เป็นอีกหนึ่งคนบันเทิงที่ถูกวิจารณ์ในการแสดงความเห็นทางการเมืองในอดีต สำหรับ ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์ จนทำเอาหลายคนเริ่มรู้สึกผิดหวังในตัวของ ซันนี่ โดยเจ้าตัวได้ให้สัมภาษณ์ในเรื่องนี้ว่า 

ก่อนหน้านี้มันมีการขุดขึ้นมาเรื่องที่เคยมีดารานักแสดงหลายคนออกมาแสดงความคิดเห็นทางการเมือง เราก็เป็นหนึ่งในนั้น ตรงนี้มองยังไงที่ถูกขุดคุ้ยขึ้นมา?

"มันเรื่องของเค้าเลยครับ มันเป็นเรื่องของคนที่ขุด คือคนเรามันเข้าใจความคิดและวิธีคิดไม่เหมือนกัน เค้าจะพูดอะไรบอกอะไรก็ได้ หรือเค้าจะเข้าใจเราผิดหรือถูกแค่ไหนก็ได้ แต่ถ้าเรารู้สึกมั่นใจว่าเราไม่ได้ทำอะไรผิดและเราตั้งใจที่จะเป็นคนดีแล้ว เราจะแคร์ทำไมว่าคนอื่นจะมองเราดีหรือไม่ดี สำหรับผมนะ เพราะเรื่องที่คนมาทะเลาะกันหรือมีปัญหากันมันไม่มีใครคิดว่าตัวเองผิดหรอก ทุกคนก็ต้องคิดว่าตัวเองถูกและทำในสิ่งที่ถูกต้องอยู่ เพราะฉะนั้นมันเถียงกันไม่ลงตัวหรอกครับ ทุกคนล้วนแล้วแต่มีเหตุผลของตัวเอง"

เราต้องระวังเรื่องการแสดงความเห็นมากขึ้นด้วยไหม?

"ไม่รู้จะระวังตัวหรือเปล่า ก็ไม่รู้จะพูดอะไร ขอยกโค้ดคำพูดที่คีอานู รีฟส์บอกว่า ไม่รู้ว่าจะอธิบายตัวเองยังไง เพราะคนต้องการรู้สิ่งที่เค้าต้องการจะรู้แค่นั้นเอง เราก็ไม่รู้จะพูดอะไร"

...

ก็คือเราคิดว่าเป็นเรื่องมุมมองของแต่ละคน แล้วแต่คนอื่นจะมองยังไง?

"ใช่ครับ ก็คือถ้าหากเราตั้งใจจะเป็นคนดี และเราไม่ได้ทำอะไรไม่ดีกับสังคม ดังนั้นเราจะแคร์ทำไมว่าคนอื่นจะเห็นเราดีหรือไม่ดี เข้าใจผมใช่ไหมครับ อันนี้สำหรับผมนะ"

ก็ถือว่าเราเป็นประชาชนคนหนึ่งที่รู้สึกอะไรก็สามารถโพสต์ได้?

"ไม่รู้ว่าโพสต์ได้หรือโพสต์ไม่ได้นะครับ แต่มันก็คงไม่เข้าหูของคนคนนั้น ก็แค่นั้นเอง แต่คือถ้าจะมีปัญหา ผมรู้สึกว่าคนที่ปลุกปั่นให้คนทะเลาะอันนี้น่าจะต้องโทษเค้ามากกว่าอีก โทษกว่าคนที่บอกว่า ผมเข้าใจคุณไม่ทะเลาะกับคุณเพราะเรื่องนี้ คนที่ทำให้คนทะเลาะกันมันน่าโมโหกว่าอีก สำหรับผมนะ"

เราก็สามารถแสดงความเห็นได้?

"ก็มันคือประชาธิปไตย ใช่ไหมครับ ถ้าผมทำอย่างนี้ไม่ได้ก็ไม่ใช่ประชาธิปไตยสิ ใช่ไหม"

ตอนนี้สถานการณ์ด้านนอกก็เริ่มมีการรวมพลนักศึกษาอะไรต่างๆ ขึ้นมา เรากังวลไหมว่ามันอาจจะเกิดความรุนแรงมากขึ้นกว่านี้ในอนาคต?

"ก็อย่างที่ผมบอก ถ้าจะต้องโทษใครก็ต้องโทษคนที่ปลุกปั่นให้มันเกิด เพราะทุกคนก็ไม่ได้คิดว่าใครผิด เข้าใจใช่ไหมครับ คือ...ยุให้คนนี้ทำแบบนี้ไปทะเลาะกับคนนี้โดยที่ทั้งคู่ก็ไม่ได้คิดว่าผิด แล้วมันจะจบที่ตรงไหน ใช่ไหมครับ"

ตอนนี้เชื้อโควิด-19 ระบาดหนักมาก เราเลือกรับงานยังไง?

