เผยไม่ปิดกั้นเรื่องรัก อยากได้คู่ชีวิตที่สตรองเหมือน "แม่"

หล่อ...อ สาวกรี๊ด สาวหลงจนขึ้นแท่นคว้าตำแหน่ง “สามีแห่งชาติ” สำหรับพระเอกหนุ่ม ฟิล์ม-ธนภัทร กาวิละ ที่มาพร้อมด้วยความสามารถเต็มพิกัด กับการก้าวขึ้นเวทีคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งแรกในชีวิต “มาย บอยเฟรนด์ คอนเสิร์ต (My Boyfriends Concert)” พร้อมเหล่าสามีแห่งชาติรุ่นพี่อีก 10 ชีวิต ที่กำลังจะเกิดขึ้น 15 ธันวาคมนี้ ที่อิมแพค อารีนา เมืองทองธานี จัดโดยเน็กซ์ คอมพานี ที่สานฝันของหนุ่มฟิล์มให้เป็นจริง วันนี้ขออาสาคุ้ยแคะแกะเกาเอาคำตอบที่ทุกๆคนอยากรู้ มาจากปากของหนุ่มเนื้อหอมคนนี้มาฝาก ใน “คนดังนั่งคุย”

ความรู้สึกแรกที่เป็นหนึ่งในเหล่าสามีแห่งชาติที่ได้มาขึ้นคอนเสิร์ตครั้งนี้

“ดีใจนะครับ ต้องบอกก่อนว่าผมน่ะอยากมีคอนเสิร์ตใหญ่ที่เป็นตัวเองมานานแล้วเหมือนกัน อาจจะไม่ใช่คอนเสิร์ตของเราคนเดียว แต่จะเป็นคอนเสิร์ตของศิลปิน 11 ชีวิตแบบมาย บอยเฟรนด์ คอนเสิร์ต คือเราได้รับโอกาสจากทางเน็กซ์ คอมพานี ให้เป็นส่วนหนึ่งของคอนเสิร์ตอย่างเต็มรูปแบบในครั้งนี้ มันไม่ใช่เป็นแค่แขกรับเชิญเหมือนที่ผ่านมา มันเป็นความฝันของศิลปินหลายๆคนที่อยากจะมีคอนเสิร์ตใหญ่สักครั้งหนึ่ง และตอนนี้ฝันของผมเป็นจริงแล้วครับ ขอบคุณเน็กซ์ คอมพานี ที่ยังนึกถึงผม และให้ผมได้ขึ้นเวทีนี้ ยิ่งใหญ่มาก ศิลปินแต่ละคนก็สุดยอด เบอร์ใหญ่มาก ก็ทำให้ดีใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของคอนเสิร์ตในครั้งนี้ครับ”

จากสามีแห่งชาติละครมาสู่สามีแห่งชาติบนเวทีคอนเสิร์ตพร้อมมั้ย

“ประหม่านิดหน่อยครับ มันเป็นคอนเสิร์ตใหญ่มากๆ จัดที่อิมแพคฯ แน่นอนว่าจุคนดูได้เป็นหมื่น นอกจากจะเป็นแฟนคลับของศิลปินทั้ง 11 คนแล้ว ก็ยังจะมีส่วนของคนที่อยากมาดูคอนเสิร์ตนี้อีกส่วนหนึ่งด้วย มันเป็นอะไรที่แบบยิ่งใหญ่มากสำหรับผมจริงๆ” ปกติฟิล์มเป็นคนชอบร้องเพลงด้วยเหรอ “เป็นคนชอบร้องเพลงอยู่แล้วครับ มันมาจากการที่ผมดูละคร แล้วก็ชอบฟังเพลงประกอบละคร แล้วดันอินตาม ก็เลยชอบเพลงมาตั้งแต่เด็กครับ แต่ค่อนข้างที่จะไม่ค่อยมีพรสวรรค์เท่าไหร่ เป็นความชอบล้วนๆ (หัวเราะหนักมาก) ซึ่งก็ด้วยเพราะเรารู้ตัวแบบนี้ ก็เลยรู้สึกว่าเราต้องพัฒนาตัวเอง ได้ไปเรียนร้องเพลง ฝึกฝนตัวเองมาเรื่อยๆไม่เคยขาด ก็ถือว่าดีขึ้นมาเรื่อยๆ”

...

