หลังจากที่หายหน้าหายตาไปนาน ล่าสุด ขวัญภิรมย์ หลิน อดีตดาราเซ็กซี่ ยอมใจอ่อนออกสื่ออีกครั้งหลังจากที่ไปใช้ชีวิตเป็นคนธรรมดา ล่าสุด เจ้าตัวได้เดินทางมาโปรโมตธุรกิจใหม่ที่ไทยรัฐทีวี

บันเทิงไทยรัฐออนไลน์ก็เลยไม่พลาดที่จะคว้าตัวของอดีตสาวเซ็กซี่เบอร์ต้นๆ ของวงการบันเทิงเมื่อหลายสิบปีก่อนมานั่งพูดคุย ซึ่งเจ้าตัวก็ได้พูดคุยถึงเรื่องราวในอดีตและปัจจุบันให้ฟังด้วยรอยยิ้มและน้ำเสียงที่มีความสุขว่า

ห่างหายไปนานเลย ทำอะไรอยู่ตอนนี้?
“ออกจากวงการไปก็ไปทำเสริมความงามอยู่ประมาณ 5 ปี หลังจากนั้นก็ไปมีครอบครัว มีลูก 2 คน ก็เลี้ยงลูกอยู่บ้าน ไม่ได้ทำอะไรเลย ส่วนมากก็จะไปช่วยเป็นที่ปรึกษาเวลาที่เค้าจะเปิดสปา วางงานว่าจะต้องมีอะไรบ้าง ทำอะไรบ้าง แล้วก็ไปเป็นล่ามแปลภาษาจีนให้กับหมอฝังเข็มด้วย”

ช่วงที่ตัดสินใจไม่ทำงานในวงการ มีความคิดถึงวงการบันเทิงมั้ย?
“เวลาดูละครก็คิดถึงบ้างค่ะ แต่ว่าด้วยความที่ตอนที่ออกไป เพราะตัวเองเบื่อเอง เลยออกไป เสร็จแล้วพอไปใช้ชีวิตอยู่ภายนอก จากตอนที่อยู่วงการ เวลาไปไหนก็จะเหมือนโดนนินทาตลอด คนซุบซิบนินทากัน อย่างพวกผู้ชายก็คงจะชวนกัน ชวนดูเรา จ้องเราอะไรประมาณนั้น

ก็เป็นที่สนุกสนานให้คนเอาไปล้อเราว่าเป็นพวกดาวโป๊ แต่พอออกจากวงการปุ๊บ เดินไปไหนก็ไม่มีใครจำได้เลย ก็รู้สึกว่า เออ เป็นคนธรรมดานี้แหละดีแล้ว สบายใจ 20 กว่าปี หลังจากออกจากวงการมา เดินไปไหนเป็นคนธรรมดาไปเลย ไม่มีใครจำได้เลย ชีวิตขวัญมีความสุขดีมากค่ะ (ยิ้ม)”

...

แต่อยู่ในวงการมันได้เงินดี ออกไปทำงานข้างนอกน่าจะเหนื่อยกว่า?
“เผอิญเป็นคนชอบค้าขาย ออกจากวงการก็ไม่ได้มีผลเรื่องทำมาหากิน เพียงแต่ว่า ถ้าอยู่ในวงการสื่อก็จะช่วยได้ มันจะเป็นที่รู้จักเร็วกว่าคนปกติธรรมดา แต่สำหรับเรามันไม่มีปัญหาเรื่องตรงนี้ ตอนทำงานอยู่ในวงการได้เงินเยอะก็จริง แต่ว่าเงินที่ได้มา มันทำให้ทุกข์

ได้เยอะนะตอนนั้นอ่ะ ทำงานทุกวัน วันนึงวิ่งรอบหลายงาน โชว์ตัวเอย ถ่ายหนังถ่ายละคร วันๆ นอนแค่ไม่กี่ชั่วโมง ได้เงินแสนเงินล้านมาเร็วมาก แต่ได้เงินมาก็ไม่มีความสุข เวลาเดินออกไปไหนก็จะโดนคนนินทาโดนเค้าดูถูกเสมอ”

คนชอบเรียกดาวโป๊ รู้สึกยังไงกับคำนี้?
“มันก็มีบ้างนะ พวกที่กล้าถ่ายโป๊แล้วก็มาในแนวไม่ดี มันมี แต่อย่างเรากับอย่างเพื่อนๆ หลายคน ยกตัวอย่างนะอย่าง น้อย ดาริน อย่าง แอน มรกต หลายๆ คนที่ยังชีวิตจริงเรียบร้อยกันหมดเลย ไม่ได้เซ็กซี่อย่างในภาพเลย จนเพื่อนๆ ยังล้อเลย ว่าเซ็กซี่กันได้ไง ภาพเวลาทำงานมันเซ็กซี่ได้ แต่ชีวิตจริงเราไม่ได้เป็นแบบนั้น”

