ยังเดินหน้าทำเพลงต่อไปไม่หยุด ศิลปินหนุ่มหล่อเซอร์ “เป้-อารักษ์” (Pae Arak) หรือ “เป้-อารักษ์ อมรศุภศิริ” สังกัดค่าย What The Duck (วอท เดอะ ดัก) ปล่อยอีพีอัลบั้ม “อาราโกชิน่า (ARAGOCHINA)” ให้แฟนๆได้เผยความกวนในตัวเป้และฉีกแนวดนตรีแบบที่เคยทำ ปล่อยซิงเกิลมาแล้วทั้งเพลง “ไม่ต้องทำหรอกบุญ” และ “รักเธอคนเดียว” ซิงเกิลที่ 3 เพลง “สอนใคร” และซิงเกิลที่ 4 ล่าสุดกับเพลง “ไม่บอก” ที่แซวคนติดโซเชียล แม้จะเจอกระแสมาทุกรูปแบบแต่ เป้ ไม่เคยท้อขอแค่คนเปิดใจเข้ามาฟังเพลงมากขึ้น เลยชวน เป้ คุยถึงเพลง “ไม่บอก”

“เพลงไม่บอก จริงๆเป็นเพลงแรกของอัลบั้ม อาราโกชิน่า ผมแต่งเพลงนี้แล้วเอาไปให้พี่เล็ก-ฮิวโก้ ฟัง พี่เล็กบอกว่ามันมีทางที่จะทำเพลงนี้ให้ออกทางอาร์แอนด์บี และแซมเปิ้ลมิวสิก พี่เล็กมาร่วมในโปรเจกต์นี้ ทำเพลงร่วมกับคุณมาชิน่า โปรดิวเซอร์ร่วม ทำออกมาแบบที่มันเป็นอยู่แล้ว ตัวเพลงไม่เปลี่ยนแต่มาใส่ดนตรี เพลงนี้ใส่ซาวด์เสียง เราไม่สนว่าต้องใช้เครื่องดนตรีสด แต่สังเคราะห์ขึ้นใหม่ การอัดก็เป็นการอัดที่แปลก อัดผ่านไอแพด บ้านพี่เล็ก แล้วเอาไปให้คุณมาชิน่า โปรดิวเซอร์ ทำให้มันดีขึ้น ชื่ออัลบั้ม “อาราโกชิน่า” ก็คือ อารักษ์ ฮิวโก้ มาชิน่า คอนเซปต์เป็นเหมือนยาชนิดหนึ่ง ถามว่าแก้อาการอะไรก็แล้วแต่เพลงครับ อย่างเพลงไม่บอก ก็แก้อาการติดโซเชียลครับ เป็นเรื่องที่เราอยากบอกว่า อะไรที่เราไม่ได้บอกออกโซเชียลในยุคนี้ มันกลายเป็นเรื่องไม่จริง นี่คือคำพูดของพี่เล็ก ฮิวโก้ เราเลยได้ประเด็นนี้มา ว่าถ้าอะไรเราไม่โพสต์คือไม่ได้เกิดขึ้นจริงเหรอ นี่คือธีมหลักเลยเอาเรื่องความรักมาเกี่ยว”

...

หลายคนบอกว่าอัลบั้มนี้คือความแปลกใหม่? “แปลกใหม่ครับ สมัยก่อน เราทำเพลงโฟล์กเพราะเราฟังเพลงโฟล์ก ทำเพลงร็อกเพราะฟังเพลงร็อกมาตั้งแต่เด็ก พอโตมาเราฟังเพลงตามยุคสมัยมันก็เปลี่ยนโลกไป เราพยายามแต่งดนตรีให้จบภายใน 4 คอร์ด เหมือนเพลงในยุคนี้ อัลบั้มนี้แต่ละเพลงกวนๆ ชุดนี้ตอนที่เริ่มทำ พี่เล็ก-ฮิวโก้ ตัดเพลงรักอกหักทิ้งไปหลายเพลงเพราะมันไม่เข้ากับอัลบั้มนี้เพราะอัลบั้มนี้มันต้องเกเรหน่อย ไม่ค่อยจริงใจ มันคืออีกครึ่งนึงของผม ครึ่งนึงที่อ่อนไหว ขี้แง เก็บไว้ก่อน (ยิ้ม)”