บนเวทีจะมีโชว์อะไรแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อนมั้ย

“ผมว่ามันเยอะกว่าทุกครั้งที่ผ่านมาแน่นอน แต่ก็ยังเยวๆเพราะสกิลการร้องเพลงเรายังไม่ถึงขั้นพี่ๆเขาเลย เขาเป็นศิลปินตัวจริงเสียงจริงกันทั้งนั้น ทำให้ผมต้องพยายามให้แบบว่าหนักกว่าเขาเพื่อที่ถึงวันจริงเวลาที่ต้องโชว์ร่วมกับพี่ๆบนเวที ตัวเองจะได้ไม่เป็นตัวถ่วง หรือภาระของคอนเสิร์ตนั้น แต่รับรองว่าเต็มที่แน่นอน” กดดันมั้ยเพราะเวทีนี้นอกจากพระเอกแล้ว เราต้องร่วมเวทีเดียวกับระดับนักร้องซุปตาร์ทั้งหลาย “ก็กดดันนะเพราะมันมีข้อเปรียบเทียบแน่ๆ อย่างท่านอื่นๆ ส่วนใหญ่เขาก็เป็นนักร้อง เขาเป็นศิลปิน แต่เราเป็นนักแสดง ซึ่งเราจะเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับเขาไม่ได้ คนละชั้นกันอยู่แล้ว แต่ในขณะเดียวกัน เราก็ต้องไม่เป็นตัวทำให้โชว์แต่ละโชว์ที่เราเข้าไปมีส่วนร่วมนั้นดร็อปลง ถึงต้องไม่เป็นตัวถ่วงเขาด้วยน่ะ จึงตั้งใจทำให้มันออกมาดีที่สุด”

เตรียมรับมือกับพวกเค้ายังไง

“อย่าใช้คำว่ารับมือเลยครับ ใช้คำว่าผมขอความช่วยเหลือดีกว่า คือถ้าเทียบกับความสามารถทางด้านร้องเพลงและการเอนเตอร์เทนคนดูทั้งฮอลล์นั้น ผมยังสู้เขาไม่ได้หรอก เอาเป็นว่าในเมื่อเรารู้ว่าเราด้อยกว่าเขา ก็เปลี่ยนจากการสู้ไปเป็นการขอความช่วยเหลือเขาดีกว่า ว่าช่วยสอนเทคนิคต่างๆให้ผมด้วย อะไรอย่างนี้จะดีกว่าครับ (555)” คิดว่าจะเอามุกไหนมาสู้นักร้องรุ่นพี่ๆ “ใจล้วนๆครับเพราะถ้าความสามารถเนี่ยคงไม่มีอะไรไปสู้เขาได้จริงๆ คือต้องใช้ใจล้วนๆครับ (ฮาฮาฮา) แต่อย่างที่บอกครับ ว่าต้องทำให้ดีทุกอย่าง เพราะคนดูเค้าเสียตังค์มาแล้ว เราก็อยากทำให้เขามีความสุขมากที่สุดครับ”

เห็นสมาชิกศิลปินแล้ว ต้องแบตเทิลกับใครเป็นพิเศษหรือเปล่า แล้วส่วนตัวอยากฟีเจอริงกับใคร

“จริงๆอยากฟีตกับพี่อ๊อฟมากๆ เป็นแฟนคลับของพี่อ๊อฟมาตั้งแต่พี่อ๊อฟประกวดร้องเพลงแล้ว เราฟังเขา เรารู้สึกชื่นชอบในความสามารถด้านการร้องเพลง การเอนเตอร์เทน และชื่นชอบในตัวตนของพี่เขาเองด้วย คือถ้าผมเปิดโทรศัพท์เนี่ย เพลงส่วนใหญ่จะเป็นเพลงของพี่อ๊อฟเกือบทั้งหมดเลย เราร้องตามได้เกือบทุกเพลง พี่อ๊อฟถือเป็นแรงบันดาลใจในด้านสายงานบันเทิงให้ผมได้ขับเคลื่อนดำเนินชีวิตในแวดวงบันเทิงนี้ได้ครับ”

เห็นมารี เบิร์นเนอร์ เข้ามาแซวในไอจี มาชมฟิล์มว่าน่ารักตัวลอยมั้ย กลัวกัน เดอะสตาร์จะหึงมั้ย มีเข้ามาแซวอะไรต่อมั้ย

“(หัวเราะลั่นดังมาก) พี่กันไม่ตอบคอมเมนต์นั้นด้วย เราลงรูปงานแถลงข่าว แล้วมารีก็เข้ามาแซว จากนั้นแฟนคลับของมารีก็เข้ามาเมนต์กันเต็มเลยทั้งแซว ทั้งชื่นชม ขำขันกันไป แต่พี่กันก็ยังไม่ตอบอะไรเลย”