เพราะอะไรถึงตัดสินใจรับงานเซ็กซี่ในตอนนั้น?
“เราไปรับถ่ายชุดว่ายน้ำของหนังสือคล้ายๆ พวกหนังสือสปอร์ตของเมืองนอก น่าจะเป็นฮ่องกง เค้าให้ใส่ชุดว่ายน้ำถ่าย ถ่ายแล้วก็เลยเอามาให้พวกพี่ๆ ที่รู้จักดู แต่ไม่ได้บอกว่าเป็นตัวเอง บอกว่าเป็นฝาแฝด เค้าก็บอกให้เอามาถ่าย เอามาปั้น พอเอาจริงๆ พอเค้าจะปั้น เราก็เลยต้องบอกเค้าว่าคือเราเอง ไม่ใช่แฝด เค้าก็เลยปั้นให้เหมือนพี่น้อย ดาริน เลยให้ถ่ายเซ็กซี่”

แต่ถ้าไม่เซ็กซี่ ก็อาจจะไม่ได้ดังเปรี้ยงปร้างมีงานทุกวันใช่มั้ย?
“ก็น่าจะอย่างนั้นแหละ เพราะเอาจริงๆ แล้วฝีมือด้านการแสดงไม่มีเลย ทำไรไม่เป็นเลยสักอย่าง ที่ถ่ายๆ นี่ได้แค่ภาพนิ่ง แต่พอเวลาพูดจานะ เป็นคนพูดไม่โอเค พูดให้รู้เรื่องก็เก่งแล้ว (หัวเราะ) คือเป็นคนพูดช้า พูดเนิบ แล้วก็สำเนียงก็ไม่ได้”

ผลงานชิ้นแรกที่ถ่ายเซ็กซี่ได้ค่าตัวเท่าไหร่?
“ตอนนั้นน่าจะสัก 300,000 หรือ 500,000 ไม่รู้ ไม่แน่ใจ เป็นจำนวนเงินที่มาถึงตัวเรานะ เค้ามีคนไปรับมาอีกที ส่วนที่ได้เยอะที่สุดก็ 700,000 ได้รถมา 1 คัน”

พอเริ่มมาถ่ายแบบก็เลยทำให้เป็นที่รู้จักของทุกคน มีชื่อเสียงในวงการ?
“ค่ะ”

เคยมีเสี่ยมาขอเลี้ยงมั้ย?
“ก็มีเรื่อยๆ นะ ผู้ใหญ่ที่หวังดีกับเราก็บอกมีผู้ใหญ่คนนี้เค้าชอบเรา เค้าจะรับเลี้ยงดูนะ เราก็ไม่เอา เค้าก็ด่า เค้านัดให้เจอผู้ใหญ่ ก็ไม่เอา เค้าก็บอกนิสัยแบบนี้ ชอบคบแต่เด็กๆ มันได้เงินได้ทองที่ไหน แล้วตอนนั้นมีแฟนอยู่เพียงแต่ไม่ได้เปิดเผย”

...

บางคนอาจจะมองว่าสบายถ้าให้เสี่ยเลี้ยง?
“เราหาเงินได้เยอะอยู่แล้ว ไม่ต้องง้อไง เพราะว่าเงินแสนเงินล้านมันเข้าทุกวันเลย มันง่ายมากหาเงินเนี่ย”

ตอนนั้นมีเงินเก็บสูงสุดเท่าไหร่ ถ้าหาเงินได้ง่ายขนาดนั้น?
“เงินแสนเงินล้านมีนะ แต่ว่าพี่เป็นคนที่ใช้เงินไม่เป็น เงินหมดไปกับการกินเที่ยว พอทำงานเหนื่อย ก็จะพากันไปนอนอยู่รีสอร์ตแถวระยอง พัทยา

ไปกินนอนขนเพื่อนกันไป แล้วเราก็จะเป็นคนจ่ายค่าทุกอย่าง จะไปกันอย่างนี้ตลอด ทำงานเหนื่อย แล้วก็หาความสุขให้ตัวเอง และยังเด็กด้วยไม่รู้จักเรื่องการลงทุน

ยังคุยกันเลยว่าถ้าสมัยก่อนซื้อไว้ป่านนี้คงเป็นเศรษฐี แล้วเริ่มเสียดาย เพราะว่าตอนนั้นเราหาเงินได้เยอะทำไมเราไม่รู้จักเก็บ ถึงบอกพ่อแม่มีส่วนสำคัญ ถ้าพ่อแม่ชี้นำทางลูกน่าจะสบาย แต่เผอิญพวกเราเป็นเด็กที่ออกจากบ้านมาอยู่กันเอง แล้วก็ไม่มีผู้ใหญ่ชี้นำ ก็เลยกินเที่ยวซะหมด”

