งไปนั่งห่างๆ”
เค้านึกว่ามาเฟียรึเปล่า
“ไม่ใช่ เค้าคิดว่าคนบ้าหรือเปล่า (หัวเราะ) สมัยก่อนผมยาวไม่ได้รับการยอมรับ ก็คล้ายๆกัน เราเข้าใจ เป็นงานศิลปะ เป็นแฟชั่นเป็นไปตามยุคสมัย จิตใจคนเหมือนเดิมไม่เกี่ยวกัน มายังไงเป็นอย่างนั้น”
หลังจากพี่โป่งได้พูดคุยกับบอยได้เห็นความละมุนขนาดไหน
“เค้าเป็นคนดี ผมชื่นชมความคิดเค้า อย่างน้อยสุดพยายามทำงานเอง อันนี้ผมชอบอยู่แล้ว ผมสนับสนุนทุกคนที่ทำงานด้วยตนเอง ส่งเสริมทำให้เต็มที่ เค้าก็เรียนจบมาดีนะ ความคิดเค้าแสดงออกถึงจิตใจภายใน เดี๋ยวนี้คนมาดูรูปลักษณ์ภายนอก คนดูแค่เอามันส์กันแล้ว กระโดดบนเวที อยู่บ้านคงไม่กระโดดแบบนี้”
...
บอย “สิ่งที่สัมผัสได้ถึงแก่น ร็อกคือแก่นมากกว่า ผมรู้สึกว่างานของพี่เค้าต้องใช้คำว่าศักดิ์สิทธิ์ได้ เป็นครู มันไม่เคยเกิดขึ้นอันดับแรก ยิ่งคุย ยิ่งรู้เลย จริงๆแล้วแก่น คิดเหมือนกัน คนนิยามคำถามที่เจอบ่อย ร็อกคืออะไร ร็อกคือสีดำหรือเปล่า ร็อกคือผมยาวหรือเปล่า แต่สิ่งที่คิดคล้ายกัน แอตติจูด สิ่งที่ทำออกมาบนพื้นฐานจริงใจ ยิ่งได้มาเจอพี่โป่งเป็นคนทันสมัยมาก เป็นผู้ใหญ่เห็นผมทำงานแบบนี้จะบอกอีกแบบนึงจะปรามอย่าไปหนักมาก แต่เป็นพี่โป่งเอาเลย ผลักดันให้ไปมากกว่าเดิม ผมแอบตกใจ พี่โป่งเป็นวัยรุ่นคนนึง”
พี่โป่งเป็นแนวชอบเขียนเพลงเอง ร้องเพลง (นักเลงพอ)
“ใช่ๆ คนที่แต่งเพลงเองมีเยอะเหมือนกัน แต่อันนี้ใกล้กันมาก วิธีคิดมันใกล้กันมาก ตอนนี้ยังไม่ได้พูดภาษาดนตรีคือมีทายาท ผู้สืบทอดอาจไม่ใช่ขนาดนั้นแต่ต้องดูสิ่งที่เค้าพยายามทำต่อไป แต่ตอนนี้เราเห็นความคิดที่ใกล้เคียงกัน ไม่ใช่แค่การทำงานเชิงพาณิชย์ของบริษัทคือมันไม่ใช่แล้ว พอคุยมากกว่ากัน จริงๆมีช่องเดียวกัน ร่องเดียวกัน ภาษาเดียวกัน”
บอย “ผมว่าน่ารัก กว่าจะได้ดูใกล้ๆ จริงๆ อีก 20 ปีต่อมา ได้มาดูใกล้ๆที่พาร์คกิ้ง ทอยส์ แต่งานที่ทำให้เด็กๆอย่างเราได้เจอศิลปินรุ่นพี่ ได้ขอถ่ายรูปด้วยคืองานสีสันอวอร์ด ผมออกชุดแรกได้เข้าชิงศิลปินหน้าใหม่ยอดเยี่ยมของสีสันอวอร์ด ได้เจอพี่โป่งครั้งแรก ประมาณ 10 ปีที่แล้ว (พ.ศ.2553)”
ได้แนวทางดำเนินชีวิตมาจากพี่โป่งคืออะไร
บอย “ผมว่าเป็นร็อก ความเป็นพหูสูต ความเป็นกวี ความเป็นนักเขียน มันดีที่ถูกเห็นในถูกมุม”
กับช่วงโควิดที่ผ่านมากระทบกับอาชีพนักร้องนักดนตรี
...