จากฉายาสามีแห่งชาติ ตัวฟิล์มเคยโดนจู่โจมถึงเนื้อถึงตัวบ้างมั้ย

“เคยมีคนมาจู่โจมเหมือนกันครับ ครั้งหนึ่งที่งานอีเวนต์ คนที่ติดตามเราก็จะมีหลายประเภท อย่างคนที่จะเล่าคนนี้เขาคงไม่มีโอกาสที่จะเจอเราได้บ่อยๆ พอเจอ เขาก็เลยดีใจมากแล้วก็มาจับมือผมพร้อมกระชากแรงมาก ผมเกือบตกเวทีเลยตอนนั้น หรือบางคนตามไปถึงห้องแต่งตัวแต่ก็แค่เฝ้ารอ เราก็โอเค เพราะเค้ารู้ลิมิตว่าแค่ไหนพอ แต่บางคนก็ไม่ได้สนใจว่านั่นคือพื้นที่ส่วนทำงาน บางคนตามไปถึงที่ส่วนตัวมากๆ เราก็กลัวนะ ถ้าเกิดสมมติว่าเจตนาไม่หวังดี เรื่องไม่ดีร้ายๆ มันก็เกิดขึ้นมาได้ แต่ก็ขอบคุณแฟนๆที่เป็นแฟนคลับตัวจริงด้วยเหมือนกัน คือกลุ่มตัวจริงนี้เขาก็จะรู้ว่าใครมาในรูปแบบไหน เขาก็จะจัดการให้เราได้ในระดับหนึ่งเบื้องต้น ซึ่งก็ถือว่าดีมากๆทีเดียว”

...

ตอนนี้ 26 แล้ว คิดว่ามุมมองโตเป็นผู้ใหญ่หรือยัง มีเป้าหมายชีวิตที่อยากทำมั้ย

“ถ้าพูดถึงในพาร์ตของชีวิต ผมเป็นคนที่มองเรื่องชีวิตค่อนข้างจะไกลกว่าอายุตัวเองหน่อย เพราะว่าเราไม่ได้โตมาในครอบครัวที่มีเงินมีทองที่จะสามารถสนับสนุนเราได้ทุกเรื่องตั้งแต่แรก เราจึงต้องช่วยพ่อแม่หาเงิน บางอย่างเราส่งตัวเองเรียน อย่างร้องเพลง หรือเรียนพิเศษ หรือช่วยเค้าหาเงินได้ เราก็ทำหมด เราก็เลยรู้สึกว่าเราต้องวางแผนชีวิตมากกว่าคนในวัย 26 ผมจะไม่ได้ใช้ชีวิตเหมือนคนอายุ 26 ที่ถือเป็นวัยเต็มที่กับชีวิต แต่ผมจะใช้ชีวิตแบบหัวหน้าครอบครัว หมายถึงว่าเราดูแลครอบครัว เราต้องดูแลพ่อแม่ เขาเกษียณแล้วรายได้เค้าก็ต้องหดหาย นั่นแปลว่าเราขึ้นมาทำหน้าที่หัวหน้าครอบครัวแทนเขา เราต้องวางแผนอนาคต เขาจะอยู่ยังไง เราต้องวางแผนไว้อย่างดี ซึ่งความคิดพวกนี้มันเกินอายุอยู่แล้ว ตอนเด็กๆเห็นเขาลำบากมา เราก็เลยมีความฝันว่าอยากให้เขาสุขสบาย ได้อยู่บ้านดีๆ ได้กินของดีๆได้ไปเที่ยวที่อยากไป วันนี้ผมซื้อบ้านให้เขาได้แล้ว และก็ต่อๆไปเราก็อยากพาเขาไปเที่ยว เราอยากทำให้เขามีความสุขครับ”