ที่บอกอยู่ในวงการ เจอคนนินทา พูดไม่ค่อยดี มันรุนแรงถึงขั้นไหน ส่ิงที่คนอื่นเค้าทำกับเรา?
“เค้าทำให้เรารู้สึกว่าตัวเองไร้ค่า ไร้ความเป็นมนุษย์ เราด้อยกว่าคนอื่นเยอะประมาณอย่างนั้น จะรู้สึกอย่างนั้นตลอดเวลาที่อยู่ในวงการ แต่ว่าดีว่าหลังๆ พอทำงานไปเยอะๆ คนจะเริ่มรู้ว่าจริงๆ เราไม่ได้เป็นอย่างภาพลักษณ์ ทุกคนก็จะมีคำชม คำพูดที่ดีๆ ให้เรา

ทำให้มีกำลังใจมามากขึ้น ก็หันไปรับละครบ้าง ยังพอถูไถมาอยู่ระยะนึง แต่พอเอาเข้าจริงๆ แล้ว ถึงช่วงนึงก็รู้สึกว่า เล่นละครก็ไม่ได้ดีมาก เพราะตัวเองโดนเลี้ยงมาแบบลูกคนจีน ไม่เคยดูทีวี เลยไม่รู้สังคมภายนอก ก็จะไม่ค่อยเข้าใจบท เหมือนเด็กอนุบาลออกจากบ้าน”

...

แสดงว่าไม่โอเคกับคำว่าดาวโป๊เลย?
“ไม่เลย ไม่มีความสุขเลย”

เจอพวกหื่นเยอะมั้ย?
“ก็พอมี เจอตามงาน บางทีก็พูดตรงๆ อย่างเขียนจดหมายมาบนเวที ขอมีอะไร ก็จะพูดออกไมค์เลย ด่าออกไมค์เลย ว่าคนอื่นคิดกับเราอย่างนี้ แล้วเราคิดยังไง ตอบเค้าไปตามนั้นเลยว่าคุณดูถูกเพศแม่ของคุณ ผู้หญิงไม่ได้เหมือนกันทุกคน บางทีหน้าที่การงานเค้าเป็นแบบนั้นเฉยๆ แต่ชีวิตจริงเค้าก็ไม่ได้เป็นแบบนั้น บอกอย่าไปทำอย่างนี้กับคนอื่นนะ”

มีพระเอกมาจีบมั้ยในช่วงนั้น?
“มีแต่ไปจีบเค้าเอง (หัวเราะ) คือจะเป็นคนพูดกันตรงๆ เวลานั่งคุยกันแล้วความคิดตรงกัน อัธยาศัยไปกันได้ ก็จะคุยตรงๆ บอกไม่คบเล่นๆ นะ คบจริงจัง โอเคมั้ย ถ้าคบเล่นๆ อย่ามาคบ (หัวเราะ)”

ตอนนี้ลูกๆ โตเป็นหนุ่มเป็นสาวกัน หน้าตาสวยหล่อมั้ย ดูมีแววเข้าวงการมั้ย?
“(หัวเราะ) ก็มีแววนะ แต่ว่าเค้าไม่มีใครสนใจ”

ขออนุญาตถาม กับ เบิร์ด พิทยา ได้มีการติดต่อกับลูกๆ มั้ย?
“ติดต่อค่ะ แม้เราจะเลิกกันแล้ว ก็เหมือนญาติกัน เพราะว่ามันอยู่กันมานานก็เหมือนญาติ เค้ามีแฟนกี่คน เค้าก็ให้เรารู้หมด ก็คุยปรึกษากันตลอด แปลกตรงที่ขวัญเป็นผู้หญิงที่ไม่มีแฟนใหม่ของแฟนคนไหนเกลียดชังขวัญเลย แฟนเค้าทุกคนคุยกับขวัญได้ทุกคน บางทีก็โทรมาปรึกษาเราด้วยซ้ำ (ยิ้ม)”

...

ช่วยกันเลี้ยงลูกอยู่?
“จริงๆ ขวัญเลี้ยงเองอยู่แล้ว ลูกมาอยู่ด้วย แต่ก็แล้วแต่ลูก คือเราไม่ได้เลิกกันเพราะทะเลาะกัน เพราะฉะนั้นลูกก็ไปมาหาสู่ ก็ไปทั้งสองที่ แล้วแต่ บางช่วงเค้าเบื่อๆ ก็ไปอยู่เชียงใหม่กับพ่อ เบื่อๆ ก็มาอยู่กับแม่ แต่ช่วงนี้โตแล้วพอมาอยู่กับแม่ก็ติดแม่ ก็เลยไม่ไปหาพ่อ จนแม่ต้องไล่ไปหาพ่อบ้าง สงสารเค้า ไม่ไปนานแล้วนะ ก็จะบอกลูก ไล่ลูกไป”