เพลงไม่บอก เอาไว้แทนความรู้สึกตัวเองด้วยรึเปล่าเพราะเป็นคนไม่ค่อยพูดเรื่องความรักเยอะ? “อันนั้นไม่เกี่ยว (ยิ้ม) จริงๆก็อาจจะใช้ได้ แต่มันไม่เกี่ยวหรอกเพราะผมไม่บอกอยู่แล้ว คนคิดอย่างนั้นเยอะว่าเป็นมุมของผม แต่ความจริงแล้วไม่ใช่นะ อาจจะมีส่วนแค่เล็กน้อย เราก็เอาบางเรื่องที่เป็นประสบการณ์ของเรากับสุภาพสตรีมาเขียน เช่น ก่อนกินข้าวต้องถ่ายรูป จริงๆแล้วมันไม่ผิดอะไรเลย เราแค่เห็นเยอะว่าเป็นเทรนด์เลยเอามาล้อซะหน่อย อย่างกระแสเพลงนี้ก็ยังไม่มีคนว่า ตอนแรกผมแอบคิดว่ามันแปลก มาคิดว่าการที่คนว่ามันเป็นเรื่องดีรึเปล่าเพราะเราก็เจอมาตลอด แต่ตอนนี้คือไม่มีคนว่าเลย พี่เล็ก ฮิวโก้ บอกว่า การที่ไม่มีคนว่าเลยคือคุณกำลังสร้างความน่าเชื่อถือแล้วเพราะฉะนั้นจงดีใจ ก็เลยลองเปลี่ยนดู แต่ว่าปัญหาของมันคือคนไม่ได้ฟังเยอะ ตอนนี้การทำให้คนมาฟังเพลงผมไม่ได้เป็นเรื่องง่าย ไม่เหมือนเมื่อก่อน เราต้องพยายามต่อไป” คิดว่าเป็นเพราะอะไร? “คงเป็นเพราะกำแพงบางอย่าง กำแพงชื่อ กำแพงความเพี้ยนของเรา หรือความไม่เข้าหูก็อาจจะเป็นได้”

เราพยายามทำลายกำแพงคนฟังยังไง? “เราก็พยายามทำไปเรื่อยๆครับ มันไม่มีทางอื่น เราแค่ไม่หยุด เหล็กกับไม้เราก็พยายามทำอัลบั้มที่มันสุนทรีแล้ว เราก็ทำต่อไป ผมเชื่อว่าสิ่งที่เราทำมันเหมือนการเก็บสะสมไว้ วันนึงมันจะเอากลับมาใช้เมื่อไหร่ก็ได้” สิ่งที่เราตั้งใจตอนนี้มันติดอยู่กับการรับรู้ของคน? “ใช่ครับ คนอาจจะมีภาพจำของผมและเพลงสมัยนี้มันมีตัวเลือกเยอะ เราจะไปบังคับให้เค้ามาฟังเพลงเราก็คงไม่ได้ จะบอกว่าคนไม่เปิดใจก็ไม่ใช่ คนก็เปิดใจเยอะขึ้นแต่เราต้องการมากกว่านี้ สมัยก่อนเราเคยได้รับความสนใจเยอะเวลาปล่อยเพลง พอมาตอนนี้มันน้อยลงไป เราก็เข้าใจว่ามันเป็นวัฏจักรแต่เราก็ยังไม่ท้อ อยากกลับไปอยู่ตรงนั้นได้อีก ให้คนได้ฟังเพลงที่เราทำมันเป็นอาชีพ”

ถ้ามองเส้นทางเพลงที่เราตั้งใจถึงวันนี้คิดว่าตัวเองเติบโตแค่ไหน? “ถ้ามองว่าตัวเราเติบโตแค่ไหน ผมมองว่าสุดท้ายผมก็ฝืนตัวเองในการทำเพลงไม่ได้อยู่ดี ถ้าเป็นอัลบั้มตัวเองเราก็ทำอะไรตามใจเรา หลายคนบอกว่าชุดใหม่ไม่ใช่เป้นี่ เป้ต้องเป็นโฟล์ก ผมเองเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เราไม่ได้ยึดติด อัลบั้มหน้าเป็นเพลงรัก” เรื่องหัวใจตอนนี้ล่ะ? “เงียบๆครับ ไม่มีอะไร ยิ่งเห็นข่าวคนเลิกกันแล้วต้องมาพูดถึงอีกฝ่ายนึงบ่อยๆผมยิ่งไม่อยากบอก แต่ตอนนี้ผมไม่มีจริงๆ อย่างตอนชกมวย มันสนุกมาก เป็น 4 เดือนที่ผมไม่มีชีวิตอย่างอื่นเลย”

เพื่อนๆรุ่นเดียวกันมีครอบครัวหมดแล้ว? “ก็มีครับ วัยเดียวกันมีแล้ว แต่ก็ยืมคำพี่ฮิวโก้มาอีกแล้วว่า ไม่เป็นไร เรื่องแบบนี้มันไม่ใช่สำหรับทุกคน คงต้องเจอคนที่พร้อมจะอยู่ด้วยกัน” ถึงตอนนี้อยากเจอรักแบบไหน? “จริงๆ แบบไหนก็ได้นะ สุดท้ายผมยังคิดแบบมุมมองเด็กๆ ว่าเราจำเป็นต้องคลั่งไคล้คนคนนั้นก่อน บางคนอาจจะแป๊บเดียวหรืออยู่นานๆ ก็ได้ อาจจะเป็นชีวิตผม แล้ว อายุเท่านี้คงเจอยากหน่อย”.

...