ความรักตอนนี้เปิดใจแล้วหรือยัง หรือไม่อยากมีแฟน

“คือผมไม่เคยปิดนะ ถ้ามีใครมาเนี่ยผมก็พร้อมเปิดใจนะแต่มันยังไม่มี คือทุกวันนี้ผมทำงานค่อนข้างหนักมาก ทำงานทุกวันเลย สมมติเลิกงาน 6 โมงเย็น 2 ทุ่มก็จะนอนละ ไม่อยากคุยโทรศัพท์กับใครแล้ว อยากทิ้งตัวแล้วก็หลับไปเลย ค่อนข้างจะเป็นคนที่ใช้พลังทำงานในกองถ่ายเยอะมาก ถ้าวันไหนได้พักจริงๆก็อยากจะไปดูหนัง อยากนั่น อยากนี่ อยากฮาฮากับเพื่อนๆมากกว่า” เป็นแนวรักคนยากหรือเปล่า “ผมยังต้องการเวลาส่วนตัวเยอะมากกว่าปกติ เรามีเวลาให้ครอบครัวน้อยมาก ถ้าผมจะเอาเวลานั้นไปให้ผู้หญิงเนี่ย ผมจะคิดเสมอว่าผมต้องดูแลแม่ผมให้ดีก่อน ถ้ายังดูแลแม่ได้ไม่ดี ผมจะไปดูแลคนอื่นได้เหรอ? อีกอย่างตอนนี้ก็ยังมีความสุขกับชีวิตในช่วงนี้ ยังแฮปปี้กับชีวิตโสด ในช่วงนี้ก็อาจจะมีเหงาบ้าง ยิ่งทำงานมาหนักๆ มันก็ต้องรู้สึกเหงาบ้างเป็นธรรมดา แต่เดี๋ยวเดียวเราก็หายเพราะเรามองในมุมที่มันบวกเข้าไว้ จริงๆก็อยากมีครอบครัวนะ แต่ตอนนี้เรายังแฮปปี้กับชีวิตโสด เรายังต้องการทำงาน เรายังอยากสร้างเนื้อสร้างตัวเพื่อที่จะได้ปกป้องเขาในบั้นปลายชีวิตได้ เขาจะได้ไม่ต้องมาลำบากมาก ผมอยากแบบพร้อมที่จะดูแลเขาแล้วค่อยว่ากันอะไรแบบนี้”

...

นอกจากจะคิดบวกแล้ว มีวิธีแก้เหงาอย่างไรอีก

“วิธีแก้เหงาของผมก็ออกไปหาเพื่อน ชวนเพื่อนไปดูหนัง ผมมีเพื่อนหลากหลายกลุ่มหลากหลายวัยมาก บางทีก็ชวนกันไปดูหนัง ตอนนี้แม่ก็ย้ายมาอยู่กรุงเทพฯด้วยกันแล้ว ก็จะชวนแม่นี่แหละไปดูหนังด้วยกัน จริงๆผมมองว่าวัยเลข 3 ขึ้นไปนะที่จะเหมาะกับผู้ชาย ถ้าเกิดจะมีครอบครัว ผมชอบเล่นกับเด็กนะ เป็นคนรักเด็ก แต่ในวัยเรานี้ยังต้องทำงานหาเงินเพื่อให้ถ้าวันหนึ่งเราจะมีครอบครัว เราต้องดูแลรับผิดชอบมากที่สุดในฐานะหัวหน้าครอบครัว ส่วนสเปกนั้น ณ วันนี้ไม่มีแล้วครับ มันตอบไม่ได้จริงๆ คือมันเคยมีสเปก แต่ว่าเอาเข้าจริงมันก็ไม่มี ตอนวัยรุ่นผมชอบผู้หญิงตัวเล็กตาโต ปากนิด จมูกหน่อย คือน่ารัก แต่พอโตมาสเปกคือความรู้สึกบอกว่าใช่ เรารู้สึกว่าอยู่กับคนนี้แล้วแฮปปี้ นั่นแหละคือสเปก ถ้าจะให้อธิบายว่าชอบคนแบบไหนก็น่าจะประมาณว่าเป็นคนที่เข้าใจซึ่งกันและกัน ฟีลแบบว่าเรามาสร้างครอบครัวไปด้วยกันนะช่วยกันทำมาหากินไม่ต้องถึงกับดูแลทุกอย่างเป็นหัวหน้าครอบครัวขนาดนั้นเพราะนั่นหน้าที่เรา แค่ว่าได้มีส่วนร่วมที่จะให้ชีวิตครอบครัวได้ก้าวต่อไปอะไรแบบนี้มากกว่า ซึ่งง่ายๆก็คือผมอยากได้คู่ชีวิตที่ทำได้เหมือนที่แม่ผมทำน่ะครับ”

อยากจะฝากอะไรเกี่ยวกับคอนเสิร์ตในครั้งนี้

“อยากบอกว่าคอนเสิร์ตนี้เป็นคอนเสิร์ตที่รวบรวมสามีแห่งชาติของทุกคนมาไว้ในที่เดียวกัน (ตุ้ย-ธีรภัทร์, บอย-พีซเมคเกอร์, ทอม-อิศรา, อ๊อฟ-ปองศักดิ์, กัน-นภัทร, ไอซ์-ศรัณยู, โทนี่ รากแก่น, เจเจ-กฤษณภูมิ, นนท์-ธนนท์ และ พีช-พชร) ซึ่งคิวยากมาก อยากให้ทุกคนมาดู เป็นคอนเสิร์ตที่พิเศษที่สุด ที่สำคัญเราเล่นเพียงแค่รอบเดียวเท่านั้น แล้วเจอกันนะครับ”.

...

ทีมข่าวบันเทิง