เป็นอีกหนึ่งคู่รักที่หลายๆ คนแอบอิจฉา ระหว่าง ชาคริต แย้มนาม และ แอน ภัททิรา ที่ตอนนี้ทั้งคู่มีชีวิตครอบครัวที่สมบูรณ์ พ่อแม่ลูก และช่วยกันทำมาหากินอย่างขยันขันแข็ง ล่าสุด รายการตีท้ายครัว ได้ไปบุกบ้านบนเนื้อที่ 3 ไร่กว่าของทั้งคู่ ซึ่งงานนี้สาวแอนได้เล่าชีวิตอีกมุมของชาคริตที่ไม่มีใครรู้มาก่อนให้ได้ฟังอีกด้วย
บ้านหลังนี้มีพื้นที่ 3 ไร่กว่า เจ้าของเดิมมีคนมาขอซื้อก็ไม่ขาย เพราะรักบ้านหลังนี้ ทำไว้ให้ครอบครัว แต่ลูกๆ ไปอยู่เมืองนอก ก็เลยต้องเลือกคนซื้อ ตอนมาดูบ้าน พาแม่มาด้วย แม่เห็นต้นไม้เยอะ ก็บอกว่าเอา ตอนแรกกะว่าจะทิ้งไว้ก่อน แต่พอมีเจ้าตัวเล็ก ก็เลยต้องรีบทำ
ตอนนี้กำลังจะสร้างต่อเติม มีทำเป็นออฟฟิศเล็กๆ ทำของกินขาย และสามารถกลับไปรับงานในวงการบันเทิงได้แล้ว ก็ได้ฤกษ์ว่าจะสร้างบ้านซะทีให้เป็นเรื่องเป็นราว
กับแอนคนที่รู้จักผมได้เจอน้อยมาก ไม่กี่คน อยากคบกันแบบมนุษย์ปกติ ผมห่วงเค้า ห่วงบ้านเค้า จากที่อยู่ปกติมาวันนึงก็กลายเป็นคนที่ใครๆ ก็อยากรู้จัก อยากรู้ชีวิต กลัวเค้าจะช็อก
...
ช่วงที่แอนท้อง เค้าดูแลดีมาก ช่วงนั้นงดรับงาน รับแต่งานพิธีกร แพ้ท้องแทนเมียมาก อาเจียน ขี้น้อยใจ งี่เง้า เซนต์ซิทีฟ ร้องไห้ ตอนที่ท้องเค้าดูแลดี ซื้อครีมทาท้องให้ ต้องจับท้องตลอด ตัดเล็บให้ ค่อนข้างดูแลดี ผูกเชือกรองเท้าให้ บีบนวดให้
ตอนนั้นผมเล่นละคร เค้าทำงานเป็นโปรดิวซ์ เค้าต้องคอยประสานงานในกอง พอถ่ายละครเสร็จ ก็โทรไปเช็กกับเค้าว่าเช็คออกรึยัง พอเช็คออกแต่ก็ยังโทรหา ถามว่าเป็นอย่างไร นัดเจอกันบ้าง
แอนเล่าว่า ตอนที่คบกันคบๆ เลิกๆ ชาคริตเสริมต่อว่า ตัวเองไม่ชัวร์ ว่าถ้าหากเค้ามาคบจะรับตัวตนได้มั้ย ครอบครับจะรับเรื่องราวในอดีตได้มั้ย อาจจะได้ไม่คุ้มเสียกับเค้า พยายามห่างกันไปหลายครั้ง เป็นแบบนี้อยู่ประมาณปีนึง แต่เราก็โตๆ กันแล้ว ก็เลยตัดสินใจคบกันแบบมนุษย์ปกติ โดยที่ไม่มีเรื่องของชื่อเสียงเงินทองเข้ามาเกี่ยวข้อง
ก็อยู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกัน จนน้องมา ก็ต้องบอกนักข่าวว่าจะมีลูกและกำลังจะไปแต่งงาน แอน เล่าต่อว่า ในวันแต่งงาน น้องชายไม่เคยดื่มก็ดื่มและเครียดมาก เราจัดงานรอที่จันทบุรีแล้ว เค้าเครียดมาก พ่อก็ถามว่านี่ทุ่มนึงแล้ว คริตยังไม่มา ตกลงเค้าจะแต่งงานรึเปล่า วันนั้นเค้าไปถึงประมาณทุ่มกว่า
ชาคริตเสริมต่อว่า แต่ตอนนั้นผมยังแถลงข่าวอยู่กรุงเทพฯ ตอนนั้นบ่ายสี่โมงแล้ว เพิ่งจะออกจากตึก จนพี่น้องเค้าถามว่ามันจะมามั้ย คือถ้าไม่เป็นข่าว งานมันก็ถูกจัดขึ้นอยู่แล้ว ต้องทำให้มันถูกต้อง เพราะก่อนหน้านั้นไปขอแม่ขอพ่อเงียบๆ ของเราแล้ว แต่พอเป็นข่าว งานก็ยังอยู่ แต่คนเค้าไม่ได้อยู่ในวงการบันเทิง เค้าก็เลยช็อก
ในชีวิตแอนไม่เคยคิดว่าจะได้ชาคริตเป็นสามี จากนั้นชาคริตพูดแทรกว่า ตนไม่ใช่ดาราในดวงใจเค้าด้วยซ้ำ ซึ่งแอนก็เผยว่าดาราในดวงใจของตนคือณเดชน์ และบอกว่าอยู่กับชาคริตแล้วไม่ได้รู้สึกว่าอีกฝ่ายเป็นดารา วินาทีแรกที่เข้าไปอยู่กับเค้า รู้สึกว่าทำไมผู้ชายคนนี้น่าสงสารจังเลย
รู้สึกว่าในแต่ละวันต้องรอเค้ากลับบ้าน พอมาถึงสภาพมีแผลเต็มตัว ตอนนั้นเค้ารับบทบู๊ 3 เรื่อง ทำงาน 7 วัน แล้วพอคบไประยะนึงเค้าพาไปเจอแม่ ตนร้องไห้น้ำตาไหลเลยตอนที่เจอแม่ เพราะภาพที่คนมองชาคริต ต้องเท่ ดูเป็นผู้ชายที่ใครต้องการ แต่พอเปิดบ้านไปเจอแต่ความเครียด เจอแม่ที่นอนไม่สบาย ตะโกนโวยวาย
...
มันเป็นภาพที่ไม่ได้สวยเลย ใครที่จะอยู่กับเค้าและรับสภาพนี้ไปกับเค้า สู้ไปกับเค้า เราก็บอกว่า โอเค ตอนนั้นตัดสินใจคบ ก็คบอยู่กับเค้า อยู่เคียงข้างเค้า พออยู่ด้วยกัน เค้าก็ชวนกินส้มตำเพิงหมาแหงน และเค้าชอบกินอะไรแปลกๆ กินลาบควาย กินทุกอย่าง
ในความเป็นเค้ามันทำให้เรารู้สึกว่าไม่ได้แตกต่างกัน ทุกวันนี้อยู่กันเหมือนเพื่อน ไปไหนด้วยกันตลอด ตัวติดกันทุกที่ ชาคริตเสริมต่อว่า ได้รู้จักการร่วมทุกข์ร่วมสุขกัน ตั้งแต่ได้ผู้หญิงคนนี้มาเป็นภรรยา มาเป็นแม่ของลูก มาดูแลแม่เราด้วย ไม่เคยเหนื่อยกับการทำหน้าที่แทนเรา ภายใน 2 ปีแต่งงานกัน มีลูกมันได้ผจญภัยด้วยกันเยอะ.
...