"ผมเข้าใจในทุกๆ ด้านเลยนะ แต่ก็ไม่อยากให้มานั่งไม่พอใจกัน ไม่นู่นไม่นี่กัน ทุกคนไม่มีใครมีเจตนาที่ไม่ดีหรอก ทุกคนก็อยากปกป้องตัวเอง ไม่มีใครแบบ 'เอาเว้ย! ติดกันให้หมด' เพียงแต่เค้ามีไลฟ์สไตล์มีชีวิตของตัวเองที่เค้าอยากจะเลือกใช้ ความเสี่ยงและการตัดสินใจของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ดังนั้นผมก็อยากให้เข้าใจกันมากกว่า"

รู้สึกเป็นกังวลมั้ย?

"ไม่หรอก ผมว่าไม่ว่าอยู่ที่ไหน จะซวยมันก็ซวยได้หมด มันไม่เกี่ยวกับว่าเราจะไปอยู่ที่ไหนหรือเจอใคร มันอาจจะเป็นแบบว่าเราถูกลอตเตอรี่ในแง่ไม่ดีมั้ง"

กระทบเรามั้ย?

"มีบ้างครับ อย่างเช่นงานภาพยนตร์ที่ต้องเดินทางไปถ่ายทำในต่างประเทศก็มีการเลื่อนออกไปแบบไม่มีกำหนด ดังนั้นเราก็ต้องอยู่กับปัจจุบันไปเรื่อยๆ คือเข้าใจได้"

เราก็ต้องระวัง?

"ไม่หรอก อะไรมันก็เกิดขึ้นได้ครับ"

อย่างคนในวงการบันเทิงที่เพิ่งกลับจากต่างประเทศ ก็เจอดราม่าเยอะเหมือนกัน เราได้มีการพูดคุยกันบ้างมั้ย?

"ไม่ได้เจอหรือพูดคุยครับ แต่ว่าเข้าใจได้ในทุกฝ่าย คือคนที่เสพข่าวอ่านแล้วเหมือนตัวหนังสือจะทะลุออกมา คนเราไลฟ์สไตล์มันไม่เหมือนกัน ผมไม่อยากให้คำว่า 'รับผิดชอบต่อสังคม' มาเป็นการบูลลี่ใคร คือคุณเอาคำนี้มาพูด เพราะคุณจะไม่ให้เค้ามีโอกาสในการเถียง คุณจะชี้ไปเลยว่าเค้าผิด แต่ในความเป็นจริงแล้วทุกคนก็มีไลฟ์สไตล์ชีวิตต่างกัน มันเป็นสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นหรือไม่เกิดขึ้นก็ได้ แต่คุณบูลลี่คนด้วยคำนี้ ถ้าเกิดคนหรือนักท่องเที่ยวเค้าอยู่ในประเทศกลุ่มเสี่ยง แต่เค้าดูแลตัวเองดี กลายเป็นว่าเค้าต้องรับผิดชอบต่อโลกต่อสังคมเหรอ มันก็ไม่ใช่ไง เราอย่าเป็นคนประเภทที่ เคยดูในคลิปตามต่างประเทศไหมครับที่มีคนต่างชาติบอกว่า 'ไอเอเชีย ไอโคโรนาไปไกลๆ' เราอยากเป็นคนแบบนั้นกันเหรอ"

...

ซันนี่กำลังจะบอกว่า มารยาท กาลเทศะเป็นสิ่งสำคัญ?

"ไม่ใช่หรอก ผมรู้สึกว่าดีไม่ดีสิ่งที่อันตรายกว่าไวรัสก็คือ การที่เราเหยียดกัน ทัศนคติด้านลบ หรือแม้ความโง่เขลาเล็กๆ น้อยๆ สำหรับผม ผมรู้สึกว่าอันตรายกว่าไวรัส"

แต่ตัวเราเองก็ติดตามข่าวอยู่เรื่อยๆ ใช่ไหมในโลกโซเชียลฯ?

"ต้องดูครับ เพราะเราเองก็ต้องเข้าใจทุกคน คือบางคนที่เค้าด่าไม่ใช่เพราะเค้าไม่มีเหตุผล เค้าด่าแล้วเราเข้าใจได้ อย่างที่ผมบอกทัศนคติ วิธีคิด และการรับความเสี่ยงของแต่ละคนไม่เท่ากัน ไม่มีใครมีเจตนาที่ไม่ดีหรอกครับ ไม่มีใครไม่อยากรับผิดชอบต่อสังคมหรอก แต่มันก็คือการวิเคราะห์ความเสี่ยงของชีวิตเค้าไง ชีวิตเค้าก็ต้องมี ไลฟ์สไตล์เค้าก็ต้องใช้".

...