กับเบิร์ดเลิกกันด้วยดี ไม่ได้มีปัญหา?
“เลิกกันด้วยดี ไม่มีปัญหา ที่เลิกน่าจะเป็นเรื่องการใช้ชีวิตมากกว่าที่ทะเลาะกัน เราทะเลาะกันเรื่องการเลี้ยงลูก วิธีการเลี้ยงลูกที่ทำให้ทะเลาะกันใหญ่โต นอกนั้นไม่มีปัญหา เค้าเป็นคนที่รักลูกมาก แล้วก็ไม่เคยสอน ไม่เคยด่า ไม่เคยว่าลูกเลย ซึ่งมันไม่ใช่ มันต้องสอน

ความคิดเค้าคือแบบว่าเดี๋ยวโตมาเค้ารู้เอง ไม่ต้องไปสอนไปว่าเค้า ซึ่งเราว่าไม่ใช่ ถ้าคุณไม่บอกเค้าตอนนี้ เค้าโตมาเค้าก็จะไม่รู้ ทำไมตอนนั้นเราทำได้ พ่อก็ไม่เห็นว่าเลย ก็เลยความคิดไม่ตรงกันเรื่องเลี้ยงลูกแค่นั้นเอง ก็เลยเกิดการทะเลาะกัน แค่นั้นเอง”

ช่วงที่คบเบิร์ดก็เป็นข่าวดังในช่วงนั้น รู้สึกยังไงบ้าง?
“(หัวเราะ) ไม่รู้สึกอะไรเลย ในเมื่อเราตัดสินใจจะคบก็ไม่เป็นไร ใครจะคิดยังไง ไม่รู้จะไปบอกคนอื่นยังไง มันชีวิตเรา เราก็เลยไม่ไปมองภายนอกเลยว่าใครพูดถึงเราว่าอะไร”

หลายคนมองว่าเบิร์ดดูเจ้าชู้?
“ไม่เลย เรียบร้อยมาก ทุกวันนี้ขวัญยังเป็นคนบอกกับแฟนเค้าทุกวันนี้ก็พูดตามความเป็นจริงว่าเบิร์ดเป็นสามีที่ดี เค้าจะไม่นอกลู่นอกทาง

อันนี้คือความสบายใจของคนเป็นภรรยาที่ได้สามีแบบนี้ ถ้าได้อย่างเบิร์ดคือ ไม่ต้องห่วงเค้า ไม่มีเรื่องเจ้าชู้ ไม่มีเลย ทำไมใครไปมองภาพเค้าเจ้าชู้ ไม่มีเลยนะ เค้าเป็นคนเรียบร้อยมาก

ยกตัวอย่าง อย่างตอนที่เค้าไปถ่าย ยังเป็นแฟนกับพี่กุ้ง (พี่สาวใหม่ เจริญปุระ) แล้วไปถ่ายละครในกองแล้วมีเรื่องกับนางเอกคนนึง นางเอกคนนั้นมาจีบเค้า เค้าก็ไปเล่าให้พี่กุ้งฟัง เรื่องถึงแดง

เค้าเป็นคนซื่อ ตรงๆ เลย ขนาดผู้หญิงระดับนางเอกมาจีบเค้า เค้าก็ยังไปบอกพี่กุ้งเลยว่าคนนี้มาจีบ เค้าเลยไปทะเลาะกันอยู่ในกอง”

แสดงว่าเค้าน่ารักมาก ขวัญถึงกล้าที่จะจีบ?
“พอคุย ตอนนั้นต่างคนต่างมีลูก พี่มีลูกคนนึง เค้าก็มีลูก 2 คน ก็เลยคุยกันเรื่องลูก ก็ดีเหมือนกันนะ เค้าก็มีลูก ก็จะเข้าใจมากกว่า ถ้าเราไปจีบหนุ่มๆ ที่ไม่มีลูก เค้าก็จะไม่มีประสบการณ์ของการเป็นพ่อแม่ เค้าก็จะไม่ค่อยเข้าใจ ก็เคยคิดว่าคนนี้แหละเหมาะก็เลยจีบเลย อยู่ด้วยกัน 5 ปี แล้วก็เลิก”

ต้องมาเป็นซิงเกิลมัม เหนื่อยมั้ย?
“ไม่นะ เป็นคนเลี้ยงลูกแบบสบายมาก ก็เลยไม่ได้มีปัญหาอะไรเลย เราเลี้ยงลูกแบบเรียบง่าย ใช้ชีวิตกันเรียบง่าย ไม่ใช้ชีวิตหรูหรา ใช้ชีวิตแบบชาวบ้านทั่วไป ก็เลยไม่ได้มีปัญหา”.