บอย “ในเรื่องโชว์ 100% คอนเสิร์ต คนมาเจอคนไม่ได้ ย้ายไปออนไลน์ เป็นวิธีแก้ปัญหาเกิดขึ้นแต่โชว์ของโลโม ก่อนซีซันโควิดเราทำงานเสร็จแล้ว อัดเสียงเสร็จแล้ว ช่วงพีกๆ เราวางแผน แสดงออกได้ อย่างเพลงยังเป็นสิ่งที่มนุษย์ยังต้องการอยู่ คนยังฟังเพลงอยู่”
พี่โป่ง “งานโชว์เลื่อนไปหมด ไม่เป็นไร ตามนโยบายร่วมมือกัน เป็นโรคระบาด ผลกระทบทั่วหน้า บางทีเราไปเล่นการกุศลช่วยนักดนตรีที่แย่กว่าเรา จัด 2-3 ครั้ง รัฐบาลช่วยแต่มันก็ไม่ทั่วถึงเราหรอก ก็ยังมีคนที่ยังไม่ได้เงินช่วยเหลือ มันก็ต้องแลกกับเศรษฐกิจที่พัง ไม่ใช่แค่เราทุกที่ก็โดนเหมือนกันหมด อาชีพนี้ต้องเก็บ ไม่มีเงินเดือน ไม่มีสวัสดิการ ตอนนี้เห็นชัดมาก เจอวิกฤติไม่มีใครช่วยเหลือ”
บอย “ผมว่าเรื่องที่เกิดหลังจากนี้สำคัญ คนให้คุณค่าแบรนด์เนมน้อยลง สุดท้ายเห็นชัด ปัจจัย 4 สำคัญ ข้อดี สถานการณ์นี้คือคนยังต้องการเพลงอยู่ มันอยู่คู่มนุษย์ และพ่อแม่ปลูกฝังผมมาตลอด มีแค่ไหนอย่าเหลิงนะ เก็บไว้ตลอด ผมจะเป็นคนคิดอีกแบบเริ่มทำธุรกิจ ทุกอย่างมีต้นทุนนะ ไม่ได้มาตู้มแล้วได้ เราก็เลยต้องประหยัด ช่วงแรกๆ ช่วงพีกๆ ตั้งไว้ว่าใช้เงินไม่เกินวันละ 100-200 อยู่ได้ครับ ไม่อด ไม่ได้ขาดสารอาหาร”
โป่ง “อันนี้เป็นความคิดที่ดี ผมจะยกตัวอย่าง มือกลองผมเป็นคนชอบดื่ม เค้ายังกำหนดเค้าจะกินเท่าไหร่ กินไม่เกินนี้ แสดงว่าควบคุมตัวเองได้”
มุมรักครอบครัวของพี่โป่งที่บอยได้เห็นได้สัมผัส
บอย “อันนี้น่าชื่นชมครับ (หัวเราะ) อันนี้ต้องให้พี่โป่งเล่า”
ความเป็นสายร็อกถามพี่โป่งจริงๆ เป็นคนกลัวเมียขนาดไหน
...
พี่โป่ง “ใช้คำว่ากลัวไม่ได้ ครอบครัวต้องให้เกียรติกัน ไม่ใช่เรื่องของความกลัวหรอก ไม่กลัวอยู่แล้ว เราอยู่ด้วยกันต้องให้เกียรติกัน อย่าไปพูดถึงทำอะไรเลย บางทีเราพูดอะไรที่เราไม่ได้คิดเค้าก็เสียใจ เราก็ต้องแคร์แล้ว อยู่ด้วยกันบางทีลืมตัว ออกไปข้างนอกทำอะไรสนุกๆเลย แค่พูด คือเราเกรงใจ เราเคารพให้เกียรติกันดีกว่า เค้าก็เหมือนกัน ไม่ใช่เราให้ฝ่ายเดียว”
เห็นสายร็อกเกรงใจเมีย
โป่ง “เป็นคำที่คนเข้าใจง่าย ความจริงอย่างที่บอก อย่างโทรศัพท์เค้าดังผมยังไม่รับเลยเพราะเป็นเรื่องส่วนตัวเค้า รักษาระยะซึ่งกันและกัน”
บอย “ผมว่าความโรแมนติก ผมสัมผัสได้ ช่วงนี้มีเวลาทำงานด้วยกันขอคำแนะนำในชีวิตบ้าง พี่โป่งเป็นคนโรแมนติก เนี่ยคนชอบเอาประเด็นกลัวเมียมาเพราะมันขายได้ ดูตลก แต่จริงๆแล้วด้วยเพศสภาพ ผู้ชายแข็งแกร่ง เรามีกำลังมากกว่า เรามีเงินไม่ต้องง้อก็ได้แต่สิ่งเดียวที่เรายอมนั่นแหละ คือความรัก”
พี่โป่ง “สมัยที่เรายังไม่ได้แต่งงาน ไม่ต้องไปสนใจเรื่องอะไรเลยแต่พอเราแต่งงาน เราอยู่ด้วยกันเราต้องแคร์ความรู้สึกกันและกัน สิ่งที่เราไม่เคยรับเลยสมัยที่เรายังเป็นโสด ความอบอุ่นในครอบครัว เวลาเรากลับมามันโอเคมากนะ เวลาที่เราเหนื่อยๆ มีคนมาเอาอกเอาใจมาดูแล ผมว่าความรู้สึกมันต่างกัน ซึ่งเราไม่เคยสัมผัส พอเรามีครอบครัวมันจะสัมผัสได้ สมัยเราเป็นลูกเราไม่ได้รู้สึกอะไร พอเราเป็นฐานะหัวหน้าครอบครัว มันรู้สึกได้ คนโสดจะพูดอีกแบบนึงนะ”
ก่อนหน้าบอยขอแฟนแต่งงานมาพักใหญ่แล้วตอนนี้มีแพลนยังไงบ้าง
บอย “ไม่รีบครับ ผ่านมา 1 ปี ตอนแรกคุยกันก่อนโควิด ตอนนี้ตอบแบบดารา ขอโฟกัสที่งานก่อน (หัวเราะ)”
เกี่ยวกับโควิดทำให้เลื่อนแต่งหรือเปล่า
“น่าจะเกี่ยวเพราะว่าลักษณะงาน มันต้องเจอคน”
ถึงจะเป็นหนุ่มร็อกต่างวัยแต่มีความละมุนไม่แพ้กันจริงๆ!!